ลูกไปโรงเรียนเช้าทำให้หงุดหงิดหัวใจ


ผมว่าพรุ่งนี้จะไม่ต้องนาฬิกาปลุก แต่จะให้เค้าตื่นเอง รับรองได้ว่าพรุ่งนี้ต้องหงุดหวิดกันไปทั้งบ้านจากอารมณ์เสียของจาว่าอีกแน่นอน เฮ้อ! ควรจะต้องปรับที่ลูกหรือปรับที่พ่อแม่ดีเนี่ย
       เช้าวันนี้ผมตื่นแต่ตีห้าครึ่ง ไม่ใช่ตื่นเต้นที่จะต้องไปเป็นวิทยากรกระบวนการ การจัดการความรู้การพัฒนาบัณฑิตอุดมคติไทย ในเช้าวันนี้หรอกนะครับ แต่เป็นด้วยน้องจาว่า ลูกชายผมซิครับที่ก่อนนอนสั่งไว้ว่า วันนี้ตื่นตีห้าครึ่งได้ไหม จะไปให้ถึงโรงเรียนก่อนเจ็ดโมง วันนี้น้องจาว่าไปโรงเรียนคนเดียว เพราะเพิ่งหายดีจากโรคตาแดง ที่ติดมาจากเพื่อน แล้วทำให้น้องจาเป่า เจ้าคนเล็ก พลอยติดกันไปด้วย รวมถึงติดยายไปอีกคน           หลังจากสิ้นเสียงนาฬิกาปลุก น้องจาว่าลุกขึ้นบ้งเบ้ง จะให้พ่อรีบลุกขึ้น ผมก็ต้องรีบตื่นนอน จาว่าแปรงฟันอาบน้ำ ผมได้ยินเสียงบ่นพึมพำเหมือนหมีกินผึ้งจากในห้องน้ำว่า หายาสีฟันไม่เจอ หลังอาบน้ำเสร็จ จาว่าออกมาเตรียมใส่เสื้อผ้า ผมทักว่าหนูอาบน้ำยังไง หน้าไม่เปียกเลย "หนูล้างหน้าด้วยซิครับ" จาว่าเข้าไปล้างหน้า สักพักออกมา พร้อมกับเปิดลิ้นชักหากางเกงใน และเสื้อกล้าม เสื้อยืดสีเหลืองที่ผมเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อคืนถูกแขวนไว้ให้ เสียงจาว่า บ่นว่า พ่อน่ะ เสื้อตัวนี้เป็นเสื้อของจาเป่านะไม่ใข่ของว่า ผมก็บอกว่า พ่อเห็นว่าเสื้อตัวนี้เป็นเสื้อเบอร์แอลก็เลยนึกว่าน่าจะเป็นเสื้อหนู สุดท้ายผมต้องเปิดตู้หยิบเสื้อเบอร์เอ็มสีเหลืองให้จาว่า อีกสักพักหนึ่ง ได้ยินเสียงจาว่าบ่นมาว่า อยากให้แม่อยู่ด้วยจัง ป่านนี้แม่หยิบเสื้อผ้าให้ว่าถูกแล้ว กางเกงกีฬาตัวนี้เป็นของจาเป่าไม่ใข่ของว่า สรุปว่าผมเตรียมกาเกงวอร์มผิดให้จาว่า เพราะคิดว่า กางเกงจาว่าเป็นกางเกงเก่าน่าจะมีรอยขาดที่หัวเข่า             เช้าวันนี้ผมออกจากบ้านด้วยอารมณ์ขุ่นมัวจากการที่ทำอะไรก็ไม่ถูกใจลูกเลย ดูแล้วลูกจะหงุดหงิดมาก และระเบิดอารมณ์ใส่ทุกคน รวมกระทั่งยาย ที่เตรียมข้าวให้ไม่ทัน เช้าวันนี้เราจึงเอาข้าวใส่รถไปทานระหว่างทาง สุดท้ายเราถึงโรงเรียน 6 โมง 50 นาที มองเห็นครูโรงเรียนเอกชนรีบเดินแบบจ้ำอ้าวเพื่อจะไปให้ทันที่จะรับเด็กนักเรียน มีนักเรียนมาบ้างแล้ว จาว่าบอกว่า เค้ามาเป็นคนที่ 4 ของห้อง มีเพื่อนมาก่อนหน้า 3 คน และบ่นกระปอดกะแปด เมื่อตอนหัวค่ำว่าพรุ่งนี้พ่อต้องไปส่งโรงเรียนหกโมงเช้า ผมก็เลยถามว่า หนูจะไปทำอะไรตั้งหกโมงเช้า ครูหนูยังไม่มาเลย สรุปก็คือจะไปทำการบ้าน

           ตอนนี้ สี่ทุ่มกับสิบสองนาทีแล้ว จาว่ายังทำการบ้านชิ้นที่ 3 ที่ครูให้ และสั่งว่าเย็นนี้ให้ผมไปรับตอนหกโมงเย็น เพื่อจะได้มีเวลาทำการบ้าน ผมไม่รู้ว่าที่โรงเรียนทำไมให้การบ้านนักเรียนมากมาย ผมควรไปคุยกับคุณครูดีไหมว่า ทำไมการบ้านมันเยอะจัง

            ผมว่าพรุ่งนี้จะไม่ต้องนาฬิกาปลุก แต่จะให้เค้าตื่นเอง รับรองได้ว่าพรุ่งนี้ต้องหงุดหวิดกันไปทั้งบ้านจากอารมณ์เสียของจาว่าอีกแน่นอน เฮ้อ! ควรจะต้องปรับที่ลูกหรือปรับที่พ่อแม่ดีเนี่ย

หมายเลขบันทึก: 43232เขียนเมื่อ 7 สิงหาคม 2006 22:34 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 พฤษภาคม 2012 20:00 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)
ลูกคือสิ่งเร้าที่ใกล้ตัว และเป็นตัวสอบอารมณ์เราได้ดีเหลือเกิน จิตเกิด จิตตก อย่างชนิดที่สติตามไม่ทันจริงๆ แต่ลองหมั่นฝึกดูนะคะ หงุดหงิดเมื่อไหร่ โง่เมื่อนั้นเลยค่ะ คิดอะไรไม่ค่อยออก ทำโน่นนี่ผิดอยู่ประจำ และสุดท้ายก็เพ่งโทษหาคนมารับผิด

ขอขอบคุณอาจารย์รุจโรจน์...                                 

  • ขออนุโมทนาที่อาจารย์มีมงคลธรรมข้อ "การสงเคราะห์บุตร"
  • ถ้ามีรูปประกอบ > จาว่า จาเป่าคงจะอ่านสนุกขึ้นอีกมากทีเดียว...

อิ อิ อิ แม่ไม่อยู่ก็อย่างนี้แหละ บ้านแทบแตกทุกหลัง

อ้าว !! ทำไมอาจารย์ลบ คห. หนูเพราะอะไรคะ หนูไม่เข้าใจคะ เหอ ๆ

จากบันทึกนี้ ได้เรียนรู้ว่าเราต่างทำหน้าที่ของตนดีที่สุด ลูกทำหน้าที่ตน เขาหงุดหงิดเป็นธรรมดาที่ผิดไม้ผิดมือไปจากคนเดิมที่เคยดูแล (ถูกดูแลจนชิน) เด็กที่พ่อแม่ไม่ค่อยดูแลจะไม่มีปัญหานี้
คุณพ่อ ทำหน้าที่ดูแลเมื่อแม่ไม่อยู่ อย่าหงุดหงิดตามอารมณ์ลูก เด็กเขาควบคุมอารมณ์ได้ยากกว่าผู้ใหญ่ 
ครู ก็ให้การบ้านกันไปเพราะทำหน้าที่ดูแลการเรียนตามนโยบายโรงเรียน(เอกชน)  เด็กทุกคนก็ทำการบ้านเยอะเหมือนกันทั้งโรงเรียนไม่ใช่แต่ลูก อ.คนเดียว อยากให้มีการบ้านน้อยๆ ต้องไปหาโรงเรียนที่สอนแบบไม่เน้นให้การบ้านมาก 
อาจารย์ใช้คำว่าระเบิดอารมณ์ น้องจาว่าเจ้าอารมณ์ขนาดนั้นเหรอคะ หนูคิดว่าอาจเป็นอารมณ์พ่อ หรือเปล่าที่หงุดหงิดกว่าหลายเท่า 
ด้วยความเคารพค่ะ นี่ขนาดไปโรงเรียนแค่คนเดียวนะถ้าวันนี้ต้องไปโรงเรียนทั้งสองคน คุณยายคงเป็นลมไปก่อนแล้วมั๊งคะ  ดิฉันเห็นบรรยากาศตะลุมบอนกันอย่างนี้จนชินและเห็นพ่อเขาหงุดหงิดกับลูกประปราย ดิฉันไม่เคยหงุดหงิดกับเด็กๆ เลยจริงๆ เพราะเข้าใจว่าเขาควบคุมอารมณ์ได้ไม่ดี ถ้าเราหงุดหงิดตามเด็ก บรรยากาศจะไม่ดีเด็กจะติดขี้โมโหค่ะ
  • ขอบคุณ อ.จงรักษ์
  • ขอบคุณคุณหมอวัลลภ
  • ขอบคุณ ต้อย
  • ขอบคุณ คุณเมตตา
  • ขอบคุณ อิ๋ว (ผมไม่ได้ลบความเห็นนะครับ)
  • ผมไปคุยกับคุณครู คุยกับคนรอบๆตัว โทรไปคุยกับแม่ และตามน้องจาว่าไปที่ห้องเรียน พบว่าเพื่อนๆ เค้ามาเช้ากัน น้องจากว่าก็เลยอยากให้พ่อไปเช้าด้วย วันแรกยอมรับว่าหงุดหงิดไปกับคำพูดของลูก
  • พอวันที่สอง ผมให้เค้าแต่งตัวเอง และผมนำเสื้อผ้าไปส่งซักทำให้ไม่ได้ยินเสียงบ่นของเค้ารู้สึกว่า ดีกว่าเมื่อวาน และตอนเย็นก็พากันไปว่ายน้ำ ทานอาหารด้วยกัน 3 คนพ่อลูก รู้สึกว่าบรรยากาศดีขึ้น
  • ขอบคุณครับสำหรับข้อความดีๆ ที่ช่วยเตือนสติ
  • การเลี้ยงลูกนี่เป็นทั้งศาสตร์ และศิลป์จริงๆครับ และเป็น Tacit Knowlage ที่ไม่มีตำราเล่มไหนจะนำมาปรับใช้กับครอบครัวได้อย่างได้ผล
  • บางครั้งเรียนทฤษฎีจิตวิทยามาเยอะแยะ ทฤษฎีวางเงื่อนไข ลูกซะอีกที่ไม่เคยเรียนรู้ทฤษฎีเหล่านี้ แต่เค้าวางเงื่อนไขให้กับพ่อแม่ได้อย่างเนียนในเนื้องาน เนียนในชีวิตจริงๆ

เห็นด้วยอย่างยิ่งคะ...ที่วางบางครั้งลูกอาจวางเงื่อนไขให้เรา....โดยที่เราไม่รู้ตัว และอาจเผลอคิดว่า เราคือผู้วางเงื่อนไข...อาจเป็นไปโดยธรรมชาติ ที่ลูกเองก็ไม่รู้ว่าเขาผู้เป็นสร้างเงื่อนไขนั้น ขึ้นมา

.......

แต่ดิฉันก็เชื่อว่า อิทธิพลอารมณ์ของพ่อ-แม่ ก็มีผลต่อสภาพอารมณ์ของลูก....แต่พอติดตามมาจนถึง อ.รุจโรจน์ให้ความเห็น...ทำให้ต้องได้ยิ้มและขอชื่นชมนะคะ...กับการบรรเลงงานศิลปะ...ชิ้นนี้....

........

เพิ่มเวลาการทำ floor time กับลูก...บ้างสิคะ วันละประมาณ 30 นาที....บางที...ช่วยพัฒนาในเรื่องการระดับสติปัญญาทางอารมณ์ได้นะคะ....น้องจาจะได้หายหงุดหงิด....

ปล.เข้ามาให้ความเห็น...อย่างกะคนมีประสบการณ์ในการเลี้ยงลูกเชียวล่ะ....(ยิ้มๆ)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท