.
ผมรู้จักอาจารย์บัณฑร อ่อนดำ จากการถูกมอบหมายให้อ่านงานของท่านเมื่อสมัยเรียนที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อ่านงานเขียนของท่านตอนนั้นก็ไม่ได้ติดใจอะไรเป็นพิเศษ จำไม่ได้ด้วยซ้ำไปว่าเนื้อหาเรื่องราวที่อ่านจากงานในคราวนั้นคืออะไร
ช่วงนั้นผมยังบวชเป็นพระอยู่ และได้ทำงานด้านยาเสพติด มีโอกาสเข้าไปร่วมเรียนรู้งานป้องกันและแก้ปัญหายาเสพติดในชุมชนชาวเขา ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลเยอรมัน หน่วยงานของรัฐบาลไทยที่รับผิดชอบคือสำนักงาน ปสส.ภาคเหนือ ผมพบรู้จักและได้ร่วมงานกับอาจารย์บัณฑร ในโอกาสนี้ ด้วยอาจารย์เข้ามาเป็นผู้สนับสนุนงานด้านวิชาการแก่โครงการฯ
อาจารย์ถือเป็นนักวิชาการรุ่นแรก ๆ ที่ลงไปทำงานกับชุมชนอย่างเอาจริงเอาจัง เป็นนักวิชาการคนแรก ๆ ของเมืองไทยที่ใส่ใจการพัฒนาแบบมีส่วนร่วม และจริงจังอย่างยิ่งในการใช้วิชาการเข้าไปรับใช้งานพัฒนา จำได้ว่าท่านเป็นผู้พัฒนาและประยุกต์ใช้เครื่องมือหนึ่งในการวิเคราะห์ปัญหาชุมชน เครื่องมือที่ว่านั้นคือ RRA - Rural Rabid Appraisal (การประเมินชนบทอย่างเร่งด่วน) เป็นเครื่องมือที่จะทำความเข้าใจปัญหาและบริบทชุมชน ก่อนลงทำงานพัฒนา ซึ่งต่อมาเทคนิคนี้ได้พัฒนาต่อยอดเป็น PRA – Participatory Rural Appraisal (การประเมินชนบทอย่างมีส่วนร่วม)
โครงการป้องกันและแก้ปัญหายาเสพติดที่ผมกล่าวถึงข้างต้นนั้น ก็ใช้ RRA เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการทำงาน ซึ่งผมได้มีโอกาสเรียนรู้เครื่องมือนี้จากทีมงานของโครงการนั้นด้วย
อาจารย์บัญฑร เป็นนักวิชาการที่ติดดินมาก ๆ ไม่เจ้ายศเจ้าอย่าง ไม่สนใจการมีชื่อเสียงและคำสรรเสริญเยินยอ ไม่เรียกร้องลาภสักการะ นักวิชาการที่ร่วมงานกับท่านมาตั้งแต่ในช่วงเริ่มต้นนั้น ตอนนี้ต่างก็มีชื่อเสียง มีหน้ามีตาในสังคมแทบทั้งสิ้น คงมีแต่ท่านที่ยังคง low profile อยู่อย่างนั้น ท่านยังคงทำงานเคียงข้างอยู่กับคนจนทั้งในชนบทและเมืองอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ แน่นอนว่าคนนอกวงการแทบไม่มีใครรู้จักท่าน
สำหรับผมแล้ว ประวัติของท่านน่าสนใจมาก เพราะผมมีพื้นเพบางอย่างใกล้เคียงกับท่าน นั่นก็คือ ทั้งท่านและผมต่างก็มีพื้นฐานมาจากการบวชเป็นพระเหมือนกัน
ก่อนที่ท่านจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยนั้น อาจารย์บัณฑรเรียนมาทางสายพระ ท่านเรียนจบเปรียญธรรม ๕ ประโยค ซึ่งเทียบเท่ากับมัธยมศึกษาตอนปลาย และได้ใช้วุฒินี้เข้าเรียนรัฐศาสตร์ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยได้ยินว่าท่านเกือบจะไม่ได้เข้าเรียนต่อด้วยติดเรื่องวุฒิที่ท่านนำมาใช้สมัครเรียน หลังจากเรียนจบที่จุฬาฯ แล้วท่านไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลับคอร์แนล รุ่นราวคราวเดียวกับ อ.สุจิตต์ วงศ์เทศ ท่านเป็นตัวละครหนึ่งงานเขียน “เมดอินยูเอสเอ” ของ สุจิตต์ วงศ์เทศ ด้วย
ผมมีโอกาสได้ทำงานและใกล้ชิดกับท่านตั้งแต่ช่วงที่ยังเป็นพระกระทั่งลาสิกขาออกมาในช่วงต้น ๆ ก็ยังได้พบปะเจอะเจอกับท่าน มีโอกาสพบท่านที่สนามบิน จ.อุบลราชธานี เมื่อปีก่อน ที่ดีใจไม่ใช่เพราะท่านเลี้ยงกาแฟผมแต่เป็นเพราะท่านยังจำผมได้ จำเรื่องราวของผมได้ รู้รายละเอียดบางเรื่อง นั่นแสดงว่าท่านเองก็ใส่ใจติดตามข่าวคราวของผมอยู่
ท่านยังคงทำงานหนัก แม้ว่าอายุจะมากแล้ว ปัจจุบันท่านเป็นหนึ่งในคณะกรรมการปฏิรูปฯ ด้วย
อาจารย์บัณฑร สำหรับผมแล้ว ท่านคือพระโพธิสัตว์สำหรับคนจนโดยแท้จริง ท่านทุ่มเททั้งชีวิตทำงานเพื่อคนจนอย่างไม่มีสิ่งเคลือบแฝง เป็นหนึ่งในบุคคลที่ผมกราบได้สนิทใจกว่าการกราบพระบางรูปเสียอีก
สวัสดีค่ะ
อาจารย์บัญฑูร เป็นนักวิชาการที่ติดดินมาก ๆ ไม่เจ้ายศเจ้าอย่าง ไม่สนใจการมีชื่อเสียงและคำสรรเสริญเยินยอ ไม่เรียกร้องลาภสักการะ นักวิชาการที่ร่วมงานกับท่านมาตั้งแต่ในช่วงเริ่มต้นนั้น ตอนนี้ต่างก็มีชื่อเสียง มีหน้ามีตาในสังคมแทบทั้งสิ้น คงมีแต่ท่านที่ยังคง low profile อยู่อย่างนั้น ท่านยังคงทำงานเคียงข้างอยู่กับคนจนทั้งในชนบทและเมืองอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ แน่นอนว่าคนนอกวงการแทบไม่มีใครรู้จักท่าน
ดีแล้วค่ะ ให้ท่านมีความสุข และอยู่ในโลกที่ไม่ติดยึด การยกย่องจากสังคมของผลประโยชน์นั้นไร้ค่า ดังนั้น การตีค่า low profile คนที่เก่งจริงๆสิ่งนี้ไม่มีความหมายค่ะ
และขอบคุณค่ะ ที่ได้นำคนดีๆ ที่ทำงานเพื่อสังคม แบบปิดทองหลังพระ (แต่ไม่ได้หมายความว่าพระจะไม่รับรู้) มาให้รู้จัก และขอให้ท่านดำรงตนเช่นนั้นตลอดไป อย่าดึงให้ท่านมายึดติดอะไรที่วุ่นวายมาก ให้เหลือคนดี ที่แท้ ในสังคมบ้าง
สวัสดีครับ คุณ mee_pole
ผมตั้งใจจะเขียนบันทึกถึงผู้คนที่ผมรู้จักและมีอิทธิพลต่อผมมานานแล้ว เพิ่งจะมีโอกาสเริ่ม วันนี้อยู่ ๆ ก็คิดถึง อ.บัณฑร ขึ้นมา ก็เลยถือโอกาสเขียนถึงท่านซะเลย
อาจารย์มีอิทธิพลต่อผมมากในแง่การทำงานและยืนอยู่ข้างคนจนครับ
จะพยายามเขียนแนะนำคนดี ๆ ให้รู้จักไปเรื่อย ๆ นะครับ
ขอบคุณที่สนใจครับ