สร้างเสริมสุขภาพ ด้วยสมาธิบำบัด SKT โดย รศ.ดร.สมพร กันทรดุษฏี เตรียมชัยศรี


สมาธิบำบัด SKT 1-7

สุขภาพดีชีวิตก็มีความสุข การไม่มีโรคคือ ลาภอันประเสริฐ(ตามคำกล่าวที่เราได้ยินเสมอ) แต่เมื่อมีโรคแล้ว เราก็ต้องรักษา หรือยังไม่เป็นโรคเราก็ควรป้องกัน  ทำร่างกายให้ต้านทานโรคต่างๆที่มีความเสี่ยงให้เกิดโรคหลายๆทาง เช่น สิ่งแวดล้อมภายนอก   อาหาร  ฯลฯ ให้กับร่างกายของเราด้วย 

        การรักษาโรคเดี๋ยวนี้มีหลายวิธี และทำให้เรามีทางเลือกได้ อย่างเช่น วิธีที่ที่ได้อ่านหนังสือ และชม VDO ที่ รศ.ดร.สมพร กันทรดุษฏี พร้อมชัยศรี  สอนอบรมที่โรงพยาบาล สรรพสิทธิ์ประสงค์ จ.อุบลราชธานี แล้วเห็นว่าดีมาก และไม่ยากหากเราตั้งใจที่จะปฏิบัติ  จึงนำมาฝากในบันทึกนี้นะคะ

 

 

        สมาธิบำบัดแบบ SKT  คืออะไร

 

        SKT คือตัวย่อ ที่มาจากชื่อของ รศ. ดร. สมพร  กันทรดุษฎี-เตรียมชัยศรี อาจารย์ประจำภาควิชาการพยาบาลสาธารณสุข คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งเป็นผู้พัฒนาเทคนิคนี้ขึ้นมา

           โดยอาจารย์ได้มีโอกาสศึกษาเรื่องระบบประสาทของมนุษย์ ในระหว่างการศึกษาระดับปริญญาเอก จึงเข้าใจถึงความเชื่อมโยงของการปฏิบัติสมาธิกับการทำงานของระบบประสาทมากขึ้น ประกอบกับเมื่อได้ทำงานวิจัยเรื่อง สมาธิเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพ จึงพบว่าแม้การทำสมาธิแบบสมถะ หายใจเข้าพุทธ หายใจออก โธ นั้นสามารถช่วยให้คลายเครียดได้อย่างดี

       แต่หากเราสามารถควบคุมการฝึกประสาทสัมผัสทั้ง 6 ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น การสัมผัส และการเคลื่อนไหวด้วย ก็จะทำให้การทำสมาธินั้นมีผลดีต่อการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง ระบบประสาทส่วนปลาย ระบบประสาทอัตโนมัติ ระบบอารมณ์และพฤติกรรม ระบบภูมิต้านทานของร่างกาย ระบบไหลเวียนเลือด และระบบอื่นๆในร่างกายได้เป็นอย่างดี

          จึงได้นำองค์ความรู้ทั้งเรื่องสมาธิ โยคะ ชี่กง การออกกำลังกายแบบยืดเหยียด  การปฏิบัติสมาธิด้วยเทคนิคการหายใจ และการควบคุมประสาทสัมผัสทางตาและหู ผสมผสานกัน จนพัฒนาเป็นรูปแบบสมาธิบำบัดแบบใหม่ขึ้น 7 เทคนิค หรือเรียกว่า SKT 1-7 ที่ช่วยเยียวยาผู้ป่วยโรคเรื้อรังให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น

 

            

                

 

   สร้างเสริมสุขภาพด้วยสมาธิบำบัดแบบ SKT 1-7  (เทคนิคลิขสิทธิ์)

 

ท่าที่ 1 (SKT 1)   นั่งผ่อนคลาย

                    ประสานกายประสานจิต        

                                                      

 

เป็นการนั่งหรือนอนปฏิบัติสมาธิด้วยการหายใจ

1. ถ้าหากนั่งให้หงายฝ่ามือทั้งสองข้างวางบนหัวเข่า หากนอน ให้วางแขนหงายมือไว้ข้างตัว หรือคว่ำฝ่ามือไว้ที่หน้าท้อง

2. ค่อยๆหลับตาลงช้าๆ สูดลมหายใจเข้าทางจมูกลึกๆ ช้าๆ นับ 1-5 กลั้นหายใจนับ 1-3 ช้าๆ แล้วเป่าลมหายใจออกทางปากช้าๆ พร้อมกับนับ 1-5 อีกครั้ง ถือว่าครบ 1 รอบ ทำซ้ำแบบนี้ทั้งหมด 30-40 รอบ แล้วค่อยลืมตาขึ้นช้าๆ

3. ให้ปฏิบัติวันละ 3 รอบ ก่อนหรือหลังอาหาร 30 นาที

 

“ลดความดันโลหิต ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ

    และลดน้ำตาลในผู้ป่วยเบาหวาน"

 

 ท่าที่ 2 (SKT 2) “ยืนผ่อนคลาย ประสานกาย ประสานจิต

 

 

1. ยืนตรงในท่าที่สบาย วางฝ่ามือทาบที่หน้าอก โดยวางมือซ้ายทาบบนมือขวา ค่อยๆหลับตาลงช้าๆ

2. สูดลมหายใจเข้าทางจมูก ลึกๆช้าๆ นับ 1-5 กลั้นหายใจนับ 1-3 ช้าๆ แล้วเป่าลมหายใจออกทางปากช้าๆ พร้อมกับนับ 1-5 อีกครั้ง ถือว่าครบ 1 รอบ ทำซ้ำแบบนี้ทั้งหมด 120-150 รอบ แล้วค่อยลืมตาขึ้นช้าๆ

3. ปฏิบัติวันละ 3 รอบ วิธีนี้เป็นการเพิ่มระยะเวลาการทำสมาธิให้นานขึ้นกว่าท่าที่ 1

 

“ช่วยลดความดันโลหิต ลดน้ำตาลในผู้ป่วยเบาหวานได้ดี และควบคุมการทำงานของไขสันหลังไปอย่างมีประสิทธิภาพ”

 

ท่าที่ 3 (SKT 3)    "นั่งยึดเหยียดผ่อนคลาย

                              ประสานกาย ประสานจิต"

 

 

1. นั่งบนพื้นราบในท่าที่สบาย เหยียดขา เข่าตึง หลังตรง เท้าชิด คว่ำฝ่ามือบนต้นขาทั้ง 2 ข้าง ค่อยๆหลับตาลงช้าๆ สูดลมหายใจเข้าทางจมูกลึกๆ ช้าๆ นับ 1-5 กลั้นหายใจนับ 1-3 ช้าๆ แล้วเป่าลมหายใจออกทางปากช้าๆ นับ 1-5 อีกครั้ง ทำแบบนี้ 3 รอบ (ดังรูปที่ 1)

2. หายใจเข้าลึกๆช้าๆ พร้อมกับค่อยๆโน้มตัวไปข้างหน้า แขนตึง ผลักฝ่ามือทั้งสองข้างไปด้านหน้าจนปลายมือจรดนิ้วเท้า หยุดหายใจชั่วครู่ (ดังรูปที่ 2)

3. หายใจออกช้าๆ พร้อมกับค่อยๆดึงตัวและแขน เอนไปข้างหลังให้ได้มากที่สุด ค้างไว้สักครู่ (ดังรูปที่ 3) นับเป็น 1 รอบ ทำซ้ำกัน 30 รอบ แล้วค่อยๆลืมตาขึ้น

 

“ช่วยลดไขมันหน้าท้อง ลดพุง

และลดระดับน้ำตาลในเลือดได้เป็นอย่างดี”

 

ท่าที่ 4 (SKT 4) “ก้าวย่างอย่างไทย เยียวยากาย ประสานจิต

 

 

1. ยืนตรงในท่าที่สบาย ลืมตา แบมือทั้งสองข้างวางไขว้หลัง หรือวางทาบที่หน้าท้อง สูดลมหายใจเข้าทางจมูกลึกๆ นับ 1-5 กลั้นหายใจนับ 1-3 ช้าๆ แล้วเป่าลมหายใจออกทางปากช้าๆ พร้อมกับนับ 1-5 อีกครั้ง ถือว่าครบ 1 รอบ ทำซ้ำแบบนี้ทั้งหมด 5 รอบ

                2. ยืนตัวตรง มองต่ำไปข้างหน้า หายใจเข้าช้าๆ พร้อมกับค่อยๆ ยกเท้าขวาสูงจากพื้นเล็กน้อย หายใจออกช้าๆ พร้อมกับค่อยๆก้าวเท้าขวาไปข้างหน้า จรดปลายเท้าแตะพื้น ตามด้วยส้นเท้าวางลงบนพื้น นับเป็น 1 รอบ เดินไปข้างหน้า 20 รอบ หยุดเดินรอบที่ 20

                3. วางเท้าซ้ายชิดเท้าขวาในช่วงที่หายใจออก ยืนตรง ตามองพื้น หมุนขวา โดยหายใจเข้า วางปลายเท้าขวาลง หายใจเข้าพร้อมกับยกเท้าซ้ายลอยจากพื้นเล็กน้อย หายใจออกพร้อมวางเท้าซ้ายชิดเท้าขวา แล้วค่อยๆหมุนขวา โดยขยับเท้าให้เอียง 60 องศา และ 90 องศา ในท่ายืนตรง ทำซ้ำเดิมโดยเดินไป-กลับ 2 เที่ยว ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ถึง 1 ชั่วโมง

 

“ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานกับโรคเรื้อรังทุกประเภท”

 

ท่าที่ 5 (SKT 5)"ยึดเหยียดอย่างไทย เยียวยาประสานจิต "

 

 

1. เริ่มจากยืนตรงในท่าที่สบาย เข่าตึง ค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ สูดลมหายใจเข้าทางจมูกลึกๆ ช้าๆ นับ 1-5 กลั้นหายใจนับ 1-3 ช้าๆ แล้วเป่าลมหายใจออกทางปากช้าๆ นับ 1-5  อีกครั้ง ทำแบบนี้ 5 รอบ

2. ค่อยๆ ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเหนือศีรษะฝ่ามือประกบกัน แขนตึงแนบใบหู หายใจเข้าออก 1 ครั้ง (ดังรูปที่ 1) แล้ว ค่อยๆก้มตัวลง โดยศีรษะ ตัว และแขนก้มลงพร้อมๆกัน ช้าๆ  นับเป็นจังหวะที่ 2 (ดังรูปที่ 2)  ค่อยๆหายใจ และก้มตัวลงเป็นจังหวะช้าๆ ไปเรื่อยๆ จนถึงจังหวะที่ 30 ปลายนิ้วกลางจรดพื้นพอดี (ดังรูปที่ 3)

                3. จากนั้นหายใจเข้าและออก 1 ครั้ง แล้วค่อยๆ ยกตัวขึ้น ศีรษะตั้งตรง นับจังหวะเหมือนตอนก้มลง โดยในจังหวะที่ 30 ให้เข่าตึง แขนตึง กลับมาอยู่ในท่าเดิมดังรูปที่ 1

 

* เทคนิค : ต้องเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ หายใจช้าๆ จึงจะได้ประโยชน์สูงสุด โดยเริ่มจากวันละ 30 จังหวะ และค่อยๆเพิ่มขึ้นในวันต่อๆไป   ช่วยป้องกันและเสริมสร้างสุขภาพ

 

ท่าที่ 6 (SKT 6) “เทคนิคการฝึกสมาธิการเยียวยาไทยจินตภาพ

 

 

1. นอนบนพื้นเรียบ แขนสองข้างวางแนบลำตัว ค่อยๆหลับตาลงช้าๆ สูดลมหายใจเข้าทางจมูกลึกๆ ช้าๆ นับ 1-5 กลั้นหายใจนับ 1-3 ช้าๆ แล้วเป่าลมหายใจออกทางปากช้าๆ นับ 1-5  อีกครั้ง ทำแบบนี้ 3 รอบ

2. แล้วให้ท่องในใจว่า “ศีรษะเราเริ่ม ผ่อนคลาย ผ่อนคลาย ผ่อนคลาย ผ่อนคลาย ผ่อนคลายลงไปเรื่อยๆ”  พร้อมกับกำหนดความรู้สึกไปที่อวัยวะที่เราจดจ่อ ไล่จากศีรษะ หน้าผาก ขมับ หนังตา แก้ม คาง ริมฝีปาก คอ ไหล่ ต้นแขน แขน มือ หน้าอก หลัง หน้าท้อง ก้น ต้นขา เข่า น่อง เท้า และตัวเราทั้งตัว

3.โดยเมื่อครบทั้งตัวแล้ว ให้ท่องว่า “มือเราเริ่มหนักขึ้น หนักขึ้น หนักขึ้น หนักขึ้นไปเรื่อยๆ”  ไล่ลงไปจนถึงเท้า เมื่อทำครบแล้วให้หายใจเข้า กลั้นใจ และหายใจออกเหมือนตอนเริ่มต้นอีก 3 รอบ

 

เทคนิคนี้เหมาะสำหรับ ผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ติดเชื้อเอชไอวี  อัมพาต และผู้ที่มีปัญหาระบบการไหลเวียนโลหิต

 

ท่าที่ 7 (SKT 7) “เทคนิคสมาธิเคลื่อนไหวไทยชี่กง

 

 

1. ยืนตัวตรง แยกเท้าทั้งสองข้างพอประมาณ ค่อยๆหลับตาลงช้าๆ สูดลมหายใจเข้าทางจมูกลึกๆ ช้าๆ นับ 1-5 กลั้นหายใจนับ 1-3 ช้าๆ แล้วเป่าลมหายใจออกทางปากช้าๆ นับ 1-5 อีกครั้ง ทำแบบนี้ 5 รอบ

2. ค่อยๆยกมือ แขน ข้อศอกทั้งสองข้างอยู่ระดับเอว หันฝ่ามือทั้งสองข้างเข้าหากัน ขยับฝ่ามือเข้าหากันช้าๆ นับ 1-3 และขยับมือออกช้าๆ นับ 1-3 (ดังรูปที่ 1-2) ทำทั้งหมด 36-40 รอบ แล้วยืนอยู่ในท่าเดิม

3. หายใจเข้าลึกๆ นับ 1-5 ค่อยๆยกมือขึ้นเหนือศีรษะคล้ายกับกำลังประคองหรืออุ้มแจกันใบใหญ่ แล้วค่อยๆยกมือลงในท่าประคองแจกันเช่นกัน นับเป็น 1 รอบ (ดังรูปที่ 3-4) ทำทั้งหมด 36-40 รอบ แล้วยืนอยู่ในท่าเดิม

 

" ลดอาการท้องผูก นอนไม่หลับ

อาการปวดเรื้อรัง/เฉียบพลัน และภูมิแพ้ "

 

ข้อควรระวัง

 

1.       ขณะฝึกปฏิบัติ ควรสวมเสื้อผ้าหลวมๆ ไม่รัดตึง

2.       อุณหภูมิของสถานที่ฝึกต้องไม่ร้อนหรือเย็นเกินไป

3.       ไม่ควรฝึกขณะหิวหรืออิ่มเกินไป

4.       จิตจะต้องเป็นสมาธิ ไม่ไหวตามสิ่งเร้ารอบข้าง เช่น เสียง กลิ่น การพูดคุยของคนที่อยู่ข้างๆ เป็นต้น

5.       ควรควบคุมอารมณ์และความคิดให้นิ่ง ไม่คิดเรื่องใดๆ ทั้งสิ้น ให้จดจ่ออยู่ที่ลมหายใจเข้าออก

6.       ระวังการถูกรบกวนทันที ต้องควบคุมจิตใจให้เป็นสมาธิอย่างแน่วแน่

7.       ขณะฝึกอาจมีอาการง่วงนอน ห้ามฝึกขณะขับขี่ยานพาหนะ ขณะทำงานกับเครื่องจักร หรือในสถานที่ที่เสี่ยงต่ออุบัติเหตุ

8.       หากมีอาการแน่นอึดอัดหรือหน้ามืด ให้หยุดฝึก และลงนั่งหรือนอนพักทันที

9.       ผู้ที่เป็นเบาหวาน ควรพกลูกอมติดตัวไว้ด้วย

10.    ควรเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ นุ่มนวล ระวังการบาดเจ็บของอวัยวะภายใน ได้แก่ หัวใจ ปอด ม้าม ตับ ไต

 

 

หมายเหตุ  SKT ทั้ง 7 ท่าทำบางท่าไม่ต้องครบทั้ง 7 ในแต่ละครั้งก็ได้นะคะ

 

ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือ

งานแผนพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกสาธารณสุข จ.สุพรรณบุรี จัดทำเผยแพร่ให้กับประชาชน และน้องปั้นสุขภาพ gotoknow ที่บอกกล่าวให้ชม VDO และส่งหนังสือมาให้  

 

              ด้วยความปรารถนาดี   กานดา  แสนมณี

 

 

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 439655เขียนเมื่อ 18 พฤษภาคม 2011 07:16 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:43 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

เช้ามาอ่านเจอสมาธิสร้างเสริมสุขภาพแล้วชอบใจจัง

หากเราทำได้ตลอดและสม่ำเสมอรับรองห่างไกลจากโรคภัยนะคะ

บางท่าทำทุกวันอยู่แล้วค่ะ..

ขอบคุณพี่กานดามาก นำสิ่งดีๆ มาเขียนไว้ และทำภาพได้สวยมากมีชีวิตและชีวา ค่ะ

การปฏิบัติสมาธิเพื่อการเยียวยาสุขภาพ เทคนิค SKT 1-7  นี้ หากท่านใดนำไปปฏิบัติด้วยตนเอง จะรู้เลยว่า ร่างกายจะเบา สบาย  ท้องไส้สบาย  ลองฝึกดู จะได้คำตอบ  ใครฝึกให้ไม่ได้  ทำแทนไม่ได้  ต้องทำเอง  ค่ะ 

พี่กานดาครับ มีหลายท่าเลยนะครับ น่าสนใจมาก ขอบคุณครับ

ขอบคุณค่ะ..พี่ใหญ่ฝึกท่าที่ ๖ ..ทำให้กายเบา..คลายเครียดและหายปวดเมื่อย..สำคัญคือช่วยให้ทำสมาธิได้นิ่งและนาน..มีภาพสาวน้อยน่ารักมาฝากค่ะ..

               

ค่ะ... เห็นมั๊ย คุณพี่ใหญ่ ฝึกแล้ว กายเบา ใครฝึกแล้วผลเป็นไง ละก็มาแบ่งปันกันนะคะ

สวัสดีค่ะ      Ico48    Ico48   Ico48    Ico48 

ขอบคุณมากนะคะ ดอกไม้และกำลังใจที่มอบให้    กานดาน้ำมันมะพร้าว

 

สวัสดีค่ะ    Ico48    Ico48    Ico48    Ico48

 

คุณพี่กีร์   

ดีจังพี่กีร์ ปฏิบัติประจำ ดาล่ะไม่ขยันทำเลย กำลังพยายามค่ะ ทราบว่าดีมากๆ แต่ทำได้ไม่นาน จะตั้งใจใหม่นะคะ

 

น้องแจ๊ว  

   ขอบคุณเช่นกันนะคะ ที่ทำให้พี่ทราบและเริ่มปฏิบัติแล้ว  คุณพี่ใหญ่ท่านน่ารัก ขยันไปหมดทุกเรื่องเลยค่ะ ปลูกอัญชันขาวสวยงามไว้เก็บเมล็ดแก่ด้วยนะคะ บ้านคุณพี่ใหญ่ต้นไม้ดอกไม้สวยๆมากเลยค่ะ รวมทั้งสัตว์น้อยน่ารักที่อยู่ตามต้นไม้ด้วย เลี้ยงไว้หมดค่ะ  เป็นความสุขของคุณพี่ใหญ่ที่ดีมากๆ เราแอบปลื้มไปด้วยนะคะ

 

อ.ขจิต 

  มีเวลาฝึกบ้างหรือเปล่า เวลาอยู่กับคุณแม่ชวนท่านฝึกไปด้วยกันนะคะ

 

คุณพี่ใหญ่  

ดาแอบคุยเรื่องคุณพี่ใหญ่กับน้องปั้นสุขภาพด้วยค่ะ ดีใจและชื่นชมคุณพี่ใหญ่เสมอไม่ว่าจะทำอะไร หากวันไหนพบ ดาจะกอดก่อนเลยนะคะ ขอบคุณสาวน้อยสวยน่ารักมาก  ชมแล้วสบายตาดีจริงๆค่ะ

 

เป็นการผสมผสานท่วงท่าที่น่าสนใจมากค่ะ แต่ละท่าก็ไม่ยาก หากมีกลุ่มทำไปด้วยกันเป็นประจำคงจะดี ทำเองคนเดียวคงจะมีวินัยไม่พอ ไม่ตลอดรอดฝั่ง

ขอบคุณคุณดาค่ะที่ตั้งใจนำมาฝากกัน ภาพประกอบแต่ละท่ายังจัดฉากประกอบสวยงามซะด้วยค่ะ

หลังจากวิ่งแล้ว คงต้องมาใช้วิธีการที่คุณกานดานำเสนอคงจะลดพุงได้บ้างแล้วครับ

สวัสดีค่ะ   Ico48     Ico48

 

คุณพี่นุช 

ใช้ค่ะทำคนเดียวไม่ตลอดรอดฝั่ง ดาทำที่ไรไม่ได้นาน แต่จะพยายามทำบ่อยให้เกิน 15 นาที เป็นอย่างน้อยที่สุด น้อยกว่านี้ไม่ได้สารความสุขค่ะ ขอบคุณค่ะดอกไม้สวยชวนเก็บภาพด้วยค่ะ

 

อาจารย์พรชัย

   ทำก่อนวิ่ง จะดีกว่าไหมค่ะ ตื่นนอนแล้วทำเลยค่ะ ท่าที่ 6 ทำได้เลย ดีมากๆจริงๆค่ะ  ยิ่งฝึกใน 1 นาทีหายใจได้น้อยครั้งที่สุดยิ่งดีค่ะ 

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท