เป็นความประทับใจที่ผมได้จากเหตุการณ์เมื่อบ่ายวันที่ 8 ส.ค.49 ซึ่งได้สรุปลงบันทึกไว้แล้วที่นี่
สิ่งนั้นคือ "ปิ๊งแว้บ" ที่เกิดขึ้นในใจผม เมื่อได้ฟังเรื่องราวจาก storytelling ทั้ง 6 เรื่องที่ทางคณะเตรียมไว้
จากประวัติของคณะพยาบาลศาสตร์ที่เราได้รับรู้ การก้าวกระโดดอย่างหนึ่งคือการพัฒนาการเรียนการสอนระดับปริญญาเอก ซึ่งทำกันเป็นเครือข่าย 5 คณะพยาบาล โดยมีคณะพยาบาลศาสตร์ มม. เป็นแกนนำของเครือข่าย
ยุทธศาสตร์ของการพัฒนาแบบก้าวกระโดด โดยที่แรงของเราเองหน่วยงานเดียวกระโดดไปไม่ตลอดรอดฝั่ง (ตกคูแน่) ต้องอาศํยแรงส่งซึ่งกันและกันโดยทำร่วมกันหลายสถาบันเป็นเครือข่าย
นี่เป็นวิธีคิดและทักษะที่คณะพยาบาลศาสตร์มีอยู่แล้ว คือการขับเคลื่อนความสำเร็จที่ยากด้วยเครือข่าย
เครือข่ายหลักสูตรปริญญาเอกเป็นเครือข่ายระหว่างสถาบัน ต่างมหาวิทยาลัย แต่เหมือนกันที่ต่างก็เป็นคณะพยาบาลศาสตร์ทั้งสิ้น
มีเรื่องเล่าความสำเร็จอีกแบบหนึ่งไหม ที่เกิดจากการทำงานร่วมกัน เป็นเครือข่ายเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ร่วมกับคณะพยาบาลแต่ร่วมกับคณะอื่น วิชาชีพอื่นภายในมหาวิทยาลัยมหิดล
ผมตั้งคำถามว่า คณะพยาบาลศาสตร์ได้ใช้ social network และ intellectual capital ของคณะอื่น ๆ ในมหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อสร้างผลงานที่ทำให้สำเร็จได้ยากร่วมกัน ใช้ความเป็นหน่วยงานที่อยู่ภายในมหาวิทยาลัยเดียวกัน ใกล้ชิดกันให้เกิดประโยชน์
เท่านั้นแหละครับ รศ. ดร. ชื่นชม เจริญยุทธ ก็เล่าเครือข่ายการทำงานพัฒนาลุ่มน้ำท่าจีน-แม่กลอง และ อ. พรศรีก็เล่าเรื่องทีมร่วมมือดูแลผู้ป่วยเบาหวานเด็กที่ ศ. พญ. ชนิกา ตู้จินดาได้ริเริ่มขึ้น เป็นทีมระหว่างคณะแพทยศาสตร์ศิริราชกับคณะพยาบาลศาสตร์ที่ทำงานต่อเนื่องยั่งยืน ขยายออกไปเป็นทีมเบาหวานผู้ใหญ่และศูนย์เบาหวานของศิริราช อีกตัวอย่างหนึ่งคือทีมดูแลผู้ป่วยหอบหืดในเด็ก
จากสุนทรียสนทนานี้เราเห็นลู่ทางของการทำงานพัฒนาทั้งในบทบาทด้านนโยบายและบทบาทด้านการบริหาร ผู้ที่เข้าร่วมสนทนาในวันนั้นคงจะค่อย ๆ เอาความประทับใจ และเอา "ปิ๊งแว้บ" ว่าจะไปทำอะไร ออกมาเล่าสู่กันฟัง
บทเรียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับผมในวันนี้ "พิชิตเรื่องยากด้วย networking"
วิจารณ์ พานิช
9 ส.ค.49
อาจารย์หมอคะ เปิดบล็อกแล้วค่ะ
สุภาพ ณ นคร http://gotoknow.org/blog/genedukku