ในช่วงสุดท้ายของโครงการเราจัดให้มีการเขียนและพูด AAR กันอย่างจุใจ ซึ่งในช่วงนี้ดำเนินการโดย คุณวันเพ็ญ ตันจันทร์กูล จากสำนักหอสมุด มน.
เนื่องจากผมต้องการให้ทุกคนได้ Reflect โดยไม่ต้องเกรงใจกันมากจนเกินไปจึงได้เกริ่นบอกตั้งแต่เช้าของวันที่ 2 (8 ส.ค. 49) แล้วว่าพวกเราก็เป็นเพียงคุณอำนวยหรือวิทยากรกระบวนการฝึกหัดเท่านั้นยังต้องการ “การติเพื่อก่อ” เพื่อการเรียนรู้อีกมาก
ปรากฏว่าได้ผลครับ หลายคนพูดถึงสิ่งที่ได้น้อยกว่าความคาดหวังกันหลากหลายทำให้เราได้รับรู้สิ่งที่อยู่ในใจของผู้เข้าร่วมโครงการที่เราบางทีก็คาดไม่ถึงเหมือนกันว่าเขาจะคิดแบบนั้น แต่ส่วนใหญ่ข้อคิดเห็นก็เป็นในเชิงบวก เชิงให้กำลังใจกับการจัดงานครับ
ผมต้องขอบคุณทุกท่านที่เข้าร่วมการสัมมนาทุกท่านอีกครั้งที่ให้ความร่วมมือด้วยดีตั้งแต่ต้นจนจบทำให้การดำเนินโครงการบรรลุเป้าหมายทุกข้อ
ผมมีบางประเด็นที่ยังเป็นห่วงและอยากจะขอแสดงความคิดเห็นไว้ในที่นี้ครับว่า
• KM เน้นที่ Tacit knowledge เป็นความรู้ปฏิบัติเพื่อการปฏิบัติที่ดียิ่ง ๆ ขึ้น
• การมีทิศทางและฝันร่วมกันเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของการดำรงอยู่และความเจริญรุ่งเรืองของความเป็นเครือข่าย
• มีบางท่านยังคงเหนียวแน่นอยู่กับการ “รอรับความรู้” จากวิทยากรมากจนเกินไป ต้องพยายามช่วยกันปรับจาก “Teacher centered” มาเป็น “Learner centered” ให้มากขึ้นครับ
• อีกครั้งหนึ่งครับเพราะเป็นเรื่องสำคัญมากคือผมอยากจะเน้นว่า “KM ต้องรู้จักประยุกต์ใช้และต้องทำอย่างต่อเนื่องครับ” ไม่ใช่จัดการอบรมเสร็จแล้วก็เลิกลากันไป ถ้าเป็นเช่นนั้นจะเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างยิ่ง
• จุดอ่อนของเราตามที่ทุกท่านได้ให้ข้อสังเกต เราขอน้อมรับไว้ด้วยความรู้สึกขอบคุณที่ชี้แนะและจะนำไปแก้ไขปรับปรุงในโอกาสต่อไป ส่วนตัวท่านเองก็อย่าลืมนะครับ เมื่อจัด KM workshop ด้วยตัวท่านเอง ท่านจะได้ทำได้ดีกว่าเรา
• ถ้าเป็นไปได้ ควรจำกัดจำนวนคนเข้าร่วมทั้งหมดไม่เกิน 40 คนต่อหนึ่ง workshop เวลาแบ่งกลุ่มย่อยกลุ่มละไม่เกิน 10 คน จะทำให้การสร้างบรรยากาศเป็นไปได้ดีกว่าการจัดในครั้งนี้
• ท่านลองสังเกตด้วยตัวท่านเองก็ได้ว่า ตอนรับประทานอาหาร หรือ coffee break ด้วยกันที่โต๊ะประมาณ 4 คน ถ้ากำหนดประเด็นการพูดคุยดี ๆ จะเป็นบรรยากาศที่ดีที่สุด จะได้ความคิดใหม่ ๆ ดี ๆ จำนวนมาก ทำได้ทุกวันไม่ต้องรอให้ใครมาช่วยจัดบรรยากาศเลยครับ
วิบูลย์ วัฒนาธร