ศาลฎีกาได้สรรหาผู้มีคุณสมบัติที่จะเป็น กกต. ใหม่ได้ครบจำนวน 10 คนแล้ว


เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่รอต้อนรับ กกต.ชุดใหม่ ซึ่งว่าที่ กกต.ชุดใหม่ทั้ง 10 คนควรจะได้เตรียมความคิดให้พร้อมว่าจะทำอย่างไร? และควรจะเป็นเรื่องที่ต้องแสดงวิสัยทัศน์ให้ประจักษ์ด้วยว่าจะทำอย่างไร?
      จากนี้ไปก็จะเป็นขั้นตอนการส่งรายชื่อทั้ง 10 คนนี้ไปให้วุฒิสภาคัดเลือกให้เหลือ 5 คน เพื่อถวายคำแนะนำต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อทรงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งต่อไป
       
       ในส่วนของวุฒิสภานั้นกำลังล้างหม้อล้างไหเตรียมต้อนรับและจัดการคัดเลือกอย่างขะมักเขม้น เพื่อสนองต่อความต้องการที่มีการตั้งธงกันไว้ว่าจะต้องมีการเลือกตั้งวันที่ 15 ตุลาคม 2549 ตามที่นายทักษิณได้ประกาศไว้
       
       ซึ่งเราได้ชี้ให้เห็นว่านี่คือแผนการให้ กกต.ใหม่ต้องใช้กลไกผลิต ส.ส. ส.ว. เก่าที่ให้ช่วยโกงเลือกตั้งต่อไป
       
       และถ้าเป็นเช่นนั้นก็แน่นอนเลยว่ากระบวนการช่วยโกงเลือกตั้งโดยการตั้งเงินสินบนเกินจำนวนที่ต้องใช้จริงถึง 1,000 ล้านบาทก็ดี และเครือข่ายการโกงเลือกตั้งก็ดีก็จะทำงานผลิต ส.ส. ให้กับพรรคการเมืองใหญ่ได้เหมือนเดิม
       
       ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ยกบ้านยกเมืองให้เขาไปเถอะ ใครที่ไม่เห็นด้วยก็ไปอยู่ประเทศอื่นหรือไม่ก็เข้าป่าไปเป็นฤาษีชีไพร หรือไปอยู่กับสัตว์เดรัจฉานก็ได้!
       
       เราได้ชี้ให้เห็นถึงเงินสินบนให้ช่วยโกงเลือกตั้งจำนวน 1,000 ล้านบาท ที่ตั้งไว้ในงบประมาณเลือกตั้งวันที่ 15 ตุลาคม 2549 แล้ว
       
       เราเชื่อว่า กกต. ชุดใหม่จะใช้เงินนี้ให้เป็นประโยชน์โดยการใช้เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับภาคประชาชนที่จะอาสาเข้ามาช่วยการเลือกตั้ง ช่วยจับคนโกง ตลอดจนเป็นค่าใช้จ่ายในการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อทำให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยเรียบร้อยและยุติธรรม
       
       นั่นเป็นส่วนของการใช้งบประมาณที่จะต้องปฏิเสธเงินสินบนก้อนนี้อย่างเด็ดขาด และแปรเงินก้อนนี้ไปเป็นค่าใช้จ่ายป้องกันการโกงและจับผิดคนโกงเลือกตั้ง
       
       แต่ในส่วนของการชำระสะสางระบบการโกงเลือกตั้งที่มีการจัดวางไว้อย่างแน่นหนาเป็นเครือข่าย ทั้งในสำนักงาน กกต. และในทุกจังหวัดนั้นต้องใช้เวลาแน่นอน และเป็นเรื่องที่ท้าทาย กกต.ชุดใหม่อย่างหนักด้วย
       
       หาก กกต. ชุดใหม่ไม่ทำเรื่องนี้ก่อน และใช้กลไกโกงเลือกตั้งที่ถูกวางไว้อย่างแน่นหนานี้ ก็ย่อมเข้าใจได้ทันทีว่ามีความไม่ปกติเกิดขึ้น อันจะต้องจับตา กกต. ชุดใหม่อย่างใกล้ชิด และด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่งต่อไป
       
       เรามาดูกันว่าเขาจัดระบบกินเมืองในสำนักงาน กกต. กันอย่างไร? จึงสามารถทำให้องค์กรแห่งนี้กลายเป็นกลไกผลิต ส.ส. ให้กับพรรคการเมือง
       
       ต้องเริ่มต้นที่เจตนายึดองค์กรอิสระแห่งนี้ให้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ซึ่งเริ่มตั้งแต่การวางแผนกำจัดนายสนิท วรปัญญา ออกจากประธานวุฒิสภา กำจัดพลเอก ศิรินทร์ ธูปกล่ำ ออกจากตำแหน่งประธาน กกต. และการบีบคั้นจนนายจรัล บูรณพันธุ์ศรี กกต.ตงฉินต้องถูกสอบสวน ต้องเกิดความเครียดจนถึงแก่กรรม มันเป็นแผนการที่ทำอย่างต่อเนื่องเพื่อยึดครององค์กรแห่งนี้
       
       นายจรัล บูรณพันธุ์ศรี รู้ดีถึงแผนอุบาทว์นี้จึงได้เก็บหลักฐานจำนวนมากเกี่ยวกับการทุจริตเลือกตั้งแล้วฝากฝังให้คนที่ไว้ใจช่วยเปิดเผย และขณะนี้ก็ปรากฏเรื่องนี้เป็นระยะ ๆ แล้ว
       
       หลังจากจัดการขวากหนามเรียบร้อย และต่อมานายจรัล บูรณพันธุ์ศรี ถึงแก่กรรม องค์กรอิสระนี้ก็ได้แปรสภาพเป็นเครื่องจักรผลิต ส.ส. และ ส.ว. ของพรรคการเมืองเต็มรูปแบบ
       
       ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
       
       ประการแรก ระบบการทำงานเดิมที่วางดุลอำนาจและคานอำนาจกันเพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมถูกเปลี่ยนแปลงใหม่หมด
       
       เปลี่ยนเป็นการแบ่งเขตพื้นที่ประเทศไทยออกเป็น 4 เขตเท่าจำนวน กกต. ที่เหลืออยู่ และให้ผู้รับผิดชอบพื้นที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดทั้งการบริหาร การเลือกตั้ง ทั้งการจัดการเลือกตั้ง การสืบสวน สอบสวน และวินิจฉัย เรียกว่าเป็นแบบอำนาจสมบูรณ์ในตัวคนเพียงคนเดียว
       
       ผลการวินิจฉัยที่เสนอโดยใครก็ตาม พวกที่เหลือก็จะเออออห่อหมกด้วยเป็นถ้อยทีถ้อยอาศัยกันตามหลักการแบ่งสัมปทานกินเมือง จึงทำให้มติเป็นเอกฉันท์ทั้งหมด
       
       บรรดาผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ใครก็เป็นของพื้นที่มัน เรียกว่าที่นาผืนใดใครรับผิดชอบ คนนั้นก็เก็บเกี่ยวข้าวกันเอาเอง
       
       ประการที่สอง เพื่อให้ระบบแบ่งอำนาจสมบูรณ์ยิ่งขึ้น แต่ละคนก็ไปหาสมัครพรรคพวกบริวารมาเป็นทั้งเจ้าหน้าที่และมาเป็น กกต. จังหวัดและ กกต. เขตในพื้นที่ที่รับผิดชอบเอง เพื่อให้การทำงานเป็นเอกภาพที่สุด
       
       โกงเงียบ กินเงียบที่สุดว่างั้นเถอะ!
       
       การสรรหา กกต. จังหวัดแม้จะมีกรรมการสรรหา แต่ก็มีการใช้ข้อยกเว้นว่าถ้าหากมีการร้องเรียน กกต. กลางก็จะเป็นผู้ดำเนินการสรรหาส่งไปให้คัดเลือกแล้วเสนอ กกต. กลาง
       
       เป็นวิธีใส่ชื่อคนของตัวเองลงไปในบัญชีสรรหา แล้วในที่สุดก็จะเป็นผู้เลือกคนเหล่านั้นเป็น กกต. จังหวัดและ กกต. เขต นับว่าง่ายมากสำหรับเรื่องแค่นี้
       
       ที่สำคัญคือพวกสืบสวน สอบสวน และพวกวินิจฉัย พวกนี้สังกัดพื้นที่ใคร คนรับผิดชอบพื้นที่ก็เป็นคนแนะนำสรรหามาหรืออย่างน้อยก็เป็นผู้เห็นชอบในการแต่งตั้ง
       
       มีการแต่งตั้งคนในลักษณะที่กล่าวนี้เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนถึง 3,000 คนจากที่มีอยู่เดิม 300 คน จนคนเก่ากลายเป็นมนุษย์ยุคประวัติศาสตร์ที่ถูกลืมไปแทบหมดสิ้น
       
       ประการที่สาม เมื่อจัดวางคนตามเขตเช่นนี้แล้วก็จะมีคนพวกหนึ่งทำหน้าที่ประสานงานค้าสำนวน
       
       ดำเนินนโยบายคิดใหม่ ทำใหม่ คือการแปลงสำนวนให้เป็นทุน

       
       ใครต้องการแกล้งคนอื่นให้ต้องได้รับใบแดงก็มีอัตราราคาหนึ่ง ใครส่อเค้าว่าจะถูกใบแดงและต้องการเปลี่ยนเป็นใบเหลืองหรือใบขาวก็เป็นอีกราคาหนึ่ง
       
       ทำกันสนุกสนานจนกระทั่งมีการแจกใบแดง ใบเหลือง ใบขาวกันหลายพันเรื่อง โดยที่ยังไม่มีการทำคำวินิจฉัย จนเกิดปัญหาวุ่นวายกันอยู่ในขณะนี้
       
       จนกระทั่งมีข่าวว่ามีการขนเอกสารมากมายออกไปจากสำนักงาน กกต. เพื่อทำลายหลักฐานและแก้ไขเพิ่มเติมหลักฐานย้อนหน้าย้อนหลังกันอย่างอึกทึกครึกโครมในขณะนี้
       
       กลไกโกงเลือกตั้งแบบนี้จะมีคุณสมบัติอะไรที่ กกต. ชุดใหม่จะใช้บริหารจัดการเลือกตั้งให้บรรลุพระราชประสงค์ได้ มีแต่จะช่วยกันโกงเลือกตั้งแบบเดียวกับการโกงเลือกตั้ง 2 เมษายน 2549 เท่านั้น!
       
       เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่รอต้อนรับ กกต.ชุดใหม่ ซึ่งว่าที่ กกต.ชุดใหม่ทั้ง 10 คนควรจะได้เตรียมความคิดให้พร้อมว่าจะทำอย่างไร? และควรจะเป็นเรื่องที่ต้องแสดงวิสัยทัศน์ให้ประจักษ์ด้วยว่าจะทำอย่างไร?
หมายเลขบันทึก: 44233เขียนเมื่อ 11 สิงหาคม 2006 08:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 15:36 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท