"โลกนี้ไม่มีบังเอิญ" ที่ทำให้ทุกท่าน ณ โลกออนไลน์ G2K มาพบกัน และทำให้ผู้เขียน ๒ คน คุณนายดอกเตอร์ หรือ ดร. ยุวนุช ทินนะลักษณ์ และ ศิลา ภู ชยา (ผู้เขียนร่วม) ได้มาทำกิจกรรรมหลากหลายร่วมกัน และ"โลกนี้ไม่มีบังเอิญ"[1] คือกิจกรรมหนึ่งที่ผู้เขียนร่วมได้ไป "เติมหัวใจให้สังคม" แด่กลุ่มคุณป้า-คุณแม่ สตรีจากจังหวัดปัตตานีและสงขลา อายุ ๔๐-๖๐ ปี ทั้ง ๔๐ ท่าน เป็นกลุ่มสตรีอาสาสมัครรักษาหมู่บ้าน –อบร. ในโครงการพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ที่มีการฝึกอาชีพ และฝึกอาวุธเพื่อป้องกันครอบครัว และทำงานจิตอาสาให้แก่ผู้ยากลำบากที่อื่น เช่น ชาวเขา
นอกจากคุณป้า-คุณแม่ที่กล่าวมาแล้ว ยังมีผู้เข้าร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประกอบด้วย นักศึกษาและอาจารย์จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ๑๐ คน และ ผู้ที่เคยประสบทุกข์ทั้งกายและใจเป็นกรณีตัวอย่าง ๓-๔ กรณี ทุกท่านมาปฏิบัติธรรมที่เสถียรธรรมสถานก่อนวันจัดกิจกรรม และมาร่วมวงสุนทรียสนทนาในกิจกรรมช่วงวันวาเลนไทน์ ๒๕๕๓ วัตถุประสงค์เพื่อ ฟังกันด้วยหัวใจ เห็นทุกข์ทั้งของตนและผู้อื่น เรียนรู้จากกันและกัน เห็นทางออกในการเยียวยาหัวใจตนเอง โดยเราพบว่าทุกท่านมีความทุกข์หลักร่วมกัน คือ การสูญเสียคนในครอบครัวที่รักมากที่สุด หรือไม่ก็ผิดหวังจากความรัก
กระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อ "การจัดการความรัก 'ทุกข์คือของขวัญอันยิ่งใหญ่'"[2] จึงเกิดขึ้น
การเล่าความทุกข์ของเราเพื่อเป็นอุทราหรณ์ให้ผู้อื่นได้เรียนรู้เป็นการแบ่งปันของขวัญอันทรงคุณค่า การฟังเรื่องราวความทุกข์ ทำให้รู้สึกว่าทุกข์ของเราและของเขาเป็นเรื่องสากล
"บทเรียนที่ได้รับผ่านประสบการณ์ที่หวานขมและเจ็บปวดของผู้เล่าทำให้เราได้เรียนรู้เสมือนหนึ่งว่าร่วมผ่านประสบการณ์เหล่านั้นมาด้วยกัน" นั่นเพราะเรารู้สึกถึงความเป็นกัลยาณมิตรที่อยู่ในวัฏสงสารเดียวกัน
การฟังเรื่องเล่าของกันและกันด้วยความเมตตาต่อผู้อื่น และอุเบกขาต่อความรู้สึกภายในของตนเองย่อมนำไปสู่การยกระดับจิตใจของตนเองให้เติบโตด้วยความเข้าใจในสรรพสิ่งที่เกิดขึ้นและรู้เท่าทันในสิ่งที่มากระทบตัวเราตามความเป็นจริงโดยปราศจากการปรุงแต่งใด ๆ
เมื่อเสร็จสิ้นกิจกรรม เราได้ไปกราบลาแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต สิ่งที่ท่านกล่าวคือ "ยินดีที่พวกเราได้มาทำกุศลร่วมกัน" แน่นอนว่าการทำกุศลต่างจากการทำบุญตรงที่เป็นการทำบุญด้วยการใช้สติปัญญา ทำให้เราได้เรียนรู้ที่จะเติมคุณค่าให้กับสังคมตรงส่วนไหนได้บ้าง
สิ่งที่ผู้เขียนร่วมมองเห็นคือกิจกรรมเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นในมุมหนึ่งของสังคมเป็นการจุดประกายส่องสว่างกลางหัวใจของผู้ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ให้เติบโตทางจิตวิญญาณไปด้วยกัน เมื่อต้องแยกย้ายจากไปดำเนินชีวิตประจำวัน อย่างน้อยในใจ ต่างระลึกถึงกันได้ว่า "ยังมีเรา" คนที่มุ่งมั่นทำความดี ในบางครั้ง มีหรือที่จะไม่รู้สึกโดดเดี่ยว การได้มาฟังด้วยความรู้สึกเข้าถึงใจเขาใจเราทำให้เรา "ปิติ" เป็นกุศลที่ได้แลกเปลี่ยนของขวัญให้แก่กัน
กิจกรรม "โลกนี้ไม่มีบังเอิญ" จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่คุณนายดอกเตอร์ตระหนักว่าได้ทำหน้าที่เสมือนเป็นสะพานบุญเชื่อมผู้คนหลากหลายให้มาเรียนรู้กัน และสานใจให้กัลยาณมิตรใน G2K มาร่วมกันทำงานสร้างกุศล ขณะเดียวกันก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ศิลา ภู ชยา ได้ใช้ศาสตร์ Enneagram (นพลักษณ์) ในการจัดกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ให้ทุกคนเข้าสู่โลกภายในโดยที่หลายท่านไม่รู้ตัวว่าได้ใช้เครื่องมือนี้อยู่
กิจกรรมสร้างสรรค์ให้มองเห็นความดีของเพื่อนมนุษย์
สู่
กิจกรรมที่ทำให้มองเห็นความงามในความหลากหลาย
สะพานบุญสู่โรงพยาบาลปากช่องนานา
"เมื่อไม่นานมานี้ทำตัวเป็นสะพานบุญ เชื่อมคนงามด้วยภูมิธรรมและความรู้ คือ คุณศิลา กับทีมงานของคุณหมอและพยาบาลกลุ่มเล็กๆแห่ง โรงพยาบาลปากช่องนานา นำโดย พญ.รัตนา ยอดอานนท์ หรือ คุณหมอรัตน์ (เจ้าบ้าน)และ อีกคณะนำโดย พญ.รุจิรา มังคละศิริ หรือ คุณหมอตุ๊ (เจ้าภาพอาหาร และ ของว่าง)จาก สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา ให้ทุกท่านได้มาพบกันด้วยจิตอันเป็นกุศล มาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วยกันเพื่อการพัฒนาตนจากภายในให้ทำงานอย่างมีความสุขยิ่งขึ้น ด้วยศาสตร์แห่งนพลักษณ์ ธรรมะ และ การจัดการความรู้" [3]
บทเรียนที่ได้รับจากการจัดกิจกรรมครั้งนี้ คือการบูรณาการศาสตร์นพลักษณ์กับการจัดการความไม่รู้ในโลกภายใน "โดยใช้ธรรมะมาอธิบายอย่างเข้าใจง่าย ละมุนละม่อม แต่ละลักษณ์มองเห็นตนเอง มองเห็นจุดที่ต้องพัฒนา จุดที่ต้องก้าวข้ามให้พ้น มองเห็นการนำจุดแข็งของลักษณ์อื่นมาเสริมจุดอ่อนของลักษณ์ตนเพื่อนำไปสู่การสร้างสมดุลย์ของชีวิตให้มีความสุขจากการเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์"
"เห็นกระบวนการ และวิธีการใช้นพลักษณ์ กับ ธรรมะ อย่างผู้เข้าใจจากการปฏิบัติ ทำให้เรื่องของ การฟังด้วยหัวใจที่ใคร่ครวญ – Deep listening หรือ ฟังอย่างลึกซึ้ง การมีสุนทรียสนทนา – Dialogue การแบ่งปันเรื่องราวของตน – Sharing การซักถามอย่างรับรู้ซึมรับรู้คุณค่าเรื่องราวที่ได้ฟัง – Appreciative Inquiry เป็นสิ่งที่ก่อตัวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติในบรรยากาศเช่นนี้"
"สิ่งที่เห็นในกระบวนการนี้น่าสนใจมากเพราะผู้เขียนเคยมีประสบการณ์ เห็นคนทำงานด้านการจัดการความรู้ การจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในบางที่ ที่ไปหากรอบมาจำกัดตนเอง ทำงานด้วยความกลัวผิดตำรา หรือ ผิดไปจากกรอบของตน ทำด้วยความคาดหวังว่าจะเอา "How to" เร็วๆ จึงมักจะเร่งร้อนให้ผู้เข้าแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เข้าเรื่องเร็วๆ คาดหวังให้ทุกคน "เล่าเรื่องเป็น" ลืมไปว่าคนเราแตกต่างกันในความเป็นตัวเขา จึงมีวิธีแตกต่างกันในการเล่าเรื่อง กระบวนกร หรือ Facilitator จึงต้องเข้าใจและใจเย็น ให้เรื่องราวเปิดเผยออกมาตามจังหวะที่สมควร อีกทั้งยังต้องใส่ใจกับอารมณ์ ความรู้สึกของผู้เล่าอีกด้วย"
ทั้งหมดนี้คือการปฏิบัติตนร่วมกันผ่านกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
กิจกรรมที่เห็นความงามในความแตกต่างและนำมาหลอมรวมเป็นหนึ่ง
"การรู้เห็นในกุศลและอกุศลที่เกิดขึ้นภายในของเราตามความเป็นจริง"[4]
แม้ว่าไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้าอยู่ในบรรยากาศสบาย ๆ ที่รายล้อมไปด้วยกัลยาณมิตรที่มีจิตสว่าง สะอาด สงบ จะก่อเกิดพลังแห่งความดี ความงาม นำไปสู่การเห็นโลกภายใน และค้นพบความสุขแท้จริง
เชื่อไหมว่า ในกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่เป็นการเดินทางเข้าสู่โลกภายใน จะนำท่านได้ค้นพบความจริงบางอย่างด้วยตัวท่านเอง อาจจะเป็นการรู้จักตัวตนของเรามากขึ้น ค้นพบศักยภาพภายในจริงแท้ที่หลงลืมไป ใส่ใจในสิ่งเรามองข้าม และ
"รู้แล้วทำอะไรต่อ?"[5]
"การได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในกระบวนการเรียนรู้นพลักษณ์ ก็ยิ่งเห็นศักยภาพของการนำศาสตร์นี้มาใช้กับ Human KM โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการทำ Dialogue, Share & Learn, และStorytelling ตลอดจนการใช้กับแนวคิดเรื่อง พื้นที่ หรือ BA ของ Ikujiro Nonaka ในการหมุนเกลียวความรู้
ผู้เขียนสนใจการจัดการความรู้ในแนวทาง Human KM ที่สถาบันการจัดการความรู้เพื่อสังคม หรือ สคส. เป็นผู้กรุยทาง เพราะสนใจเรื่องความเป็นมนุษย์ว่าเป็นสิ่งที่ต้องมีความเข้าใจที่ลึกซึ้งมากกว่าการมองว่าเป็นแค่ผู้ปฏิบัติงาน อาจกล่าวแบบสรุปสั้นๆว่าผู้เขียนสนใจการพัฒนาจิตวิญญาณ สนใจเรื่องสติ เพื่อให้ การทำงาน เป็นการปฏิบัติธรรม เรื่องนี้จึงถูกจริตตน"
กระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อการพัฒนาจิต
ทำให้เราตื่นจากการหลับไหล
ในกิจกรรม "สานสัมพันธ์ผู้บริหาร ICT@Nectec"[6] จำนวน ๓ รุ่น ผู้เขียนร่วมได้มีโอกาสทำงานร่วมกันอย่างเต็มรูปแบบ จากเดิมที่คุณนายดอกเตอร์ขอเป็นเพียงสะพานบุญก็พอ ได้เปลี่ยนบทบาทเป็นวิทยากรกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้สู่โลกภายใน จากบันทึก "รู้แล้วทำอะรต่อ?" บอกให้รู้ถึงแนวทางของ Human KM ต่อไปในอนาคตในรูปแบบกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อการพัฒนาจิต (Spiritual Development) โดยนำ Self Mandala ของ Virginia Satir ภาษาไทยเรียกว่า "มณฑลชีวิต" มาใช้ร่วมกับนพลักษณ์อย่างกลมกลืน ทำให้ผู้ร่วมกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ค้นพบปัญญาวิถีสู่ความดี ความงามและความสุขอย่างแท้จริงและยั่งยืน
โครงการต่อไปที่ผู้เขียนร่วมตั้งใจที่จะไป "เติมหัวใจให้สังคม" คือโครงการนาธรรมบ้านแพรก[7] ซึ่งจะเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ขยายผล สุขภาวะโดยใช้ธรรมะเยียวยาทั้งผู้ให้- ผู้รับบริการ และชุมชน เพื่อพัฒนา ความรู้ สติ และปัญญาร่วมกันสู่สันติสุข เปรียบเสมือนเป็น "นาธรรม" สำหรับผู้ที่ต้องการพัฒนาตนเองจากภายในด้วย ศีล สมาธิ และความรู้คู่ปัญญา เพื่อสุขภาวะ และ ความพ้นทุกข์ของบุคคล โดยช่วยให้คนทำงานโรงพยาบาลทำงานอย่างมีความสุข "คนเยียวยา ก็ต้องการการเยียวยา" ไปในทางการพัฒนาจิต การตระหนักรู้จากภายใน การรู้จักตนเองโดยนำนพลักษณ์เข้ามาใช้เป็นเครื่องมือและการเติมเต็มด้วย "มณฑลชีวิต" ตามแบบชาวพุทธ
นอกจาก กิจกรรมและโครงการตัวอย่างที่ยกมาแล้ว ยังคงจะมีโครงการดี ๆ ในอนาคตต่อไปอย่างต่อเนื่อง
จากแรงบันดาลใจเพียงลำพังคนเดียว กลายเป็นอุดมการณ์ร่วมที่อยากจะสร้างเวทีกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อการพัฒนาจิตให้เป็นงานศิลปะ
ศิลปะแห่งแห่งการมองโลกภายใน
ปัญญาวิถีสู่ความดี ความงาม และความสุขโดยแท้
บันทึกร่วมโดยคุณนายดอกเตอร์และศิลา ภู ชยา
----------------------------------------------
[1] http://gotoknow.org/blog/k-creation/336993
[2] http://gotoknow.org/blog/sophiaenneagram/337046
[3]สะพานบุญสู่โรงพยาบาลปากช่องนานา...ถึงชมกล้วยไม้หวายแดงป่าเขาใหญ่ (๑) http://gotoknow.org/blog/k-creation/347037
[4]จิตอาสา Enneagram เพื่อการพัฒนาจิตที่โรงพยาบาลปากช่องนานาhttp://gotoknow.org/blog/sophiaenneagram/349211
[5] http://gotoknow.org/blog/k-creation/389183
[6] http://gotoknow.org/blog/sophiaenneagram/400881
[7] G2K สื่อบุญ สู่การเกิด "นาธรรม บ้านแพรก"
http://gotoknow.org/blog/riverlife/428790
มาร่วมพัฒนาจิตด้วยความคิดถึงค่ะ..^__^
ขอบคุณมากค่ะสำหรับบันทึกที่มีคุณค่าสูงด้วยเมตตาธรรมด้วยความรักในเพื่อนมนุษย์...ที่กลั่นออกมาจากจิตใจที่งดงามอ่อนโยนของทั้ง คุณนุชและคุณศิลา ภู ชยา..พร้อมด้วยภาพประกอบงามๆมากมาย..ขอให้น้องสองทั้งสองประสบแต่ความสุขทางธรรมตลอดไปค่ะ..
SCB ชวนทำความดีช่วยผู้ประสบภัยภาคใต้ ๕ จังหวัด
ศิลปะนี้...สร้างโลก
ขอบคุณครับ
ขอขอบพระคุณมากครับ ที่ได้มีความเพียรในการช่วยเหลือทางด้านจิตใจอย่างสูงยิ่ง ครับ
รู้สึกอิ่มเอมเลยค่ะ
สวัสดีค่ะ
กระบวนการเรียนรู้เพื่อพัฒนาจิต ทำให้เรารู้จักตัวตนของเรามากขึ้น
ค้นพบศัยภาพภายในที่หลงลืมไป
เมื่อจิตนิ่งคือมีสมาธิ หรือมีสติ ก็เกิดปัญญามองเห็นธรรมนะคะ
ขอชื่นชมกิจกรรมดีๆค่ะ
มีนพลักษณ์ ๙ เกี่ยวข้องด้วยจริง ๆ 555
ดอกพวงคราม ดอกไม้แห่งครูของคณะผมเองครับ ;)..
"โลกนี้ไม่มีความบังเอิญ" จริงหรือเปล่าครับ ท่านอาจารย์นพลักษณ์ ๙
"ความบังเอิญ" หรือ "ฟ้าลิขิต" หรือ "ดินลิขิต" หรือ "พรหมลิขิต" หรือ "บุพเพสันนิวาส" หรือ "คนลิขิต"
ขอบคุณครับ ;)...
*** มาชื่นชม สิ่งที่ดีงามค่ะ
มาส่งการบ้านงานของเราค่ะ ขอบคุณคุณศิลามากเลยนะคะ
ชวนดวงใจมาเยี่ยม นะครับ
มีความสุขในวันพักผ่อนของชีวิต นะครับคุณsila
สุขสันต์วันสงกรานต์ นะครับ
เป็นบันทึกที่มีความละเอียด่อน รวมไปถึงความละเมียดของความคิดครับ
คำตอบของอาจารย์นพลักษณ์ ๙ นี่ ... "เย็น" ... ดีจังครับ
ขอบคุณมากครับ ;)...
สวัสดีค่ะ
แม้บันทึกจะยาว แต่ก็เปี่ยมด้วยสาระค่ะ
ชอบคำว่า "โลกนี้ไม่มีบังเอิญ" มากค่ะ และเชื่อเช่นนั้นเสมอมาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นทั้งที่ชอบและไม่ชอบค่ะ
ระลึกถึงค่ะ
ชอบนะ ขอบคุณที่ทำให้ได้อ่านสิ่งดีๆ
สวัสดีค่ะ
น่าจะได้เข้ามาอ่านบันทึกดีดี แบบนี้ตั้งนานแล้วนะค่ะนี่
"ถ้าอยู่ในบรรยากาศสบาย ๆ ที่รายล้อมไปด้วยกัลยาณมิตรที่มีจิตสว่าง สะอาด สงบ จะก่อเกิดพลังแห่งความดี ความงาม นำไปสู่การเห็นโลกภายใน และค้นพบความสุขแท้จริง"
ขอบคุณค่ะ