สิ่งที่ได้จากการทำบุญ
ในปีนี้ดิฉันไม่ได้ไปเยี่ยมแม่และทำบุญกับแม่ที่ต่างจังหวัดในวันแม่ตามที่ตั้งใจไว้ ซึ่งคุณหมอศิริวรรณ เคยบอกดิฉันทุกครั้งที่ดิฉันลาพักผ่อนหรือมีวันหยุดติดกันหลายวันแล้วบอกคุณหมอว่าดิฉันจะไปเยี่ยมแม่ที่บุรีรัมย์ คุณหมอจะบอกว่า "Visit is the best reward for mother" ทำให้ดิฉันตั้งใจว่าจะไปเยี่ยมท่านบ่อยๆ ทุกครั้งที่มีโอกาส
หลังเสร็จสิ้นภารกิจของครอบครัวในวันที่ 12 ส.ค. 2549 แล้ว ในวันนี้ (13 ส.ค. 2549) จึงได้มีโอกาสไปทำบุญทำทานตามอัธยาศัย โดยเริ่มจากไปทำบุญที่พุทธมณฑล ฟังเทศน์และถวายสังฆทาน ซึ่งแต่ก่อนดิฉันเคยไปแทบทุกเดือนช่วงพี่สาวไม่สบายและต้องใช้เวลาในการรักษานาน ไปแล้วจะรู้สึกปลอดโปร่ง สูดอากาศบริสุทธิ์ สบายกายสบายใจ และวิธีการทำบุญก็ง่าย ไม่ยุ่งยากซับซ้อน เตรียมของไปก็ได้ ไม่เตรียมของไปก็ไปซื้อหาบูชาได้ที่ศาลา มีเตรียมไว้เป็นชุดๆ ตามแต่เราศรัทธา จัดให้ฟังพระเทศน์และถวายสังฆทานเป็นรอบๆ วันละ 4 รอบ ในวันหยุดราชการและวันหยุดชดเชยต่างๆ มีกำหนดการแปะประกาศไว้ว่าวันไหนนิมนต์พระจากวัดไหนมาทำพิธี ซึ่งการไปครั้งนี้พบว่ามีผู้คนเลื่อมใสศรัทธามาทำบุญที่แห่งนี้กันเยอะมาก อาจจะเป็นเพราะเป็นวันหยุดยาวและติดกับวันแม่ด้วย จึงมีบางครอบครัวที่มากันเป็นกลุ่มใหญ่ประกอบด้วยพ่อ-แม่-ลูก-ปู่-ย่า-ตา-ยาย เห็นแล้วรู้สึกอบอุ่นแทน หลังจากตรวจน้ำ ประพรมน้ำมนต์เรียบร้อยแล้วก็ถึงตอนทำทาน ได้ซื้ออาหารเลี้ยงปลา เลี้ยงเต่าที่อาศัยในสระน้ำบริเวณพุทธมณฑลนั่นเอง
กว่าจะออกจากพุทธมณฑลก็เป็นช่วงเที่ยง หลังอาหารกลางวันก็ได้ไปทำทานต่อ โดยบริจาคเงินที่บ้านเด็กอ่อนและบ้านราชาวดี ปากเกร็ด ซึ่งพบว่าปัจจุบันทั้ง 2 แห่งมีการพัฒนาไปมาก มียามคอยต้อนรับ บอกทาง อำนวยความสะดวก มีเจ้าหน้าที่รับบริจาคซึ่งมีพฤติกรรมบริการที่ดี ให้ข้อมูลและตอบคำถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม หลายๆ คนที่ไปทำบุญรู้สึกพึงพอใจและประทับใจ และตั้งใจว่าจะชักชวนกันมาอีก
สิ่งที่ได้จากการทำบุญในวันนี้ คือ วิธีการที่เรียบง่าย ไม่ยุ่งยาก ไม่มีกฏกติกาที่ซับซ้อน การสื่อสารที่ดี และที่สำคัญ คือ พฤติกรรมบริการที่ดี เป็นสิ่งที่ดึงดูดและสร้างความประทับใจแก่ผู้มาติดต่อได้อย่างดียิ่งค่ะ