เมื่อวานนี้ (๖ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๔๙) ตื่นตั้งแต่ตีสี่เพื่อแต่งตัวไปขึ้นเครื่องบินไปเชียงใหม่ ขับรถไปจอดที่ดอนเมือง
เครื่องบินขึ้นตอยหกโมงครึ่ง และไปถึงเชียงใหม่ตอนเจ็ดโมงครึ่ง มหาวิทยาลัยพายัพส่งรถมารับที่สนามบิน ว่าแล้ว เราก็จะไปนั่งกินกาแฟแก้วที่สองที่คณะนิติศาสตร์ พายัพในเวลาแปดโมงเช้า (แก้วแรก ก็ดื่มในเครื่องบิน) นั่งทำงาน นั่งคุยกัน จนถึงเก้าโมงครึ่ง จึงจะได้เวลาสอน
สำหรับเรา ก็คือ สอนกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งก็คือ กฎหมายที่กำหนดความสัมพันธ์ระหว่างระหว่างประเทศ อาจจะเป็นเรื่องระหว่างรัฐ ในเทอมแรก หรือเป็นเรื่องของเอกชนในเทอมที่สอง
สอนจนถึงเที่ยง แล้วก็ไปกินข้าว ข้าวซอย ขนมจีนน้ำเงี้ยว .....แล้วแต่จะนึกออกกัน
กลับมาสอนสักบ่ายโมงครึ่ง จนถึงสี่โมง รถมารับไปส่งสนามบิน ขึ้นเครื่องตอนห้าโมงครึ่ง ถึง กทม. ตอนหกโมงครึ่ง ถ้าเครื่องบินเสียเวลา ก็ถึงดอนเมือง สักหนึ่งทุ่มเล็กๆ ก็ขับรถกลับบ้าน ซึ่งอยู่ทางใต้ของ กทม. ถึงบ้าน ก็ประมาณสองทุ่มๆ กินข้าวเย็นอีกนิด (ก็กินมาบ้าง ในเครื่องบิน) นั่งอ่านหนังสือ นอนอ่าน เขียนบ้าง สักตีสอง ก็นอน
เหตุการณ์ดังนั้น เกิดขึ้นในวันไปสอนกฎหมายระหว่างประเทศที่พายัพ ตั้งแต่ ๒๕๓๓ จนถึงวันนี้ ....๑๖ ปีผ่านไป ....แทบไม่น่าเชื่อ
ดีใจค่ะที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตอาจารย์ ตั้งแต่อาจารย์เรียนจบปริญญาเอกและกลับมาสอนที่ธรรมศาสตร์ จนกระทั่งปัจจุบันที่ยังตามมาเรียนที่พายัพในชั้นปริญญาโทอีก ไม่เคยเบื่อเลยที่ได้เรียนกับอาจารย์ และดีใจมากที่ได้เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์แหวว :)
เป็นกำลังใจให้อาจารย์ค่ะ สู้โว้ยยยยยย อิอิ วันหนึ่งคงจะได้พบกับอาจารย์สักครั้งหนึ่งนะคะ ชื่นชมอาจารย์มาก สู้นะ สู้ๆค่ะ
ขอบคุณท่านทั้งหลายที่มาเยี่ยมค่ะ
ขอบพระคุณอาจารย์มากๆ นะครับที่ยังไม่ทิ้งพวกเรา
ยินดีและดีใจเสมอเวลาเห็นอาจารย์มาปรากฏตัวที่คณะของเรา
ยังไงอาจารย์ก็อย่าลืมรักษาสุขภาพนะครับ พักผ่อนเสียบ้าง
มีอะไรที่ลูกศิษย์คนนี้จะช่วยได้ ขอให้บอกมาเลยครับ...ยินดี&เต็มที่เสมอ
ผมรู้สึกว่าการเรียนก็หมาย มีคุณค่ามากกว่าหางานทำ
เพราะ
คำสอนของอาจารย์