การระงับความโกรธ


" แม้กำลังบริโภคกามอย่างบ้าคลั่งอยู่ ถ้าเกิดการลบหลู่เกียรติกันขึ้นมา ก็อาจจะสลัดกามารมณ์ทันทีก็ได้ เช่นว่า
ถูกผู้หญิงลบหลู่ขึ้นมาขณะนั้น หรือว่าถูกผู้ชายลบหลู่อะไรขึ้นมาในขณะนั้น อาจจะสกัดกามารมณ์นั้นในทันทีก็ได้ หรืออาจจะฆ่ากัน
เสียเลยก็ได้ ฆ่าวัตถุอันเป็นที่ตั้งแห่งกาม คือผู้หญิงหรือผู้ชายนั้นเสียก็ได้ ถ้าเกิดลบหลู่ดูถูกเรื่องเกียรติ คือตัวกู-ของกู ที่เกิดยกหูชูหางขึ้นมา..."

คำพูดลบหลู่ เป็นแรงกระตุ้นความโกรธที่ได้ผลยิ่งนักเพราะคนเรารักตัวเอง หลงตัวเอง เชิดชูตัวเอง ไม่ยอมให้ใครมาล่วงเกินตัวเอง
เพียงแค่ได้ยินคำพูดลบหลู่ก็ขาดสติ ขาดความยับยั้งชั่งใจ ใช้ความรุนแรงตอบโต้ทำร้ายผู้ลบหลู่ทันที ไม่ว่าจะอยู่กันเพียงสองคน
หรืออยู่ต่อหน้าคนนับร้อย อย่างเช่นอยู่กลางที่ประชุมสภาฯ ก็หาได้คำนึงถึง หาได้ฉุกคิดแม้เพียงนิดเดียวว่าการทำร้ายผู้อื่นเพียงเล็กน้อย
จะเป็นการทำร้ายชื่อเสียง เกียรติยศ และอนาคตของตนเองอย่างมหาศาล เพราะตนได้พ่ายแพ้ต่อกิเลส คือโทสะอย่างราบคาบแล้ว

....เมื่อใดที่เราโกรธเพราะถูกลบหลู่ จงรู้เถิดว่า เวลานั้นทั้งกิเลสและตัณหากำลังทำงานเข้าขากันเป็นอย่างยิ่ง ความหลงในเกียรติของ
ตัวเอง ความไม่อยากให้เกียรติของตัวเองถูกลบหลู่ กลายเป็นโทสะ กลายเป็นไฟในอารมณ์ที่ลุกฮือขึ้น และมักจบลงด้วยความเสียหาย
และเสียใจทุกครั้ง

คำพูดลบหลู่จะไม่มีพลังเลย ถ้าเราไม่หลงในตัวตน ไม่หลงตัวเอง ถ้าเราคิดเสมอว่า เราเป็นเพียงสัตว์โลกตัวหนึ่งตามธรรมชาติ
ความสูงส่ง ต่ำต้อย ล้วนเป็นสิ่งสมมุติทั้งสิ้น สมมุติเช่นเดียวกับวันขึ้นปีใหม่ ค่าของเงิน ชื่อเสียงของเรา ชื่อของสถาบัน
ตำแหน่งหน้าที่ หรือแม้แต่ความดี ความไม่ดีของสิ่งใด ก็เป็นสิ่งสมมุติเช่นกัน คำพูดลบหลู่ก็เป็นแค่ลมออกจากปาก
ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไร เพราะไม่ใช่วาจาสิทธิ์ที่จะเนรมิตตัวเราหรือใครๆ ให้เป็นไปตามที่พูดได้

ถ้าคำลบหลู่เป็นจริง ก็แสดงว่าเราไม่ดีจริงๆ หรือถ้าคำพูดลบหลู่ไม่เป็นจริง ก็แสดงว่าคนที่พูดโง่เพราะไม่รู้จริง หรือรู้จริงก็รู้อยู่ในใจแล้ว
เราจึงไม่จำเป็นต้องดิ้นรนเพื่อพิสูจน์อะไร ควรระลึกไว้ว่า การยืนยันความจริงที่เราชอบ ด้วยการใช้กำลัง ไม่ว่าจะอยู่ หรือไม่อยู่
ต่อหน้าสาธารณชนก็ตาม ล้วนเป็นการเปลี่ยนแปลงความเป็นอยู่ของเราให้เลวลงเท่านั้น

ควรเตือนสติตนเองไว้ว่า การฆ่าคนอื่นให้ตายเพื่อปกปิดความไม่ดีของตัวเองนั้น กลับเป็นการเร่งเปิดเผยความไม่ดีของตัวเอง
ให้รู้แพร่หลายเร็วยิ่งขึ้นเมื่อเป็นข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์"

 

ที่มา: คัดลอกมาจาก หนังสือ " สุดยอดธรรมะ ฉบับพินัยกรรม " ผู้เขียน วรยุทธ พิชัยศรทัต พิมพ์ครั้งแรก 1 พ.ค. 2549


ที่มา : http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A4615158/A4615158.html

หมายเลขบันทึก: 44388เขียนเมื่อ 11 สิงหาคม 2006 22:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 15:37 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท