๗๔๗.สัมผัสได้กับความสุขที่เกิดขึ้นทีละน้อย


        การที่ได้มีโอกาสกลับไปช่วยงานที่โรงเรียนอีกครั้ง  เหมือนที่ได้เล่าผ่านมาแล้ว  การทำงานครั้งนี้ต่างกับที่อยู่ในราชการ  เพราะไม่ได้รับความกดดัน  ไม่ต้องรับผิดชอบต่อกรอบทั้งองค์กร  เดิมนั้นแม้ว่าไม่มีอำนาจในการจัดการทั้งหมด  แต่มีบางครั้งที่ดื้อดึง  แบบหาญต่อสู้  แม้ว่าไม่ได้ตัดลู่ของใคร  แต่มันเหมือนเป็นการวิ่งแซง  หรือการใช้ปัญญาเหนือสติผลที่ได้คือดี บนความกดดัน  ความขมขื่น "ทุกคนสามารถทำงานตามได้เพราะเกรงใจ  แต่ไม่ได้ใจ  หรือไม่ร่วมงานกับคนอื่น  มีความบาดหมางใจกันลึก ๆ ที่แสดงได้ก็แสดง หากแสดงไม่ได้ก็เก็บไว้เป็นความทุกข์"

 

          คราวนี้พบว่าผลการไปทำงานร่วมกัน  ผ่านมาประมาณ ๑ เดือน  ได้พบกับความเปลี่ยนแปลงอย่างเหลือเชื่อ "ของทุกคน  มีความรู้สึกเช่นเดียวกัน"  มีความสนุก  มีความสุขกับการทำงาน  ผลงานเกิดจากการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง เต็มร้อยของการลงมือปฏิบัติจริง  ทุกคนมี "รอยยิ้ม" บนใบหน้า แสดงถึงความสุขในการทำงาน  และทุกคนก็รู้สึกดีที่เห็นเพื่อนยิ้มแย้มแจ่มใส

 

           ตอนเช้าจะล้อมวงเข้าเงียบ  สุนทรียสนทนานำปัญหาของงานมาคุยกัน  จับกลุ่มหรือจับคู่คุยเกี่ยวกับงานของตนเองให้เพื่อนฟัง  จับคู่พูดถึงความดีของเพื่อนและให้กำลังใจ  วางเป้าหมายของงานในวันนี้ร่วมกัน สามารถมองเห็นจุดสำคัญของเป้าหมายคือ "เพื่อเด็ก"  จากครูสู่เด็ก จากเด็กสู่ครู จากโรงเรียนสู่ชุมชน และจากชุมชนสู่โรงเรียน 

 

            การล้อมวงหรือการจับคู่  เป็นการฟังอย่างตั้งใจ  และผู้ฟังจะเป็นฝ่ายเล่าว่าเพื่อนพูดอะไรให้ฟัง  ส่วนตอนเย็นแต่ละงานจะถอดบทเรียนร่วมกัน  นำเรื่องที่ถอดบทเรียนมาสกัดเป็นความรู้เขียนบันทึกคนละ ๑ งานว่า "วันนี้ทำงานทะลุเป้าหมายหรือไม่"  สามารถมองเห็นความก้าวหน้าของงานอย่างเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน  และงานเป็นปัจจุบัน  ไม่ต้องกลับไปนั่งยกเมฆให้วุ่นวาย

 

            ผลการเปลี่ยนแปลงที่สังเกตเห็นได้จากพฤติกรรมการทำงาน  พบว่า  "ทุกคนมีความสุขขึ้นทีละน้อย"  รวมทั้งมีการบอกความรู้สึกของตนเองได้ว่า "พอใจและมีความสุขขึ้น"  จึงช่วยกันแสดงความคิดเห็นว่าการทำแบบนี้เป็นเรื่องดีต่อตัวเอง  ต่อเพื่อน ต่องาน และต่อองค์กร  "ผลงานที่ได้คือมาจากความจริง  จริงใจ  ทุกคนสามารถอธิบายได้

 

           ต่อไปจะมีการล้อมวงสุนทรียสนทนากัน  ก่อนทำงานทุกวันและมีการนำงานประจำมาถอดบทเรียนร่วมกันสัปดาห์ละ ๑ ครั้ง  โดยทุกคนต้องมารวมกันที่ใต้ถุนอาคารเวลา ๘.๐๐ น.  ดีกว่าพูดคุยกันในเรื่องไร้สาระไปวัน ๆ และเน้น "การพูด การคิดเป็นเชิงบวก" ทั้งสิ้น

 

          ผู้อำนวยการมีความเห็นว่า "ครูเป็นผู้ฟังที่ดีขึ้นมาก ไม่คุยกันในที่ประชุม  ไม่จดบันทึก ไม่เล่นเน็ต หรือเล่นบีบี  ไม่มีการบ่นว่า หรือแสดงอาการหงุดหงิดให้เห็น  เอาแบบประเมินใด ๆ มาวัดก็ไม่เท่ากับที่มองเห็นด้วยตา สัมผัสจากความจริง"   และทำให้คนที่พูดไม่เก่ง  ได้เป็นคนพูดเป็น  มีความมั่นใจในตนเองสูงขึ้น ตอนเย็นเลิกเรียน  ทุกเลิกงานกลับบ้านพร้อมกัน ไม่มีตัวใครตัวมัน  และไม่แสดงให้เห็นว่า จะต้องรีบร้อนกลับบ้าน  ทุกคนมีแววสู้เต็มร้อย 

 

         ครูมีความเห็นว่ากิจกรรมนี้ทำให้ทุกคนมีความเข้าใจกัน  มีความรัก เอื้ออาทรกันมากขึ้น  โดยเฉพาะรุ่นน้องพนักงานราชการ  ครูบรรจุใหม่ และครูที่ย้ายมาใหม่  และที่สำคัญ "ช่องว่างระหว่างครูและผู้อำนวยการลดลงเหลือเพียงเยื่อบาง ๆ ที่สามารถมองผ่านทะลุได้" ความสบายใจของทุกคนคือได้ "เปิดใจ" ต่อเพื่อนต่อผู้บริหารว่าทำสิ่งใดได้หรือไม่ได้ 

 

        สำหรับผู้บันทึก "มีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมพัฒนา  ที่สำคัญที่สุดคือ  ได้เห็นว่าลูกศิษย์ที่ทำงานในโรงเรียนนี้ถึง ๓ คน  มีพื้นฐานในการทำงานอย่างมีคุณภาพ  และเห็นว่าทุกคนมีความสุขจริง ๆ และเป็นความสุขที่เกิดขึ้นทีละน้อย  โดยไม่รู้ตัว"... บางวันถึงกับแอบร้องไห้ในความรู้สึกของตัวเอง 

 

        

 

หมายเลขบันทึก: 441265เขียนเมื่อ 29 พฤษภาคม 2011 08:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:44 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (29)

สวัสดีครับพี่คิม...

สุดยอดเลยครับพี่...

ผมไม่แน่ใจว่าเรื่องนี้พี่คิดมาก่อนแล้วหรือเปล่า ว่าต้องออกมาอยู่ข้างนอกแบบนี้จึงจะสามารถขับเคลื่อนดรงเรียนได้ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้จริง ๆ ก็จะถือว่าเป็นการเสียสละที่ยิ่งใหญ่มาก ๆ เจอคราวหน้าขอกราบงาม ๆ สักทีนะพี่...

สวัสดีค่ะหนานเกียรติ

อ่านดี ๆ นะคะ  อ่านละเอียดอีกครั้ง

รออ่านตอนจบ....โน้นดีกว่า

  • ปลื้มจริงๆๆพี่

"มีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมพัฒนา  ที่สำคัญที่สุดคือ  ได้เห็นว่าลูกศิษย์ที่ทำงานในโรงเรียนนี้ถึง ๓ คน  มีพื้นฐานในการทำงานอย่างมีคุณภาพ  และเห็นว่าทุกคนมีความสุขจริง ๆ และเป็นความสุขที่เกิดขึ้นทีละน้อย  โดยไม่รู้ตัว"... บางวันถึงกับแอบร้องไห้ในความรู้สึกของตัวเอง 

 

  • บางทีเราออกมา
  • เราทำอะไรได้มากกว่าเดิมครับ

สวัสดีค่ะคุณครูคิม

           การก้าวออกจากวง แล้วส่งแรงผลักดันเติมเต็มในส่วนที่อยากเติมมีพลังที่โลดแล่น คล่องกว่าเดิมใช่ไหมคะ..นี่คือความสุขของครูคิมผู้ที่เราได้สัมผัส ...มาเป็นแรงใจค่ะ..

ระลึกถึงเสมอ...

  • สวัสดีค่ะ
  • การถอยออกมา อาจจะทำให้เรารู้สึกว่า...เพื่อนคงไม่เห็นว่า เราทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน
  • ทำให้เราทำ พูด คิด ได้เต็มที่...
  • ลำดวนก็เป็นคนหนึ่งที่รอเวลา...
  • ซึ้งใจกับวิธีการสุนทรียสนทนาค่ะ

ดีใจและภูมิใจด้วยค่ะพี่คิม ความสุขที่สัมผัสได้

เพราะความตั้งใจ เสียสละ และความเป็นครูที่สมบูรณ์แบบจริงๆ

สวัสดีค่ะพี่คิม

สุนทรียสนทนา...นอกจากทำให้การสนทนามีความสุขแล้ว ยังสร้างสุนทรียะในชีวิตและการทำงานอีกด้วยนะคะ

การทำงานยังไงก็ต้องมีอุปสรรคไม่มากก็น้อย คนที่ไม่เคยเจอกับอุปสรรคคือคนที่ไม่ทำงาน จริงมั้ยคะ?

มาร่วมเป็นแรงใจให้พี่คิมค่ะ ^v^

สวัสดีค่ะคุณ    วิมล212

ขอขอบคุณค่ะ 

สำหรับดอกไม้เป็นกำลังใจ

สวัสดีค่ะอาจารย์ขจิต ฝอยทอง

จริงค่ะ...ทำได้ดีกว่าค่ะ  ได้ใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมาค่ะ  ในความรัก ความผูกพัน  แน่นแฟ้นยิ่งกว่าเดิมค่ะ

สุนทรียสนทนา...  มีความหมายต่อการพัฒนามากค่ะ

งานหนักกว่าเดิม แต่แปลกที่ไม่เหนื่อยเลยค่ะ 

สวัสดีค่ะคุณเมียวดี

ขอขอบคุณสำหรับแรงใจที่มีให้พี่คิมเสมอค่ะ

ปัจจัย...ที่ต้องเป็นอย่างนี้  นับเป็นเรื่องที่ต้องควรเรียนรู้ต่อไปและนำมาแลกเปลี่ยน

จะชวนไปเที่ยวพังงา  ไปไหมคะ

สวัสดีค่ะคุณkrukorkai

สัมผัสได้จากการแสดงออก และการบอกเล่าของครูค่ะ  เมื่อเห็นคนอื่นหรือคนรอบข้างเป็นสุข  เราก็เป็นสุขด้วยค่ะ

สวัสดีค่ะน้องหมอblue_star

คุณค่าของสุนทรียสนทนา  สามารถพัฒนาคน งาน องค์กร และการพัฒนาภายในได้จริง ๆนะคะ

พี่คิมเรียนรู้ไปจาก GotoKnow นี่เองค่ะ  แล้วนำไปประยุกต์ใช้ค่ะ  ขอขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ

สวัสดีค่ะคุณลำดวน

ตองขอบคุณโรงเรียนที่ให้โอกาสค่ะ  ทำให้เรากลับมาทบทวนจิตใจ และแบ่งปันความรักให้กันอีกครั้งค่ะ  เพื่อเด็กค่ะ

สุนทรียสนทนา...ความหมายลึกซึ้งค่ะ

สวัสดีค่ะ

กิจกรรมนี้ดีจังเลย

 

สวัสดีครับ

อ่านบันทึกนี้แล้ว มีความรู้สึกหลายอย่าง

แต่อย่างหนึ่งที่บอกได้ คือ

ความสุขที่มาข้างในใจ ครับ

ขอบคุณครับ

สวัสดีค่ะคุณภาทิพ

ขอขอบคุณที่แวะมาค่ะ

ความหมายคือ "สุนทรียสนทนา" จริง ๆค่ะ

สวัสดีค่ะคุณหมอทิมดาบ

ยายคิมเคยมีความทุกข์นะ  รู้ว่าทุกข์มากสาหัสสากรรจ์  อยากมีความสุขจังเลย

ตอนนี้อาจมีทุกข์บ้าง แต่ไม่สนค่ะ  ส่วนความสุขมีไหม ยังตอบไม่ได้เหมือนกันค่ะ  ยังมีหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้อ่านอีกนะคะ  สนใจไหมล่ะ 

สวัสดีค่ะพี่ครูคิม

น่าภูมิใจค่ะ อ่านแล้วมีความสุขไปด้วยค่ะพี่คิม

ความสุขนี่สำคัญมากๆ ต้องมาก่อน ไม่งั้นหลายอย่างไม่เกิดแน่ครับ พี่คิม

ชื่นชมมากสำหรับผลลัพท์เช่นนี้..ขอให้กำลังใจสิ่งดีๆที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกต่อไปค่ะ

ขอเป็นกำลังใจให้อีกแรงหนึ่งค่ะ เมื่องานและชีวิตเป็นหนึ่งเดียวกัน นั่นคือความสุขในการได้ตระหนักรู้ว่าเราได้สร้างประโยชน์ให้ผู้อื่น ให้สังคมและให้แก่ตนเองด้วย ไม่มีสิ่งแปลกแยกว่า นั่นงาน นี่ชีวิตส่วนตัว

การที่ออกจากงาน ชีวิตเราได้ช้าลง ได้ทบทวน เห็นตัวเอง ได้ขัดเกลากิเลสตัวเอง ทำให้ตัวเองได้เข้าใจคำว่า สงบเย็น เป็นประโยชน์ ค่ะ สมัยที่ยังทำงานเป็นคนทำงานแบบมีไฟ คือรุ่มร้อนไปหมดเพราะ คาดหวังผลของงานว่าอยากให้ดีอย่างที่คิด คาดหวังคนอื่นว่าควรจะทำสิ่งดีๆอย่างที่เราคิด เดี๋ยวนี้เมื่อเรามองเห็นตัวเองชัดเจน จริงใจต่อตนเอง เราก็เข้าใจคนอื่น ยอมรับความแตกต่างของคนอื่นกับเราได้มากขึ้น พบว่าสามารถทำงานที่เป็นประโยชน์แท้จริงได้

ขอให้มีความสุขกับชีวิตในทุกๆวันค่ะ

อ่านแล้วมีความสุขครับ สุขจากการที่ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ และให้ในสิ่งที่อยากให้ เป้นความสุขที่น่าชื่นชม และอิจฉาจริงๆครับ

สวัสดีค่ะคุณถาวร

ดีใจที่บันทึกนี้สามารถแบ่งปันความสุขให้ผู้อ่านได้

ขอขอบคุณจริง ๆค่ะ

สวัสดีค่ะคุณนาย เพชร พรหมสูตร์

เมื่อใจมา  ก็เป็นสุขและมีความพร้อมด้านการงานนะคะ  และเกิดผลของงานที่มีเป้าหมายชัดเจนขึ้นนะคะ

ขอขอบคุณค่ะที่แวะมาทักทาย

สวัสดีค่ะพี่ใหญ่นาง นงนาท สนธิสุวรรณ

น้องรู้สึกว่าการทำงานมีความสุขกว่าเดิม และได้งนที่มาจากความจริงใจต่อาน ต่อคน ต่อองค์กรด้วยค่ะ  ขอขอบคุณพี่ใหญ่มากค่ะ

สวัสดีค่ะคุณคุณนายดอกเตอร์

จริงค่ะ  ตอนนี้ทำให้มองเห็นตัวเองชัดเจนขึ้นค่ะ  และมีความรู้สึกว่าการทำงานไม่หวังผลตอบแทน  กลับมีความรับผิดชอบถูกต้องยุติธรรมต่อสังคมและส่วนรวมมากขึ้นค่ะ

ดีใจค่ะ ที่เห็นทุกคนเปลี่ยนแปลง  อย่างไม่น่าเชื่อค่ะ

  • ชอบกิจกรรมที่สามารถลดช่องว่างระหว่างบุคคลให้เหลือเพียงเยื่อบางๆ  มากค่ะ  
  • สุนทรียสนทนาทางการเขียนผ่าน Social Media ก็สามารถลดช่องว่าง สานสัมพันธ์เพื่อนๆพี่ๆน้องๆใน Gotoknow นี้ได้เหมือนกันนะค่ะ
  • ระลึกถึงเสมอค่ะ

สวัสดีค่ะคุณอัมพร

ซึ้งกับคำว่า "สุนทรียสนทนา" จริง ๆค่ะ

รู้สึกดีที่ทำให้สถานการณ์คับข้องใจ  คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นค่ะ

ขอขอบคุณที่แวะมาให้กำลังใจ

มาอ่านอีกรอบแล้วคิดถึงยายคิมจังเลยครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท