นั่งอ่านบทสัมภาษณ์ คนเมืองปาย คนหนึ่งแล้วจากหนังสือพิมพ์ Paipost เราได้เรียนรู้ถึงวิธีคิดกับวิถีที่เขาเลือกเดินเป็นบทสัมภาษณ์ “Toron” หนุ่มแดนปลาดิบคนหนึ่ง ที่เวลาผมมักจะเห็นเขาเดินแถวถนนที่ปาย ...นานมาแล้ว
เราจะเห็นเขาบ่อยๆ ชายเอเชีย หน้าตาน่าจะเป็นคนญี่ปุ่น พบเขาพร้อมใบหน้าที่ยิ้มแย้มตลอดเวลา
อัธยาศัยไมตรีที่น่ารักของโตรอน ทำให้คนที่ปายคุ้นเคยและถือว่าเขาเป็นสมาชิกคนหนึ่งที่เป็นคนเมืองปาย...ซึ่งเขาก็บอกว่าเขาเป็นคนที่นี่ เขาเป็นคนเมืองปาย
Picture from www.paipost.com
บทสัมภาษณ์ของ Hiroshi Arakawa ทำให้เราได้เรียนรู้บางแง่มุมของประเทศญี่ปุ่นที่หล่อหลอมความเป็นเขา ผ่านวิธีคิดของเขา
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากเขาที่ผมสนใจมี 2 ประเด็น
เขาให้สัมภาษณ์กับนักข่าวของ Paipost เกี่ยวกับตัวเขาเองว่า...
Toron: Where should I start? Normally in Japan, after you finish high school, there are two options – go to university or become a ‘salary man’. But I am different from them … deep inside me, I always knew that neither of those options were right for me. I wasn’t sure what was right, but when I was 18 years old I went travelling for the first time – to India. I travelled by ship and bicycle. I didn’t know anything about the outside world, except ‘The Beatles’
โตรอน : จะเริ่มยังไงดีล่ะ โดยปรกติทั่วไปแล้ว ในประเทศญี่ปุ่น หลังจากที่คุณจบการศึกษาในชั้นมัธยมปลายแล้ว จะมีทางเลือกอยู่ 2 แบบ คือ ศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย หรือไม่ก็ผันตัวเองไปเป็นมนุษย์เงินเดือน แต่ผมกับทั้งทางเลือก 2 ทางนั้น ไม่ใช่ทางสำหรับผม มีอะไรบางอย่างบอกผมอย่างนั้น ผมเลยเริ่มออกเดินทางนอกประเทศเป็นครั้งแรกเมื่อผมอายุ 18 ปี โดยจุดหมายปลายทางของผมคือ ประเทศอินเดีย ผมเดินทางโดยเรือ และจักรยานคู่ชีพของผม ผมไม่มีความรู้หรือข้อมูลใดๆ ที่เกี่ยวกับโลกภายนอกเลย นอกจาก วงดนตรีที่ชื่อ ‘เดอะ บีทเทิล’
นิยามของ “ตัวเขาเอง” ที่ใครๆที่นี่ก็เรียกเขาว่า “ฮิปปี้”
Toron: I am happy. You know what … I have met loads of these people, and I did not understand them … their way of living doing nothing and having a lot of freedom. But then I talked to them, and now I understand them better. I think ‘hippy’ is an old fashioned word, an old story. There should be another word to describe this kind of culture, but I do not know what that is.
โตรอน : ผมเป็น “แฮปปี้” ผมเคยไม่เข้าใจว่า ทำไมคนเหล่านี้ไม่ทำงานเป็นชิ้นเป็นอัน และมีอิสระเหลือเกิน แต่เมื่อได้พบเจอได้คุยกันมากขึ้น ข้อสงสัยของผมก็คลี่คลายลง ผมว่าคำว่า “ฮิปปี้” เป็นเรื่องเก่าไปแล้ว จริงๆ แล้วน่าจะมีคำใหม่ ที่ใช้เรียกคนพวกนี้นะ แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไร
ภาพและเรื่องราวของโตรอน
ติดตามรายละเอียดทั้งหมดที่ www.paipost.com http://www.paipost.com/modules.php?name=News&file=article&sid=52
Your Monthly Slice of Pai
ตอนนี้ อ.ดร.ขจิต เป็นอิสระ หลุดพ้นจากพันธการใดๆมั้ยครับ....?
หรือ... กำลังจะเสาะหาพันธนาการใหม่ๆ
สวัสดีตอนเช้า สายหน่อยๆครับ...ผม
"อย่าให้เวลาพรากความเป็นเด็กไปจากคุณ"
มีใครคนหนึ่งตะโกนบอกผม...
เพราะเด็กมีฝัน มีจินตนาการ ไม่มีคำว่า ฝันลางๆครับพี่Nidnoi
ภาระหน้าที่การงาน อาจไม่ใช่ข้อจำกัด(หลักๆ)ของความมีอิสระ ผมคิดว่าแบบนั้นครับ...
ขึ้นอยู่กับว่า เรากำลังฝันเรื่องอะไรอยู่ ขณะนี้วางแผนกับความฝันอย่างไร
เป็นอิสระแต่รอโอกาส
...เดี๋ยวก็จะมาครับ...รอไม่นาน
แต่อย่าให้ความฝันมันเลือนหายไปเสียก่อนครับ
“ความฝัน” และ “ความเป็นอิสระ” เป็น สองสิ่งที่คนหนึ่งคนต้องการมากที่สุด
ในความเห็นส่วนตัวคิดว่า คนต้องเริ่มฝันเป็นและเริ่มคิดถึงชีวิตของตนเองก่อนถึงจะต้องการสองสิ่งนั้น...หรืออีกนัยยะหนึ่งหมายถึงว่าอาจจะไม่ใช่สองสิ่งที่คนต้องการมากที่สุด แต่อาจเป็นสองสิ่งที่เป็นที่ต้องการที่สุดของคนส่วนหนึ่ง
ครับ ใช่ครับอาจารย์จันทรัตน์ คนส่วนหนึ่ง เดินทางหาความหมายของคำว่าชีวิต บางทีเดินทางทั้งชีวิตเลยก็มี
มีเสวนากลุ่มย่อยๆในร้านกาแฟ ก็ถามกันว่า ชีวิตเขาคืออะไร ทุกคนก็ตอบไป ไม่เหมือนกัน
แต่สิ่งหนึ่งที่ เขาตอบเหมือนกันคือ "ความอิสระ"
เขาเดินทางหา "ความอิสระ" ที่เขาคิดว่า เป็นส่วนประกอบของชีวิต อย่างน้ันหรือ?
เวลาที่เราจะบอกตัวเองได้ว่า "กำลังมีความสุขที่สุด"
คือ เวลาที่เราได้เป็นตัวของเราเองที่สุด
ขอบคุณสำหรับหลายๆภาพความงดงามของ Utopaiค่ะ คุณอะตะผะ
แดนแห่งฝัน วันแดดอุ่น อาบไอหมอก
รอยยิ้มบอก ชีวิตสุข แสนหลงใหล
ยูโทปาย แม้โลกเปลี่ยน ไม่เปลี่ยนไป
เพราะเรียบง่าย จึงพอเพียง และเพียงพอ
paimania : Utopai
สวัสดีครับ คุณ Natalie
เวลาที่เราเป็นตัวของตัวเอง นั่นก็หมายถึง เราเป็นอิสระที่สุด...
...เราปรารถนา ความสงบ ความพอเพียง แม้ทุกอย่างเปลี่ยนไป เรายังยึดมั่น สงบได้ในใจตน
เรียบง่าย พึงใจ ในวิถี...ก็เพียงพอ
ขอบคุณที่ผ่านมาและฝากคำสวยๆไว้ให้อ่านครับ
อ่านบันทึกแล้ว...ได้อารมณ์ประมาณนี้ค่ะ
พี่เล็ก
เข้าใจว่าพี่คง เขียนคำสวยจาก โปสการ์ด ที่แนบมากับบันทึกนะครับ
จริงผมอยากนำเสนอทุกรูปที่เห็นชัดเจน แต่ก็คิดว่าให้เห็นภาพรวมดีกว่า เลยจับนำมารวมกันให้ชม
สีฟ้า สีของฟ้า นี่สวยมากเลยนะครับ
เรามาดูฟ้ากัน...ที่ปายดีมั้ยครับ
เห็นบอกว่าจะพาเพื่อนพยาบาลมาเที่ยว ก็มาได้เลยครับ คิดว่าต่างชาติน่าจะชอบที่นี่ครับ
อาจารย์หมอนนทลี
อาจารย์ทำงานค่อนข้างหนัก เมื่ออ่านจากบันทึกที่เกี่ยวกับงานที่เขียนแบบละเอียด และต่อเนื่อง ผมได้อ่านทุกบันทึก...
ชื่นชมและให้กำลังใจอาจารย์
หากอาจารย์ ว่างหรือ มีโอกาสมาทางเหนือ มาพักผ่อนได้ครับ มาเพิ่มพลังจากธรรมชาติที่พิสุทธิ์แถบนี้ได้นะครับ