ชีวิตสามเณร 1
นครพนมคือถิ่นเกิดของผม ผู้คนในหมู่บ้านนับถือศาสนาผีและศาสนาพุทธ เพราะกลางหมู่บ้านมีวัดแต่ห่างจากหมู่บ้านไปประมาณ 2 กิโล มีดอนปู่ตา ชิวิตวัยเด็กสนุกสนานมาก...เช่นเวลาฝนตก...เด็ก ๆวื่งทำตัวให้ลื่นไถล...ไปกับเลนตมบนถนนหน้าบ้าน...ซึ่งไม่ใช่ถนนคอนกรีดในปัจจุบัน
พอถึงฤดูฝนแม่น้ำลำห้วยเต็มไปด้วยน้ำสะอาด พวกเด็ก ๆพากันไปอาบน้ำเป็นกลุ่ม ๆ มีทั้งเด็กชายเด็กหญิงอาบน้ำในลำห้วยแห่งนั้น เด็กหญิงบางคนนมตั้งเต้าแล้วก็ยังแก็ผ้าอาบ...ดำ...ว่าย...อยู่เลยครับ ฮา ๆ เอิก ๆ
เมื่อเรียนจบ ป. 4 ผมอายุย่างเข้า 12 ปี พ่อพาเดินทางไปพบพระอาจารย์ของท่านที่วัดและโกนหัวทำพิธีบวชเป็นสามเณร ผมไม่รู้ว่าทำไมต้องบวช...แต่พ่อกับพระอาจาจย์เท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ดี
วันนั้น...พ่อลาผมแล้ว...หันหลังกลับ ท่านเดินทางลัดเลาะไปตามท้องทุ่งที่กว้างไกลสุดสายตา ทางด้านขวามือที่ผมยืนส่งพ่อถ้ามองผ่านท้องทุ่งเห็นป่าแล้วยังเห็นขุนเขาในประเทศลาวด้วยครับ ผมยืนมองจนภาพสุดท้ายของพ่อหายไปกับหมู่แมกไม้...พึ่งรู้สึกตัวว่า...มีน้ำตาคลอเบ้า
สามเณรชาวบ้านเรียก จัว รักษาศีล 10 อยู่กับสมภารวัด... มีชีวิตที่ฝึกตน...ทนต่อความยากลำบากนานาประการ ช่วงเข้าพรรษา 3 เดือน ต้องตื่นตี 4.30 น. เพื่อมาทำวัตรสวดมนต์ ประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วลงไปกวาดลานวัด...ซึ่งกว้างมาก ๆๆ ผื้นดินปนทราย ที่กวาดคือใบไม้นานาชนิด ส่วนมากเป็นใบมะม่วง...กว่าจะเสร็จก็ได้เหงื่อ...ฮา ๆ เอิก ๆ
หลังอาบน้ำเสร็จก็ครองจีวรอุ้มบาตรมาให้โยมใส่ข้าวเหนียว...ข้าวเหนียวปั้น...สังมาเหนียวแท้หนอหมู่...บาดข้าวเหนียวถืกน้ำ...สังมาม้างแตกกระจาย...ขอให้โฮมกันไว้...อีสานเฮาให้พร้อมพร่ำ...อย่าให้เพแตกม้าง...คือน้ำถืกข้าวเหนียว...เด้...นางเอย...
พอเจ้าห้วจัวน้อยฉันข้าวเช้าเสร็จแล้วก็ให้ศีลให้พร...โยมก็พากันกินข้าวบนศาลาวัด...บางส่วนก็กลับบ้าน...
โปรดติดตามตอนต่อไป
ด้วยความปรารถนาดี
จาก...umi
อรุณสวัสดิ์คะ...อาจารย์...
ถึงบางอ้อ...แล้วคะ...ที่อาจารย์ไปฝากรอยไว้ที่บันทึการเดินทาง : ทัวร์ธรรมะ (นครพนม)...(อิอิ...ยิ้มๆ)
....
จะขออนุญาตติดตามอ่าน...นะคะ...
ชอบอ่านบันทึกอาจารย์คะ...สบายๆ แต่ได้สาระ...
และที่สำคัญ...มาแอบเก็บข้อมูล...อินเดีย...ในมุมของผู้ที่ไปอยู่...จริงคะ....
ขอบพระคุณนะคะ...
กะปุ๋ม
สวัสดดีครับ คุณกะปุ๋ม
ขอบคุณมากครับ...ฮา ๆ เอิก ๆ ผมคิดอยู่นาน...
ว่า...ผมเอามะพร้าวห้าวมาขายสวนหรือไม่ครับ...
ตกลงว่าผมขายมะพร้าวทั้งสวนเลยครับ...
เกี่ยวกับอินเดีย...เห็นเริ่มมีหลายสำนวนแล้วครับ...
หนึ่งในนั้น...มีท่าน อ. หมอวิจารณ์ ร่วมด้วยครับ...
ด้วยไมตรีจิตมิตรภาพ
จาก...umi
สวัสดีครับ คุณบวร
ดีใจเช่นกันครับผม...ถ้าผิดตรงไหนก็ช่วยบอกด้วยนะครับ
ขอให้อยู่ดีมีแฮงเช่นกันครับ...ฮา ๆ เอิก ๆ
ด้วยไมตรีจิตมิตรภาพ
จาก...umi
สวัสดีครับ คุณกัลยา มิขะมา
เรื่องผีผี มีแน่ ๆครับ...แต่จะน่ากลัวหรือไม่...ไม่แน่ใจ
คุณกัลยา เป็นคนกลัวผีหรือครับ...
ขอบคุณที่เราได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน
ด้วยไมตรีจิตมิตรภาพ
จาก...umi
สะบายดีคับ อาจาน คนลาวคือกัน
เขียนดู่ๆๆเด้อคับ สิเข้ามาอ่านดู่ๆๆ คือกัน
สว้สดีครับ คุณออต
สะบายดีเช่นกันครับ...ชื่นใจ ๆจะพยายามเขียน ดู่ ๆๆ
ครับผม...เท่าที่ผมจะบริหารเวลาได้นะ...
ขอบคุณมากครับ...ที่เราได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน
ด้วยไมตรีจิตมิตรภาพ
จาก...umi
มาขอตอบแทน...ในเลือดคนอิสานโดยแท้คะ...
เขียนดู่ๆๆ...แปลว่าเขียน...เขียนบ่อยๆ...คะ...
"ดู่ๆ..อ่านหนังสือแน่เด้อ"...= ขยันอ่านหนังสือบ่อยๆ..หน่อยนะ...
ดู่ๆๆ = บ่อยๆ..เป็นประจำ...
555 อาจารย์อุทัยคะ...กะปุ๋มอธิบาย clear ไหมคะ...
สวัสดีครับ คุณโอ๋-อโณ
ด้วยความยินดียิ่ง...ครับผม
ขอบคุณมากครับ...ที่เราได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน...
คำอธิบายที่...คุณกะปุ๋ม...อธิบายถูกต้องแล้วครับผม
ฮา ๆ เอิก ๆ...ชื่นใจที่เรามีการร่วมด้วยช่วยกันอย่างนี้ครับ...ขอบคุณหลาย ๆเด้อ...
ด้วยไมตรีจิตมิตรภาพ
จาก...umi
สวัสดีครับ คุณกะปุ๋ม
แม่น...แล้ว ๆๆ ฮา ๆ เอิก ๆ...ขอบคุณมากครับผม
ที่มาช่วยเติมเต็ม...ขอแสดงความชื่นชมครับ
ด้วยไมตรีจิตมิตรภาพ
จาก...umi
ท่านชาวอีสานทั้งสองตอบพี่โอ๋ถูกต้องแล้วครับ
อาจจะเพิ่มเติมนิดหน่อย เวลามีคำซ้ำเช่นนี้ จะหมายถึงการตอกย้ำเช่น ดู้ดู่ ง้ามงาม ดี้ดี ส่วนมากคำแรกจะออกเสียงสูง ส่วนคำซ้ำตามาจะเสียงต่ำลง ลองออกเเสยงอ่านสำเนียงดูนะครับ ม้วน ม่วน เด้อ
สวัสดีครับ คุณออต
เยี่ยมยอดจริง ๆที่มาเติมเต็มครับ...
มาซ่อยกัน...อย่าสุปะ...อย่าสุถิ่ม...กันเด้อ...
ด้วยไมตรีจิตมิตรภาพ
จาก...umi