เมื่อวาน ๘-๙-๔๙ ผมรู้สึกเหนื่อยใจกับหน้าที่เป็นผู้บรรยายในตำแหน่งที่คนจำนวนหนึ่งให้เกียรติเรียกว่า อาจารย์ กลุ่มนัักศึกษาเช้าคือศิลปกรรม บ่ายคือเทคโนสารสนเทศ ใช่แล้ว เมื่อเขาไม่สามารถเป็นอย่างที่ใจผมคิด (เอาใจตัวเองเป็นใหญ่เหลือเกิน) แน่นอนการทำอะไรแล้วไม่สามารถเป็นดังใจคิด ก็ย่อมทุกข์ใจเป็นธรรมดา หวังมาก-พลาดหวัง-ทุกข์มาก, หวังน้อย - พลาดหวัง - ทุกข์น้อย จริงๆ แล้วการที่เขาไม่รู้ไม่เข้าใจ สิ่งนี้ยังพอจัดการให้รู้ให้เข้าใจได้ แต่การที่ไม่สนใจ ไม่ตั้งใจ แล้วมาทำลายบรรยากาศของการเรียนรู้นี้แหละ คือปัญหาใหญ่ ส่วนหนึ่งเราบอกว่า อยู่ที่กระบวนการส่งเสริมให้เกิดความรู้ เป็นอย่างไรถ้ากระบวนการนั้น เหมาะกับเด็กกลุ่มหนึ่งแต่อีกกลุ่มหนึ่งไม่ต้องการ ยังหาทางสายกลางไม่ไ้ด้ ดังนั้น ปวดใจเหลือกำลัง "อย่าทำดีกว่ามั้ง"
วันนี้ ๙-๘-๔๙ ผมมีความรู้สึกอีกอย่างหนึ่งซึ่งแตกต่างจากเมื่อวาน คงไม่ใช่เพราะวันนี้วันที่ ๙ เป็นวันมงคลอย่างที่คนจำนวนหนึ่งให้ความสำคัญกระัมัง จริงๆ แล้วเป็นมงคลหรือเปล่าก็ไม่รู้ ในเมื่อ ๙ ไม่เคยเต็ม ๑๐ เลข ๙ จึงเป็นเลขที่ตรงกันข้ามกับเศรษฐกิจพอเพียง (ผมคิดเล่นๆ)
วันนี้เป็นหน้าที่ของนักศึกษาวิชาเอก สังคมศึกษา ในวิชาวัฒนธรรมและสังคม มีนักศึกษาเพียง ๙ คน ซึ่งต่างจากเมื่อวานห้องละไม่ต่ำจาก ๒๐ คน ผมมีความรู้สึกดีกับความตั้งใจในการศึกษาข้อมูล การเสนอข้อมูล แต่ละคนมีการเตรียมความพร้อมอย่างที่ผมต้องละอาจใจตนเอง กลุ่มละ ๓ คน แต่ละคนได้ร่วมเสนองานกันเป็นอย่างดี วันนี้ เด็กกลุ่มนี้มีพระคุณกับผมมาก ตอนสุดท้ายผมไม่ลืมที่จะขอบคุณเขา เพราะเขาทำให้ผมมีความหวังที่จะทำงานนี้มากยิ่งขึ้น แน่นอน หากทำแล้วมีความหวังในความสำเร็จ ทุกคนย่อมอยากที่จะทำ แม้ในตำแหน่งนี้จะต้องมานั่งกัดก้อนเกลือกินก็ตาม (งมงาย)
วันนี้ จากผลงานของนักศึกษากลุ่มนี้ ทำให้ผมคิดโครงการขึ้นมาโครงการหนึ่ง คือ โครงการการแข่งขันวิธีการนำเสนองาน (การสอน) ของนักศึกษาหลักสูตรครุศาสตร์ทุกสาขาวิชา
ขอขอบคุณนักศึกษา
ไม่มีความเห็น