Action Recearch กับการเป็นนักวิจัยที่ดี
เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2549 ได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมการเข้าค่ายเรียนรู้ของนักเรียนจากโรงเรียนรุ่งอรุณที่สวนป่าครูบาสุทธินันท์ ได้พบกระบวนการเรียนรู้ที่มีชีวิตชีวา เป็นการเรียนรู้ที่ทุ่มสุดตัวทั้งกายและใจ นักเรียนมีความต้องการที่เรียน มีจุดประสงค์ มีเป้าหมายที่ชัดเจน ว่าแต่ละกลุ่มจะศึกษาเกี่ยวกับอะไร แล้วทุ่มเทใจศึกษาทุกอย่างที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ ตัวอย่างเช่น
กลุ่มศึกษาเรื่องการเลี้ยงหมูก็ต้องเริ่มตั้งแต่กวาดมูลหมู กวาดทั้งวันก็ไม่หมดก็ไม่ยอมแพ้ นั่งสังเกต นั่งเฝ้าหมูจนเห็นความสนใจของหมู จนหมูใจอ่อนยอมเป็นเพื่อน
กลุ่มที่สนใจศึกษาการเลี้ยงโค ก็ไม่น้อยหน้า ขั้นแรกต้องทำความสะอาดคอก กวาดมูลวัวจนเป็นลม เรียนประเภทที่ว่าเอาชีวิตเข้าแลก พยายามสร้างความคุ้นเคยจนโคที่ไม่ยอมให้ใครจับต้องยอมเป็นเพื่อนกับเด็ก ๆ นักเรียน
กลุ่มที่สนใจศึกษาเรื่องการเลี้ยงไก่ ก็ตั้งคำถามที่สุดแสนประทับใจที่ใครก็คาดไม่ถึงว่าจะมีคนถามเพราะมันเป็นอะไรที่เราคุ้ยเคยจนลืมตั้งคำถามเพื่อหาคำตอบ นั่นคือ คำถามที่ว่า ไก่บ้าน ไก่ป่า และไก่แจ้ แตกต่างกันอย่างไร คำตอบที่ง่ายมากคือ นักเรียนไปถ่ายรูปมาแล้วเอาเปรียบเทียบกันดู เพราะถ้าพูดแล้วอาจไม่ชัดเจน ก็กลายเป็นเรื่องสนุกหล่ะสิ เพราะคุณ ๆ นักเรียนทั้งหลายก็วิ่งไล่ถ่ายรูปไก่ทั่วสวนป่า จนเหนื่อยไปตาม ๆ กัน แต่ก็ชื่นใจเพราะสามารถตอบและอธิบายได้อย่างดีและมีรสชาด
กลุ่มที่สนใจศึกษาเรื่องการเลี้ยงนกกระจอกเทศ จะเสี่ยงหน่อย เพราะเจ้านกกระจอกเทศจะมีนิสัยขี้ระแวงไม่ค่อยไว้ใจคน แต่บรรดานักเรียนสามารถเอาชนะใจนกกระจอกได้ด้วยความอ่อนโยน
ส่วนกลุ่มที่สนใจเรื่องการปลูกพืช ก็ลุยศึกษาวงจรชีวิตแตงกวา ว่าแต่ละวันแต่ละต้นออกดอกเท่าไร ขนาดของดอก ใบ และผล เติบเติบขึ้นเท่าไร อุปกรณ์ที่วัดความยาวของผลแตงกวาก็ใช้ใบหญ้ามาวงรอบผลแล้วค่อยเอาไปทาบกับไม้บรรทัด นั่นคือนักเรียนสามารถใช้ทุกอย่างที่มีในขณะนั้นมาใช้เป็นอุปกรณ์การเรียนการสอนได้
จากตัวอย่างที่กล่าวมา ทำให้มองไปถึงการที่จะเป็นนักวิจัยที่ดีที่สามารถทำงานวิจัยร่วมกับชาวบ้านและนำผลการวิจัยไปช่วยชาวบ้านได้นั้น นักวิจัยจะต้องเป็นนักเรียนรู้ที่ดี ต้องไปเรียนรู้ถึงความทุกข์สุขของชาวบ้าน ไม่ใช่เอาทุกข์ไปให้ หรือวิจัยหรือเรียนรู้เพื่อหวังผลประโยชน์อะไรสักอย่าง
นักวิจัยหรือนักเรียนเรียนรู้ที่ดี ควรมี
ความอ่อนโยน เพราะคนที่อ่อนโยนทั้งคำพูด การกระทำและความคิดจะสามารถชนะใจของคนทุกคนได้ นักวิจัยจะต้องไม่มีนิสัยเย่อหยิ่งดูถูกคนอื่น แข็งกระด้างไม่เป็นมิตรก็จะถูกสังคมขับไสไล่ส่งไปในที่สุด
ความคุ้นเคย นักวิจัยต้องทำตัวให้กลมกลืนและคุ้นเคยกับสังคมที่เราอยู่ด้วย จนกลายเป็นความเคยชิน เป็นความสุขประจำวัน
ความจริงใจ นักวิจัยต้องมีความจริงใจกับชุมชนหรือคนที่เราศึกษาด้วย ไม่แสแสร้งแกล้งทำเพื่อหวังผลพลอยได้
ความสันติสุข นักวิจัยต้องรู้จักสร้างความปรองดอง สามัคคีและสมานฉันท์กลับคนในกลุ่มในชุมชน ให้เป็นชุมชนแห่งสันติสุข ไม่ควรมีนิสัยเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่นหรือชุมชน เช่น หลายครั้งพบว่านักวิจัยที่ทำงานกับชุมชนไม่สำเร็จชอบสรุปว่าเป็นความผิดของชุมชน ซึ่งความจริงอาจมีมีความผิดพลาดที่ผู้วิจัยเองก็เป็นได้
ถ้านักวิจัยสามารถทำได้อย่างที่กล่าวมา จะเกิดสันติสุขขึ้นในจิตใจของนักวิจัยและในชุมชนและสังคมที่เราไปศึกษาเรียนรู้ เกิดเป็นสังคมที่สงบสุขและน่าอยู่อาศัย และพัฒนาไปสู่สันติภาพของผู้คนในชาติได้
ดังนั้นสิ่งที่นักวิจัยควรทำให้เกิดขึ้นทั้งกับตัวเองและสังคมก็คือ
สร้างความอ่อนโยน
ความอ่อนโยน สร้างความคุ้นเคย
ความคุ้นเคย สร้างความจริงใจ
ความจริง สร้างความสันติสุข
สันติสุข สร้างสันติภาพ
ขอบคุณค่ะ พันดา เลิศปัญญา