เย็นนี้ระหว่างทางนั่งรถกลับบ้าน น้องฟางเล่าให้ฟังว่า แม่วันนี้ มีเรียนวิชาศีลธรรมคุณครูเล่านิทานให้ฟัง เศร้ามากเลยแม่ ซึ่งเมื่อฟังลูกเล่าจบแล้ว ก็รู้สึกเห็นด้วยไปกับลูก แล้วก็เลยบอกลูกว่า แม่ขอถือโอกาสถ่ายทอดเรื่องราวที่ลูกเล่าให้ฟัง ให้ลุง ป้า น้า อา ใน blog ได้ฟังด้วยได้ไหมค่ะได้ค่ะแม่ พอกลับมาถึงบ้าน จัดการทุกอย่างในบ้านเรียบร้อย ก็รีบมานั่งพิมพ์เพราะกลัวว่าจะลืมเรื่องราวที่ลูกเล่า แล้วก็ให้ลูกมาช่วยอ่านอีกรอบว่า เรื่องเป็นแบบที่แม่เขียนรึเปล่า แล้วถือโอกาสตั้งชื่อเรื่องว่า “นิทานวันแม่” ซึ่งลูกก็เห็นด้วยในชื่อเรื่องที่แม่ตั้ง เนื้อเรื่องตามคำถ่ายทอดจากปากน้องฟาง มีดังนี้ ค่ะ“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเด็กชายคนหนึ่ง รู้สึกเศร้าใจมากที่ไม่มีเพื่อน ๆ คนไหนยอมให้เข้ากลุ่มด้วย จนวันหนึ่งเขาได้ไปรู้จักกลุ่มคนไม่ดี ซึ่งเมื่อหัวหน้ากลุ่มบอกว่า ถ้าเขายอมทำตามที่หัวหน้ากลุ่มสั่งและผ่านได้จากด่านที่ 1 จนถึงด่านที่ 4 ให้ได้ซะก่อน จึงจะยอมให้เข้ากลุ่ม ด้วยความที่อยากเข้ากลุ่มจึงยอมตกลงทำตาม แล้วพอผ่านแต่ละด่าน จนถึงด่านสุดท้าย เขาก็จะให้เข้ากลุ่มแล้ว ซึ่งด่านสุดท้าย หัวหน้ากลุ่มก็บอกว่า ให้เด็กชายไปเอามีดมาควักหัวใจแม่ของเขามาให้ก่อนเที่ยงคืน และเมื่อเด็กชายคนนี้กลับถึงบ้านฝนก็ตกกระหน่ำ แม่ของเขาก็บอกว่า “นี่ลูก แม่เตรียมอาหารที่ลูกชอบให้ด้วยนะ แล้วพอเขากินเสร็จ แม่เขาก็บอกว่า “ไม่ต้องเก็บหรอกลูกเดี๋ยวแม่เก็บเอง แล้วเดี๋ยวตอนลูกเข้านอนก็ห่มผ้าให้อุ่น ๆ นะ เดี๋ยวจะหนาว” แล้วลูกก็นอนลืมตา จึงถึงสี่ทุ่มครึ่งก็แอบย่องไปดูแม่ เห็นแม่กำลังนอนหลับสนิท ลูกจึงเอามีดปลายแหลมมาควักหัวใจของแม่ กำไว้ในมือและวิ่งออกจากบ้านไป เพื่อนำไปให้หัวหน้ากลุ่ม ในขณะเดียวกันระหว่างที่วิ่งไปอยู่นั้น ฝนตกหนักมาก และเกิดฟ้าแลบ ฟ้าร้อง ทันใดนั้นลูกก็สะดุดก้อนหินล้มลง จนหัวใจของแม่ไปอยู่ที่ข้างตัวเขา แล้วเขาก็ได้ยินเสียงหัวใจของแม่พูดว่า “ลูกเจ็บไหม เจ็บไหม เดินให้ระวังนะ จะได้ไม่หกล้มอีก” พอลูกได้ยินดังนั้น รู้สึกเสียใจมาก คิดได้ดังนั้น ลูกก็รีบวิ่งกลับบ้านเพื่อเอาหัวใจของแม่กลับไปที่บ้าน แล้วก็วางไว้ที่อกแม่ แต่มันสายไปซะแล้ว เพราะแม่ได้หมดลมหายใจไปตั้งนานแล้ว ลูกก็ได้แต่ร้องไห้ และสัญญากับแม่ว่า ถ้าชาติหน้ามีจริง ขอให้เกิดมาเป็นลูกแม่กันอีกครั้งเมื่อฟังลูกเล่าจบก็ถามลูกว่า คุณครูบอกรึเปล่าค่ะ ว่า นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่าอะไรคุณครูบอกว่า จงมีความกตัญญู กตเวทีต่อผู้ที่มีพระคุณ คะแม่แม่รู้ไหม กว่าครูจะเล่านิทานจบ เด็ก ๆ นั่งร้องไห้กันตั้งหลายคน แล้วลูกร้องรึเปล่าหละคะ ร้องสิคะ เศร้ามากเลยฟ้าหละคะ ถ้าวันหนึ่งแม่ตายไป ลูกจะคิดถึงแม่รึเปล่า (หันไปถามลูกสาวคนเล็ก อายุ 5 ขวบ)คิดถึงสิคะ แต่ฟ้ารู้ว่า แม่ยังไม่ได้หายไปไหน แม่ยังอยู่ในใจของฟ้าเสมอเป็นไงบ้างค่ะ ฟังนิทานเรื่องนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้อรรถรส เท่าฟังจากปากของคุณครูผู้เล่าโดยตรง แต่คิดว่าคงได้ใจคุณแม่ ๆ ทั้งหลายนะคะ ขอไม่สรุปนะคะ อยากให้คุณลุง คุณป้า คุณน้า คุณอา ช่วยสรุปให้ค่ะ
สวัสดีรอบดึกคะ...
มาอ่านนิทาน..ก่อนเข้านอนคะ...
*^__^*
ขอบคุณค่ะที่แวะเวียนมาเป็นกำลังใจ ฟังนิทานแล้ว หวังว่าคงนอนหลับฝันดีนะคะ
สวัสดีค่ะทุกๆ คน
ได้อ่านนิทานวันแม่ของคุณรัตติยา แล้วรู้สึกเศร้า แต่ก็มีคติสอนใจดี
หากจะขอยืมไปเล่าให้ลูกสาวฟังบ้าง ไม่ทราบว่าจะอนุญาตหรือเปล่าคะ
อ่านแล้วยิ่งรักแม่มากขึ้นเลยค่ะพี่แป๊ด เพราะแป้นกับแม่ ถึงแม้จะทะเลาะกันทุกวัน แต่เราก็กอดกันทุกวันเช่นกัน
เศร้าจัง !! นิวตามอาจารย์ขจิต มาคะ อิอิ...
สะกิดใจตรงที่น้องๆ ได้ฟังคุณครูเล่าแล้วร้องไห้กัน เด็กๆ เหมือนผ้าขาวจริงๆ นะคะ ดีจังที่คุณครูของน้องปลูกฝังความกตัญญูให้แบบนี้ ปลื้มจัง
เมื่อหัวค่ำ น้องฟางแวะมาอ่านว่า มีใครเข้ามาอ่านบันทึกที่เขาถ่ายทอดผ่านคุณแม่ บ้าง พอเห็นว่ามีหลายคน ก็ดีใจ และฝากขอบคุณทุก ๆ ท่าน ค่ะ ที่ชอบเรื่องที่น้องฟางเอามาเล่า แถมยังฝากให้บอกอีกว่า วันหน้าจะหาเรื่องที่สนุก ๆ มาเล่าให้ฟัง เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศ หลังจากฟังเรื่องเศร้าไปแล้ว ยังไงถ้ายังไม่เบื่อ ก็อยู่เป็นกำลังใจให้หลานตัวน้อย ๆ ด้วยนะคะ
น่าสงสารมากเลยค่ะ อยากเล่าให้เด็กๆแถวบ้านฟังนะค่ะแต่ว่าไม่ค่อยมีเวลาค่ะ แฮ่ๆๆ ^-^ เด๋วจะเข้ามาชมบ่อยๆนะค่ะ ขอบคุณค่ะที่เปิดให้ชม
หนูรักพ่อกับแม่มากนะ
หวัดดีคับ
กายน่ารำคาญ
ทำให้นึกถึงคาวเป็นแม่.........................................................................................................ครับ
จาก.........ศักดิ์ดา วนิดา นฤมล ครูวาว.....และจากโรงเรียนจักราชราฎร์สามัคคี
คิดถึงแม่อยากกลับไปประเทศไทย