ในบ่ายวันที่ 11 สิงหาคม 2549 มีโอกาสแวะเวียนไปเยี่ยมเยียนโรงเรียนและลูกศิษย์ ได้รับคำถามที่นักเรียนพยายามถามมาตลอดว่า "ทำไมอาจารย์ต้องลาไปเรียนต่อปริญญาโท ทำไมไม่อยู่สอนพวกหนูต่อ รอให้หนูจบ ม.6 ก่อนไม่ได้หรือ"
คำตอบที่ต้องพยายามตอบบนความเป็นห่วง ก็คือ เพราะมันถึงเวลาและโอกาส
เวลา คือ เวลาที่สังคมรอบข้างโรงเรียนกำลังมีปัญหา ครูพยายามแก้ไขหลากหลายวิธีแต่ยังไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องเหมาะสมและคงจะปล่อยเลยตามเลยไม่ได้อีกแล้ว เพราะถ้าครูต้องการแค่สอนนักเรียนให้มีความรู้ไปวันๆ ความรู้แค่ปริญญาตรีที่ครูมีก็คงหากินได้จนเกษียณ แต่สังคมยังมีปัญหารอบด้านที่ต้องช่วยกันแก้ไขจากทุกฝ่ายในสังคมและครูก็เป็นส่วนหนึ่งในนั้น
นอกจากนี้ปัญหาที่ครูพบในโรงเรียนคือ นักเรียนมีความรู้ไม่พอใช้ ไม่พอที่จะทำมาหากินเลี้ยงดูตัวเองได้ ทั้งนี้เพราะมีความรู้แยกเป็นส่วน และความรู้จากโรงเรียนก็ไม่เชื่อมโยงไปถึงชาวบ้าน (พ่อ แม่ บางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกเรียนอะไร โรงเรียนสอนอะไร และตัวเองจะได้ประโยชน์อะไรจากการเรียนของลูก) จึงเป็นปัญหาการศึกษาไม่สามารถแก้ปัญหาชีวิต แก้ปัญหาชุมชนและปัญหาสังคมได้
ดังนั้นจึงต้องไปเรียนเพื่อหาความรู้และประสบการณ์เพิ่มอย่างน้อยครูคงเป็นหนึ่งพลังที่ทำให้ฟันเฟืองของสังคมหมุนไปได้อย่างราบรื่นขึ้น เป็นสังคมที่น่าอยู่
โอกาส เนื่องจากครูได้รับโอกาสจากผู้มีพระคุณที่ท่านมีเมตตาให้มา จึงต้องใช้โอกาสเหล่านี้พัฒนาตัวเองให้เต็มที่ เพื่อตอบแทนบุญทุกท่านที่ทำให้ครูมีโอกาสมาจนถึงวันนี้ทั้ง พ่อแม่ ญาติมิตร ครูอาจารย์และแผ่นดินเกิด
นักเรียนหลายคนเข้าใจและพยายามเข้าใจ ซึ่งไม่ผิด ก็ได้ปลอบว่าไม่เป็นไร ครูยังไม่ตาย มีอะไรบอกได้ ปรึกษาได้ทุกเวลา
นักเรียนยิ้มและไหว้ลาด้วยมาลัยดอกมะลิ หอมชื่นใจคนเป็นครูไปอีกนาน
น่าชื่นใจแทนอาจารย์จังที่ลูกศิษย์ยังรักและเป็นห่วงแถมเอามาลัยดอกมะลิมาให้เน่องในวันแม่
สู้ต่อไปนะครับอย่าท้อต่อปัญหาอันน้อยนิด สู้ๆๆๆ