จากการศึกษาย้อนหลังในเด็กทารกที่มีตัวเหลือง ในปี 2546 จำนวน 13 รายและในปี 2547 จำนวน 17 ราย พบว่าลดระดับบิลิรูบินในเลือดได้ไม่น้อยกว่า 3 มก./ดล./วัน ซึ่งใกล้เคียงตามหลักทฤษฎีคือ 3-4 มก./ดล./วัน
ชื่อสิ่งประดิษฐ์ เครื่องส่องไฟรักษาเด็กแรกเกิดตัวเหลือง(Phototherapy)
ชื่อผู้ประดิษฐ์/คิดค้น
1. นายแพทย์พิเชฐ บัญญัติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบ้านตาก
2. นายสมเกียรติ จันต๊ะโพธิ์ หัวหน้าหน่วยซ่อมบำรุง
3. นายอภิชาติ รอดแสวง หัวหน้าศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ
สถานที่ติดต่อกลับ
โรงพยาบาลบ้านตาก อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก โทรศัพท์ 0-5559-1435-6 โทรสาร 0-5554-8066 มือถือ 0-1888-9011 e-mail address :
[email protected]หลักการเหตุผล
ในการดูแลทารกแรกเกิด อาการตัวเหลืองจะพบได้ประมาณ ร้อยละ 25-50 ของทารกแรกเกิดทั้งหมดและมีความสำคัญรองลงมาจากปัญหาของทางเดินหายใจ อาการตัวเหลืองจะแสดงให้เห็นในช่วง 1-2 สัปดาห์หลังคลอด อาการตัวเหลืองเกิดจากการมีสารบิลิรูบินสูงในกระแสเลือด ทารกจะดูตัวเหลืองเมื่อบิลิรูบินในกระแสเลือดมีระดับเกิน 5-7 มก./ดล. ในทารกที่คลอดครบกำหนดปกติจะมีบิลิรูบินไม่เกิน 12 มก./ดล.และทารกเกิดก่อนกำหนดจะมีระดับสูงสุดไม่เกิน 15 มก./ดล. สาเหตุที่เกิดตัวเหลืองมีหลายสาเหตุเช่นเม็ดเลือดแดงมีอายุสั้นกว่าปกติ เอนไซม์บางตัวในตับน้อย ขาดเอนไซม์บางอย่าง ได้รับน้ำกับพลังงานน้อย เป็นต้น บิลิรูบินที่สูงขึ้นยิ่งสูงก็จะทำให้มีตัวเหลืองมากขึ้นและมีอันตรายมากขึ้นโดยจะไปจับกับเนื้อสมองทำให้เกิดภาวะสมองพิการ มีอาการอ่อนแรง ซึม จนถึงการหยุดหายใจและตายได้ การรักษาเพื่อลดบิลิรูบินในกระแสเลือดจึงมี ความสำคัญอย่างมากในการป้องกันภาวะสมองพิการของทารก การรักษาทารกที่มีตัวเหลืองจึงมีจุดมุ่งหมายสำคัญในการลดระดับบิลิรูบินในเลือดให้ต่ำกว่าระดับที่เสี่ยงต่อการเกิดสมองพิการ โดยมีการรักษาที่นิยมใช้อยู่ 3 วิธีคือการถ่ายเปลี่ยนเลือด ใช้แสงบำบัดและใช้ยา
ในกรณีที่ระดับบิลิรูบินยังไม่สูงถึงระดับที่ต้องถ่ายเปลี่ยนเลือด การใช้แสงบำบัดจะมีความสำคัญและปลอดภัยสำหรับผู้ป่วย โดยมีหลักการว่าเมื่อบิลิรูบินที่ผิวหนังกระทบกับแสงที่มีคลื่นแสง 420-475 นาโนมิเตอร์ จะถูกเปลี่ยนเป็นสารตัวใหม่ที่ละลายน้ำได้และไม่เป็นพิษต่อเนื้อสมอง ถูกขับออกทางอุจจาระได้ ในโรงพยาบาลบ้านตากเองก็ได้ใช้เครื่องส่องเด็กตัวเหลืองทำเองมานานแล้วแต่เป็นลักษณะตู้ที่ทำด้วยเหล็กฉากที่ไม่สามารถปรับระดับได้และดูไม่น่าเชื่อถือสำหรับมารดาและญาติของผู้ป่วย รวมทั้งปรับระดับและควบคุมแสงและระยะเวลาการใช้หลอดไฟไม่ได้ หากจะซื้อใหม่ก็มีราคาค่อนข้างสูง คณะผู้ประดิษฐ์จึงได้ร่วมกันคิดค้นเครื่องส่องไฟรักษาเด็กตัวเหลืองนี้มาใช้สำหรับรักษาผู้ป่วย ดังกล่าว
วัตถุประสงค์
1. เพื่อประดิษฐ์เครื่องมือช่วยในการรักษาผู้ป่วยทารกแรกเกิดที่มีภาวะเหลือง ลดอันตรายที่จะเกิดจากสารสีเหลืองจับทำลายเนื้อสมองจนเกิดภาวะสมองพิการ
2. เพื่อประหยัดงบประมาณในการจัดซื้อเครื่องส่องไฟรักษาเด็กตัวเหลืองซึ่งมีราคาสูงในขณะที่เทคโนโลยีในการผลิตไม่ซับซ้อนมากนัก
3. เพื่อประดิษฐ์เครื่องมือที่ใช้ส่องไฟรักษาเด็กที่ปรับระดับใช้ได้ทั้งเด็กที่นอนในเปล(คลิ๊ป)สำหรับเด็กเล็กและเด็กที่นอนอยู่บนเตียงกับมารดาได้ สามารถกำหนดระยะเวลาในการส่องไฟ อายุการใช้งานของหลอดไฟได้และดูแลทำความสะอาดหลังและก่อนใช้งานได้ง่าย
วิธีการพัฒนาสิ่งประดิษฐ์
หลักการสำคัญในการประดิษฐ์เครื่องส่องไฟรักษาเด็กตัวเหลืองเป็นการให้แสงบำบัดแบบปรกติ(Conventional phototherapy) โดยใช้คลื่นแสงที่มีความถี่ระหว่าง 400-500 นาโนเมตร โดยใช้หลอดฟลูออร์เรสเซนต์ 4-8 หลอด โดยจะใช้หลอดสีขาวล้วนหรือให้มีหลอดspecial blue light ปนสลับประมาณ 2 หลอด เพื่อเพิ่มให้มีความเข้มของคลื่นแสง 420-475 นาโนเมตรมากขึ้นและไม่รบกวนสายตาแพทย์พยาบาลมากเกินไป โดยวางอยู่เหนือตัวทารกประมาณ 30-45 เซนติเมตร มีการจดอายุการใช้งานของหลอดไฟไม่ให้เกิน 1,000 ชั่วโมง จากแนวทางดังกล่าวทางคณะผู้คิดค้นจึงได้ออกแบบและพัฒนาเครื่องส่องไปรักษาเด็กตัวเหลือง ดังต่อไปนี้
1. อุปกรณ์ที่ใช้
1) HOUR METER
2) หลอดไฟ F.18 W BLUE LIGHT จำนวน 4 หลอด
3) หลอดไฟ F.18 W DAY LIGHT จำนวน 2 หลอด
4) ชุดขาหลอดไฟ 18 W จำนวน 6 ชุด
5) ชุดฟิล์ว หลอด 3 A 220 V.AC. จำนวน 1 ชุด
6) ชุดโคมสแตนเลสพร้อมฐานเคลื่อนที่ จำนวน 1 ชุด
7) สวิทย์ไฟมีหลอดไฟโชว์การทำงาน จำนวน 1 ชุด
8) เออร์รีเกรต 30 A/15 ma จำนวน 1 ชุด
2. งบประมาณ ประมาณ12,000 บาท
3. วิธีการทำงาน
1) แผงสำหรับใส่หลอดทำด้วยเสตนเลสกว้าง 46x75 ซม. ความสูงปรับระดับได้จาก 110-145 ซม. ชุดแผงไฟสามารถปรับเอียงทำมุมได้ 45-90 องศา มีล้อขนาด 3 นิ้ว
2) เมื่อเสียบปลั๊ก ON สวิทย์หลอดไฟทำงานทั้ง 6 ชุด
3) เมื่อ ON สวิทย์หลอดไฟทำงาน HOUR METER ก็จะเริ่มนับเวลาการทำงาน ซึ่งสามารถตรวจเช็คได้ว่าส่องไฟเด็กใช้เวลาเท่าใดเริ่มเมื่อไร
4) หากเกิดการรัดวงจรของเครื่อง ฟิวล์หลอดก็จะตัดวงจรทั้งหมด
5) กรณีที่มีกระแสไฟลงกราวด์ 15 ma ตัวเออร์รีเกรตจะตัดวงจรทั้งหมด ซึ่งเป็นตัวเซฟตี้ที่สำคัญของเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด
การทดสอบประสิทธิภาพสิ่งประดิษฐ์
1. เมื่อนำไปใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วยในโรงพยาบาลบ้านตากพบว่าความพึงพอใจและการยินยอมของมารดาในการรับการรักษามากขึ้น มีความเชื่อมั่นในกระบวนการรักษาเด็กตัวเหลืองมากขึ้น สำหรับพยาบาลที่นำไปใช้กับผู้ป่วยมีความพึงพอใจมากขึ้นเพราะใช้งานง่าย ปรับระดับได้ ตั้งเวลาได้และนับจำนวนชั่วโมงการใช้งานของหลอดไฟได้โดยอัตโนมัติโดยไม่ต้องนับเองบันทึกเอง
2. ได้นำเสนอให้กุมารแพทย์ได้ตรวจสอบและนำไปใช้ที่โรงพยาบาลทั่วไปแล้วอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้และมีความสะดวกในการใช้เพราะใช้ได้ทั้งกับคลิปเด็กและเด็กที่นอนบนเตียงผู้ป่วยกับมารดา
3. ได้มีการวัดพลังงานแสงที่คลื่น425-475 นาโนเมตร จากหลอดไฟตรงระดับผิวทารกได้ไม่น้อยกว่า 5 ไมโครวัตต์/ตร.ซม./นาโนมิเตอร์ด้วย spectrophotometer
4.
จากการศึกษาย้อนหลังในเด็กทารกที่มีตัวเหลือง ในปี 2546 จำนวน 13 รายและในปี 2547 จำนวน 17 ราย พบว่าลดระดับบิลิรูบินในเลือดได้ไม่น้อยกว่า 3 มก./ดล./วัน ซึ่งใกล้เคียงตามหลักทฤษฎีคือ 3-4
มก./ดล./วัน
ประโยชน์และการนำไปใช้
1. ใช้รักษาทารกแรกเกิดที่มีภาวะตัวเหลืองที่ยังไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องทำการเปลี่ยนถ่ายเลือด
เอกสารอ้างอิง
1. ประสิทธิ์ พิทยพัฒน์. การออกแบบระบบไฟฟ้า Electrical System Design. พิมพ์ครั้งที่ 2.กรุงเทพฯ: ทีซีจี พริ้นติ้ง, 2545.
2. พิมลรัตน์ ไทยธรรมยานนท์. ภาวะตัวเหลืองในทารกแรกเกิดในหนังสือการดูแลทารกแรกเกิด พิมลรัตน์ ไทยธรรมยานนท์. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : ชัยเจริญ,2545. หน้า 95-105
3. ลือชัย ทองนิล. การออกแบบและติดตั้งระบบไฟฟ้าตามมาตรฐานของการไฟฟ้า. พิมพ์ครั้งที่ 11(ฉบับปรับปรุง). กรุงเทพฯ : สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี(ไทย-ญี่ปุ่น), 2547.
4. ไวพจน์ ศรีธัญ. การติดตั้งไฟฟ้า1. กรุงเทพฯ : ศูนย์ส่งเสริมอาชีวะ, 2545.
5. วิไล ราตรีสวัสดิ์. Neonatal Hyperbilirubinemiaในหนังสือปัญหาโรคเด็กที่พบบ่อย สุจิตรา นิมมานนิตย์ และประมวล สุนากร (บรรณาธิการ) พิมพ์ครั้งที่ 6 บริษัทดีไซร์ จำกัด 2532 หน้า 181-185
6. ศุลี บรรจงจิตร. หลักการและเทคนิคการออกแบบระบบไฟฟ้า. กรุงเทพฯ : ซีเอ็ดยูเคชั่น, 2547.
7. ศุลี บรรจงจิตร. อุปกรณ์และการติดตั้งในระบบไฟฟ้า. กรุงเทพฯ : ซีเอ็ดยูเคชั่น, 2547.
8. อนันต์ เตชะเวช. ภาวะตัวเหลืองในทารกแรกเกิดในหนังสือปัญหาที่พบบ่อยในทารกแรกเกิด การดูแลรักษา สาธิต โหตระกิตย์ ประพุทธ ศิริปุณย์ และอนันต์ เตชะเวช (บรรณาธิการ) บริษัทรวมทรรศน์ จำกัด 2533 หน้า 149-158