ไปอินเดีย : 3. เที่ยวไฮเดอราบัด


ตอนที่ 1     ตอนที่ 2        

         เมื่อเราเข้าพักที่สถาบัน เอสเอ็มอี ว่าที่เจ้าสาวดีใจมาก  เพราะคืนก่อนนอนคนเดียวที่เรือนรับรองนี้  กลัวผีแทบแย่    คืนนี้พี่สาวมานอนเป็นเพื่อน    ลูกคนนี้กลัวผีมาแต่เด็ก    จนโตขนาดนี้แล้วก็ยังกลัวผี

         พ่อของมูราลี่มาดูแลเราแต่เช้า   สวมเสื้อยืดลาคอสต์ประตูน้ำดูโก้    มูราลี่ฝากหมออมราซื้อมาถึง ๓๔ ตัว   สำหรับเอามาฝากญาติและเพื่อน    คนอินเดียถือสังคมเครือญาติและมิตรแน่นแฟ้น    ความเป็นส่วนตัวแบบตะวันตกมีน้อย    ที่จริงบ้านเราก็เคยเป็นอย่างนี้    แต่เราติดวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามามากแล้ว

        อาหารมื้อแรกเป็นมาม่าปาร์ตี้เบาๆ สำหรับอาหารเย็น    พอมื้อเช้าพ่อว่าที่เจ้าบ่าวไปบอกให้ทางที่พักเขาจัดให้คณะเรา ๗ คน (รวมว่าที่เจ้าสาว) ไปกินในห้องแยกต่างหาก    และให้จัดอาหารแบบไม่อินเดีย

       เริ่มด้วยซีเรียล  ขนมปังโทส เนย แยม น้ำตาลทราย   ไข่ต้ม   ชาหรือกาแฟ   องุ่นดำอินเดีย  และกล้วยหอม    องุ่นดำเนื้อไม่กรอบ แต่ออกเหนียว เมล็ดโต ไม่เหมือนกับองุ่นที่ผมเคยกินมาก่อนเลย    ตามด้วยกาแฟหรือชา

       ผมแอบไปดูอาหารเช้าที่ห้องรวม   เป็นบุฟเฟ่ต์    อาหารอินเดีย  มีขนมปังอินเดียและกับข้าวแบบอินเดีย  ไข่ต้ม  และโทส    ดูแล้วน่าลอง

      ไฮเดอราบัดมีชื่อเสียงด้านมุกน้ำจืด  เป็นมุกเลี้ยง     มูราลี่เตรียมซื้อเป็นของขวัญให้ว่าที่แม่ยาย    ใต้ (ว่าที่เจ้าสาว) เอาตัวอย่างมาให้ดู ครึกครื้นกันในหมู่ป้าแม่และพี่น้อง   ที่จริงบริเวณนี้เคยเป็นแหล่งเพชร    เพชรโคอินูร์ ที่เวลานี้ประดับอยู่บนมงกุฏของกษัตริย์อังกฤษก็ขุดพบที่นี่

    หนุ่มน้อย คาร์ติก วิศวกร ไอทีด้านซอฟท์แวร์ ลูกพี่ลูกน้องของมูราลี่ เป็นผู้พาเราเที่ยว ด้วยรถแวน รวม ๑๐ คนทั้งคนขับ    คือมีญาติของพ่อมูราลี่มาจากเชนไนอีกคู่สามีภรรยา     ที่อินเดียนี่เขาชินกับการนั่งรถแบบเบียดๆ กัน     ไม่ได้นั่งสบายแบบบ้านเรา

    จุดหมายสำคัญคือพิพิธภัณฑ์ Salar Jung อันมีชื่อเสียง    เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ใหญ่มาก    เป็นผลงานสะสมของมหาราชา ชื่อ ยาวมาก ลงท้ายด้วย Salar Jung III ซึ่งเป็นโสด   ครอบครัวซาลาร์ จุง มีต้นตระกูลเป็นมุสลิมเปอร์เซีย  

     ศิลปะวัตถุมีทั้งภาพวาด   เครื่องแกะสลักงา ไม้ หิน เตรื่องโลหะ ผ้า  เครื่องเคลือบดินเผา  มาจากทุกภูมิภาคของโลก    ที่น่าพิศวงมากคือรูปแกะสลักหินอ่อนชื่อ Veiled Rebecca ดูตอนแรกคิดว่าเป็นรูปหินอ่อนมีผ้าคลุม     เขาสลักเก่งมากจนดูเหมือนผ้าบางๆ คลุมรูปปั้นหินอ่อน    อีกอย่างคือเสื่อทอด้วยเส้นใยงาช้าง    ขนาดประมาณ 2 x 2 ฟุต    ไม่เรียกผ้าเพราะแม้จะบางแต่ก็แข็ง    งาช้างนี้มีทำเป็นแส้ด้วย

      อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน คือรูปแกะสลักขุนนาง    แต่เขาเอากระจกเงาไว้ด้านหลัง   รูปในกระจกเงาเป็นหญิงสาวงดงาม    ภาพสลักนี้ชื่อ Mephistopheles and Margaretta แกะสลักโดยศิลปินฝรั่งเศส คริสตศตวรรษที่ 19     เสียดายที่เขาเข้มงวดไม่ให้เอากล้องถ่ายรูปเข้าไป    จึงไม่มีรูปมาอวด 

     ไกด์ที่มาช่วยอธิบายด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงแขกอันรวดเร็วมีความรู้ดีมาก    แกบอกว่าศิลปะฮินดูเทพเจ้าจะไม่สวมเสื้อหรือห่มผ้า    ถ้ามีผ้าห่มตัวเป็นศิลปะกรีก

     เราได้เห็นพระพุทธรูปสลักหินสมัยคันธาราษฎร์ (คริสตศตวรรษที่ 2) หลายองค์    หน้าเป็นแขกมาก 

     ไกด์ว่ารูปเทพเจ้าสลักจากหิน ถ้าเป็นของทางเหนือของประเทศจะมีขนาดเล็ก เพราะหาหินยาก   ต่างกับทางใต้ มีหินเยอะ จึงทำขนาดใหญ่

     ที่ประทับใจอีกอย่างคือรูปหล่อหรือแกะสลักของมหาวีระ ศาสดาของศาสนาเชน หรือศาสนาของพวกชีเปลือย    รูปมหาวีระคล้ายพระพุทธรูปยืนมาก แต่เปลือยหมดทั้งตัว    ผมไม่เคยเห็นพระรูปของท่านศาสดามหาวีระมาก่อน  

    พิพิธภัณฑ์นี้ในที่สุดก็เป็นสมบัติสาธารณะ    มีฐานะเป็นองค์กรอิสระกำกับโดยบอร์ดที่มีผู้ว่าการรัฐอันตรประเทศเป็นประธาน

    กินข้าวผัดใน Food Court ภายในพิพิธภัณฑ์    มีน้ำปรุงรสเปรี้ยวๆ คล้ายนมเปรี้ยวปรุงด้วยเครื่องเทศ    ข้าวเป็นข้าวบาสมาติเมล็ดผอมและยาวมาก   ไม่หอมและไม่มียาง    คนอื่นๆ เขาบ่นว่าไม่อร่อย ไม่มีรสชาติ    แต่ผมได้เปรียบที่กินง่าย    มีอะไรให้กินก็กินหมด    ถือว่ากินความแปลก 

    จากพิพิธภัณฑ์ไปที่บริเวณ Char Minar ซึ่งเป็นมัสยิดเก่าที่สุดในเมือง    และมินาเร็ทส์สูงถึง 54 เมตร    แต่สาวๆ สนใจซื้อผลทับทิมบริเวณนั้นมากกว่า

    ไปแวะริมทะเลสาบฮุสเซน   ถ่ายรูปพระพุทธรูปยืนแกะสลักจากหินก้อนเดียวสูง 17 เมตร    อยู่บนเกาะเล็กๆ กลางทะเลสาบ       ถ้าไม่บอกว่าเป็นพระพุทธรูปก็นึกไม่ออก   คาร์ดิคว่ามีเรือข้ามไปที่เกาะได้    แต่ตอนนั้นฝนตกพรำๆ และคณะทัวร์ไม่สนใจ     ถ่ายรูปก็ถ่ายได้ไม่สวยเพราะฝนตก

     วันนี้ว่าที่เจ้าสาวไปเตรียมแต่งตัว   ที่เขาตื่นเต้นมากคือการวาดลวดลายลงบนผิวหนังที่มือ ที่เรียกว่า เฮ็นน่า    เขาโทรศัพท์มาชวนพี่สาว (ต้อง) ไปดู  และช่างจะวาดให้ต้องด้วย ถ้าสนใจ    ต้องสนใจถ่ายวิดีโอวิธีวาด    และสนใจลองให้เขาวาดด้วย    ต้องมีนิสัยชอบลองสิ่งแปลกใหม่เหมือนผม    ผมบอกภรรยาว่าผมมีนิสัยชอบลองของแปลกใหม่   แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่สัญญาว่าจะไม่ลอง คือภรรยาใหม่    ยกเว้นเขาเอาเปรียบตายไปก่อน

     เฮ็นน่าวาดด้วยมือเปล่า   ใช้สีสมุนไพรสีเดียว    วาดแล้วสีติดผิวหนังคล้ายกาวสีเขียวเข้ม     อยู่สัก ๓ - ๔ ชั่วโมงก็แกะออก    สีจะติดผิวหนังเป็นสีออกแดง   ติดอยู่ได้ 2-3 สัปดาห์   

     มูราลี่พาไปกินอาหารเย็นที่ภัตตาคารอาหารมังสวิรัตแบบบุฟเฟ่ต์ที่โก้ที่สุดในเมือง   และอาหารอร่อยมาก แต่ของหวานหวานแสบไส้ และผลไม้มีแค่สัปปะรดกับแตงโม ซึ่งคุณภาพไม่สูง 

                

                      อาหารเช้าแบบคอนติเนนตัล             

                

                                     Char Minar

                 

           ความพลุกพล่านของถนนหน้า Char Minar

                 

                                ร้านขายผลไม้

                

 ทับทิมลูกโตสีแดงจัด หวานกรอบ และราคาถูกเพราะเป็นฤดู

วิจารณ์ พานิช
๒๗ กค. ๔๙
เรือนรับรอง National Institute of Small and Medium Enterprise Extension and Training, Hyderabad

หมายเลขบันทึก: 43296เขียนเมื่อ 8 สิงหาคม 2006 10:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 14:34 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท