อาจารย์ที่สอนแล้วเฮฮาที่สุด คืออาจารย์ทองศุข พงศทัต สอนวิชาเคมีตอนเรียนปี ๒ ท่านมีหนังสือให้อ่านอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อเข้าห้องเล็คเช่อร์ท่านจะเล่าเรื่องความรู้รอบตัว เรื่องตลกสัพเพเหระ ประมาณ ๔๐ นาที พอเหลือ ๑๐ นาทีสุดท้ายก็เข้าเรื่องสาระวิชาเคมี สอนประเด็นสำคัญๆ และบอกให้ไปอ่านหนังสือหน้าไหน
ครั้งหนึ่งท่านสอนวิธีควงผู้หญิง ว่าเวลาเดินผู้ชายต้องเดินฝั่งนอกถนน เผื่อรถชนจะได้ชนเราก่อน จึงจะถือว่าเป็นเย็นเติลแมน
ท่านสอนวิธีใช้ส้วมชนิดโถนั่ง ว่าอย่าขึ้นไปนั่งยองๆ บนโถนั่ง ต้องเอาที่รองก้นลง แล้วฉีกกระดาษชำระรองที่นั่งเสียก่อน เพราะคนใช้ส้วมก่อนเราก้นอาจเป็นขี้กลาก เราจะได้ไม่ติด
อีกครั้งหนึ่งท่านเล่าเรื่องระบบสุขาภิบาลของเมืองนอก ว่าเขาให้อุจจาระจากส้วมไหลไปตามท่อ ไปที่โรงงาน มีการเอาอุจจาระไปทำประโยชน์หลายอย่าง ส่วนที่เป็นเส้นใยเขาเอาไปทำหมวก ท่านจะเล่าเชิงตลกทีเล่นทีจริง จนบางเรื่องเราหัวเราะจนจับไม่ได้ว่าเรื่องจริงหรือหลอกเล่น แต่ที่เรารู้แน่คือไม่ออกข้อสอบ
อาจารย์ที่สอนเข้าใจยากที่สุดคือศาสตราจารย์หลวงศรีสมรรถวิชากิจ สอนวิชา บ็อตตานี่ (Botany - พฤกษศาสตร์) พวกรุ่นพี่เล่าว่าท่านไม่รู้ตัวว่าสอนเข้าใจยาก จนลูกสาวของท่านเข้ามาเรียนที่จุฬาฯ ลูกสาวจึงบอกว่าพ่อสอนไม่รู้เรื่องเลย ลูกสาวคนนั้นคือ ศ. พญ. จาดศรี (หัพนานนท์) ประจวบเหมาะ
อาจาย์ที่สอนเข้าใจยากอีกท่านหนึ่งคืออาจารย์เพ็ง โสมนะพันธุ์ สอนวิชาฟิสิกส์ การเรียนจะเรียนเนื้อทฤษฎีล้วนๆ ไม่มีการยกตัวอย่างของจริง ทำให้เข้าใจยากมาก และสมัยนั้นเครื่องช่วยเรียนช่วยสอนที่เรียกว่า Audio-visual Aids ไม่มีเลย การเรียนสมัยนั้นจึงยากกว่าสมัยนี้มาก แต่พูดอย่างนี้อาจผิด การเรียนสมัยนี้ก็ยากในแง่ที่เนื้อความรู้มันมากเหลือเกิน
เขาจัดให้เรียนวิชาภาษาอังกฤษทั้งในปี ๑ และ ปี ๒ แต่เพื่อนๆ เขาไม่เรียนกัน เขาโดดเรียน น่าสงสารอาจารย์มากที่ในชั่วโมงเล็คเช่อร์ภาษอังกฤษมีนิสิตมาเรียนแค่ ๒๐ คน จาก ๒๐๐ คน มาอยู่จุฬา ๒ ปี ความรู้ภาษาอังกฤษของผมไม่ดีขึ้นจากตอนจบมาจากโรงเรียนเตรียม
ระบบการเรียนสมัยนั้นมี ๓ อย่าง คือ เล็คเช่อร์ แล็บ และติว เวลาติวแยกติวเป็นหมู่ อาจารย์ติวมักเป็นอาจารย์เด็กๆ และใกล้ชิดสนิทสนมกับพวกเรามากกว่าอาจารย์ผู้ใหญ่มาก ท่านแนะนำทั้งวิธีเรียน ตอบคำถาม และเก็งข้อสอบให้ ผมสังเกตว่าอาจารย์ติวมักเกร็งๆ พวกผมซึ่งถือเป็นเด็กเรียนเก่ง อาจารย์ติวบางคนสนิมสนมกับพวกเรามากถึงกับชวนไปกินข้าวที่บ้านก็มี
อาจารย์สาวๆ บางคนถูกจับให้เล็คเช่อร์ และถูกนิสิตถาม ถามวกวนมากเข้าอาจารย์งงจนระเบิดอารมณ์ด่านิสิตก็เคยมี ท่านคงคิดว่านิสิตคิดลองของท่าน
คนที่มีส่วนช่วยเหลือการเรียนของพวกเรามีอีกกลุ่มหนึ่ง เรียกว่า "แล็บบอย" เวลานี้เรียกว่านักวิทยาศาสตร์ประจำห้องปฏิบัติการ
เวลานี้มักเป็นผู้จบปริญญาตรี แต่สมัยนั้นเป็นคนไม่มีวุฒิ แต่บางคนอยู่มานานและฉลาดเฉลียว แนะนำวิชาความรู้บางเรื่องแก่เราได้ บางคนทำ ชีท เฉลยข้อสอบขายพวกเรา หรือทำเล็กเชอร์โน้ตบางวิชา/บางตอน ขาย ผมใช้ภาษาที่เราใช้กันในสมัยนั้นในการเล่าเรื่องตอนนี้
อาจารย์ที่ด่านิสิตบ่อยที่สุดคืออาจารย์หลวงพรสมิทธิ์วิชาการ คุมแล็บเคมี ท่านด่าเสียงดังด้วยถ้อยคำรุนแรง แสดงอารมณ์โกรธรุนแรงมาก มีเพื่อนเล่าวีรกรรมของท่านที่ผมไม่นำมาบันทึก
วิจารณ์ พานิช
๙ กค. ๔๙
ติดตามด้วยความสนใจครับ .. อ่านแล้วทำให้อยากเขียนถึงครู-อาจารย์ในอดีตบ้าง เพราะมีหลายแบบเหมือนกัน บางท่านมีอิทธิพลขนาดทำให้เราถึงกับต้องเปลียนเส้นทางชีวิตก็มี ... ขอบพระคุณครับ
พิสูจน์อักษร พบที่พิมพ์ผิด 1 จุดเล็กๆครับ
"... อาจารย์ติวบางคน สนิมสนม .. "