เจ้าด่างเป็นหมาแสนรู้จริง ๆ รู้จักเซ็งด้วย เวลาเจ้านายของมันทั้งสองคนถกกันเรื่องปรัชญาชีวิต ตามประสานักพัฒนาหัวสมัยใหม่ อย่างพี่ทอง และสาวผู้มาดมั่น ยอมได้ทุกอย่างเพื่อรักษาอุดมการณ์ตนเอง ทั้งสองคนในสายตาผมนะ (ไม่ใช่เจ้าด่าง) กลับเป็นคนที่ยืดหยุ่นกับชีวิตดีมาก เข้ากับเพื่อนบ้านได้เกือบทุกคน แม้จะเพิ่งมาอยู่ใหม่ในชุมชนนี้ วันที่ผมว่างผมก็ไปหาพี่ทอง พี่จิต ไปเล่นกับเจ้าด่าง บางทีก็ชวนกันไปเที่ยว หากพี่ทอง พี่จิตอยู่บ้านไม่ไปไหน เจ้าด่างก็จะไปกับผม หากแต่ไม่มีใครอยู่จะทำอย่างไร เจ้าด่างก็จะไม่ยอมออกพ้นประตูรั้ว อันนี้ทดลองยังไงก็ไม่ได้ผลสักครั้ง
วันนี้ก็เช่นเดียวกัน พอผมไปถึงเรียกเจ้าด่างมันนอนหมอบนิ่งอยู่ที่ใต้แคร่ไม้ไผ่ ผมได้ยินเสียงพี่จิตคุยกับพี่ทองบนขนำ คงกินข้างเที่ยงอยู่ด้วยกัน เดินเข้าไปใกล้ ก็ได้ยินเสียงพี่จิตพูดว่า
ชนะในความดื้อ...ได้อะไร
ยอมแพ้ในขณะที่ยังดื้อ...ได้อะไร
ชนะในขณะที่จิตใจแพ้...ได้อะไร
แพ้ในขณะที่จิตใจชนะ...ได้อะไร
เราต่างคนต่างแพ้ แพ้ให้แก่ "สังคม" ใช่หรือไหม
โห...ว่าทำไม เจ้าด่างนอนนิ่งเชียว สงสัยเครียดจัด หรือไม่ก็เซ็ง ผมตะโกนทักพี่จิต พี่ทองไปจากข้างล่างว่า จะชวนเจ้าด่างไปหาผักกาดนกเขาที่ชายป่าด้านหลังขนำ พอผมพูดกับพี่จิต พี่ทองยังไม่ทันจบ เจ้าด่างลุกวิ่งนำหน้าผมไปที่ชายป่าโดยเร็ว แล้วไปหยุดยืนคอยอยู่ ก่อนที่จะชวนกันเล่นขี่หลังมันเบา ๆ สลับกับวิ่งหลอกล่อกันไป ผมนึกในใจว่าเจ้าด่างคงเซ็งสุด ๆ แต่ก็ไม่แน่ใจนักว่าพี่จิต และพี่ทองพูดอะไรกันก่อนหน้า และหลังจากที่ผมเผอิญได้ยิน แต่ได้ยินแค่นั้นก็สุดเซ็งเหมือนกัน ประมาณว่า เฮ้ย! จะอะไรกันนักกัหนา น่ะ
หากต้องการอ่านทุกตอนก่อนหน้าใช้ป้าย (Tag) เจ้าด่าง คลิ้กเข้าไปครับ
"พี่ทองพูดอะไรกันก่อนหน้า" ให้ทายใหมค่ะ (ถูกผิดอีกเรื่อง) คงพูดกันเรื่องความดื้อของพี่ทองกระมังค่ะ...หากแต่จะพูดถึงความดื้อของคนเรา เราต้องมีขอบเขตในความดื้อค่ะ "อย่าดื้อเพ่ง...ดื้อหัวชนฝา" คนที่ดื้อประเภทนี้มักเจ็บตัวเจ็บใจเองค่ะ แถม ๆ ยังพลอยจะทำให้คนที่แวดล้อมอยู่ข้าง ๆ เจ็บตัวเจ็บใจไปด้วยสิ
ทั้งพี่ทองและพี่จิต ต่างคนต่างดื้อ แต่สุดท้ายก็ต้องแพ้ให้แก่สังคม คนที่พลอยปวดหัวไปด้วย คือ "เจ้าด่าง" หนึ่งตัวตนที่อยู่ในสังคม ประมาณว่า "ดื้อจน...(ด่าง) เมิน"
ความดื้อที่ว่า...นั้นมาจากการที่เรายึด"ตน"
ตนที่เชื่อในตน...มากไป...
เชื่อในความคิด....ที่มาจากฐานประสบการณ์เดิม
หากเราลองหลอมละลาย...ความเป็นแห่งตัวตน...นั้นลงไป...
ความดื้อที่ว่านั้น...อาจหายไป...
แต่แค่นั้นไม่พอ....
ที่ไม่ควรมองข้ามอย่างยิ่ง...หากจะลดความดื้อนั้น...ต้องทำอย่างที่มีใจศรัทธา....ในตน...
หากเพียงเพราะลดความดื้อ...เพื่ออยากเอาใจใครตามอารมณ์...และขาดการนับถือตนแล้วด้วยไซร้...
ก็ไม่มีประโยชน์อันใด..ที่ลดความดื้อนั้นลง
อาจารย์น้อง Vij
ดูจาก คห.แล้ว อาจารย์น้องอินเข้าไปในเรื่องจังเลยครับ เหมือน ๆ จะเป็น พี่จิตเสียเองยังไงยังงั้น หรือว่าไปตรงเข้าให้บ้างแล้ว ว่าแต่พี่ทอง พี่จะได้รู้จักไหม อย่าลืมแนะนำกันบ้างล๊ะ ก็ไหนเคยบอกว่า "หากมีข่าวดี จะบอกพี่เป็นคนแรก" (แซวยักษ์นะครับ)
Dr.Ka-poom
อ่าน คห.แล้วรู้สึกดีนะครับ เหมือนมองภาพวาดภาพหนึ่งที่ศิลปินพยายามวาดสุดฝีมือ เพื่อให้คนชมชมว่า "สุดยอด" แต่คนที่ชมจะมีเพียงไม่กี่คน อย่างน้อยผมคนหนึ่งล๊ะครับ ทีดู คห.นี้สูงเกินกว่าที่ปัญญาแห่งตนมี จะเข้าถึงได้ อืม! แล้วจะพยายามครับ ด้วยจิตคารวะ
ไม่ยากหรอกคะคุณชายขอบ...ตรงไปตรงมา...
หากการที่เรามองว่าคนอื่นดื้อ...เพราะเราเข้าไปควบคุมเขาไม่ได้...หรือเขารู้เท่าทันเรา...
นั่นไม่เรียกว่าเขาดื้อหรอกคะ...
อย่าไปประณามเขาเลย...
ฝากสิ่งนี้มาให้คะ....ไปดูที่นี่นะคะ...
(แซวยักษ์นะครับ)...ขอเปลี่ยนใหม่เป็น (ยักษ์แซว) น่าจะเข้าประเด็นมากกว่านะคะ คุณ "พี่ชายขอบ" เรื่องราวของ "พี่จิต" อ่านแล้วอินจริง ๆ ค่ะ เหมือน ๆ กับเคยรู้จักแต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออกว่าเคยเจอกันที่ไหน
อ้าว!! พี่ยังไม่รู้จัก "พี่ทอง" อีกเหรอค่ะ คิดว่ารู้จักกันดีเสียอีก ไม่เป็นไรค่ะไว้วันหลังจะแนะนำอย่างเป็นทางการให้รู้จักกันนะคะ ยังยืนยันคำมั่นสัญญาเดิม...ว่าหากมีข่าวดีเมื่อไร ว่าจะบอกพี่เป็นคนแรกค่ะ (ยิ้ม ๆ...แซวใหญ่ค่ะ...แซวใหญ่จริง ๆ)
อาจารย์น้อง Vij
ตกลง "พี่ทอง" เป็นใครครับ จะได้รู้จักไหมนี่
อยากเห็นภาพเจ้าด่างจังเลยค่ะ
น้องไก่ครับ ที่นี่ครับมีภาพเจ้าทอง http://gotoknow.org/blog/daddystory/42699