ต่อจาก ตอนที่ 1 เมื่อ รพศ.หาดใหญ่ถูกน้ำท่วม
2. บทที่ต้องเรียน
ในฐานะสถานบริการสาธารณสุข เราคงจะปกป้องผู้ป่วยที่อยู่ในโรงพยาบาลโดยการส่งต่อผู้ป่วยหนักและหนักมากไปโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ดูแลผู้ป่วยใน ญาติ เจ้าหน้าที่และผู้ป่วยฉุกเฉินที่ยังพอจะมาถึงเราได้ แต่หากเราตระหนักว่ายังมีคนทุกข์และยิ่งทุกข์หนักทั้งจากอุทกภัย ความขาดแคลนอาหาร ความเจ็บไข้ได้ป่วยที่ไม่อาจจะดูแลตนเองได้ ในฐานะที่เราเป็นบุคลากรทางสาธารณสุขความพยายามของเรา การลงทุนของรัฐ ในการสร้างสถานพยาบาลใหญ่โต เครื่องไม้เครื่องมือราคาแพง กลับไม่สามารถช่วยประชาชนที่เป็นเจ้าของภาษีอากรได้ เราตระหนักว่า แม้แต่การจะฝ่าข้ามสายน้ำเฉี่ยวกรากเพียง 50 เมตร เกือบเป็นไปไม่ได้ แต่วันนี้เมื่อเหตุการณ์ผ่านไป แม้ว่าเราหวังว่าในเหตุการณ์นั้นจะมีใครเป็นอัศวินม้าขาว มาจากจังหวัด มาจากกระทรวงสาธารณสุข หรือมาจากที่ใด ๆ แต่ด้วยเหตุผลเดียวกันคือในภาวะนั้นต่างก็ไม่มีใครสามารถเข้ามาได้ วันศุกร์ที่ 24 พฤศจิกายน 2543 เป็นวันแรก ที่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ คือท่านปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้เข้ามาและมอบหมายนโยบาย พร้อมสั่งการต่อการสนับสนุนในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามสิ่งที่เราตระหนักคือ ทำอย่างไร เราจะพึ่งตนเองและเป็นที่พึ่งพาอาศัยของกันและกันในหมู่ผู้ประสบภัยได้มากกว่านี้ เพราะเวลาเพียง 5นาที 1 ชั่วโมง 1 วัน ของผู้เจ็บป่วยของผู้ขาดแคลนอาหารหรือ เด็กซึ่งต้องอดนม และอยู่ในความหนาวเย็น อาจหมายถึงชีวิตของเขา
3. ไม่ใช่เพียงการป้องกัน
การป้องกันไม่ให้น้ำท่วม คงเป็นวิธีการที่ดีที่สุดของการป้องกันอุทกภัยแต่เมื่อธรรมชาติได้ถูกเปลี่ยนแปลงไปและธรรมชาติได้สอนเราแล้วว่าวันหนึ่งธรรมชาติก็จะชนะเรา ความพยายามที่จะอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างกลมกลืนซึ่งเป็นสิ่งที่เราอยู่ห่างเกินไป ทำให้ความพยายามที่หน่วยงานต่าง ๆ ที่ว่าจะป้องกันน้ำท่วมได้อาจยังเป็นความฝันสำหรับวันนี้
4. พึ่งตนเองและพึ่งพาอาศัยกัน
การเตรียมการเพื่อรับภัยพิบัติที่ยังคงจะเกิดขึ้นจึงเป็นสิ่งที่สำคัญในการที่จะป้องกันเราจากทุกข์ของภัยพิบัติ
อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค ยังคงเป็นปัจจัย 4 ที่เราจำต้องหวนกลับมาตระหนักถึงความถึงความจำเป็น รถยนต์ ไฟฟ้า โทรศัพท์มือถือ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ได้กลายเป็นความว่างเปล่าในภาวะที่เราจมอยู่กับอุทกภัย วิถีชีวิตที่ซื้ออาหารตามร้านอาหาร , รถเข็น, และร้านฟาสต์ฟุดไปวัน ๆ ทำให้หลายคนหลายครอบครัวไม่มีอาหารอยู่ในบ้านหรือไม่สามารถจะปรุงอาหารได้แม้ว่าพอจะมีอาหารแห้งอยู่บ้าง การหุงหาอาหารเอง การมีการเก็บตุนอาหารไว้บ้างได้ช่วยหลายคนหลายครอบครัวให้มีอาหารเล็ก ๆ น้อย ๆ ประทังชีวิตกว่าจะได้รับการช่วยเหลือ หลายคนหลายครอบครัวได้รับการช่วยเหลือจากบ้านใกล้เรือนเคียงที่พอจะมีอาหารแบ่งปันกัน บ้าน 2-3 ชั้นในย่านที่มีบ้านชั้นเดียวได้รับคนจากบ้านรอบ ๆ มาอยู่ด้วย หลายบ้านรับมาอยู่เกือบ 60 คน บ้านที่มั่นคงแข็งแรงในย่านน้ำเชี่ยวเก็บ (ช่วย) คนที่ไหลมาตามน้ำเพื่อพักอาศัยหลายสิบคน หลาย ๆ คนเมื่อสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไปได้พอพึ่งพิงอาศัยอาหารที่อยู่ เสื้อผ้า และยารักษาโรคจากบ้านใกล้เรือนเคียง หรือ บ้านที่ตนได้ไปพักพิง บทเรียนเหล่านี้ในฐานะของบุคลากรสาธารณสุขอันเป็นสิ่งที่จะต้องทำให้ประชาชนมีความสุขเราจะทำได้อย่างไร
4.1 อาหาร
โรงพยาบาลหาดใหญ่
โดยปกติโรงพยาบาลเตรียมทั้งอาหารสดและอาหารแห้งไว้เพื่อให้บริการแก่ผู้ป่วยใน ช่วงหน้าฝน ฝ่ายโภชนาการจะเตรียมข้าวสาร อาหารแห้ง และก๊าซหุงต้มไว้มากกว่าปกติ น้ำท่วมครั้งนี้โรงพยาบาลยังสามารถมีอาหารไว้เลี้ยงดูทั้งผู้ป่วย ญาติ และเจ้าหน้าที่ แต่ปริมาณที่ต้องใช้เลี้ยงดูมากขึ้นหลายเท่าจากเฉพาะผู้ป่วยใน 400-500 คน/วัน เป็น กว่า 1,000 คน/วัน เมื่อย่างเข้าวันที่ 3 อาหารเริ่มร่อยหรอ แต่โชคดีว่าหน่วยงานต่าง ๆ รวมทั้งเฮลิคอปเตอร์ สามารถเข้ามาลงบนลานจอดได้ ทำให้โรงพยาบาลได้รับสนับสนุนอาหารอย่างเพียงพอ และสามารถแจกจ่ายได้ น้ำดื่ม น้ำใช้ของโรงพยาบาลก็มีอยู่ตามที่เก็บน้ำหลายจุด รวมทั้งมีน้ำฝนที่ตกมาต่อเนื่อง แต่น้ำใช้ก็จำเป็นต้องใช้น้ำท่วมที่ขังอยู่สำหรับการชำระล้างบางอย่าง
การมีการตุนข้าวสารอาหารแห้ง และน้ำ การเตรียมการเรื่องการอุปกรณ์ประกอบอาหารเป็นสิ่งจำเป็น เมื่อน้ำท่วมตัวโรงพยาบาล ยุทธศาสตร์สำคัญอันหนึ่งในการปกป้องโรงพยาบาลคือการปกป้องโรงครัว แม้ว่าจะไม่มีแม่ครัวตัวจริงเพียงพอ เรายังพอจะระดมเจ้าหน้าที่ และญาติไปร่วมกันทำครัวได้ อาหารหลักที่เป็นที่รู้กันของโรงพยาบาลคือข้าวต้ม เพื่อจะให้เราสามารถยืดเวลาในการมีเสบียงอาหารนานพอก่อนที่จะมีใครเข้ามาช่วย
ชุมชน
ด้วยเหตุที่เราเริ่มมีครอบครัวเล็กที่ไม่ได้หุงหาอาหารเอง มีนักเรียน – นักศึกษา คนวัยแรงงานที่อาศัยในบ้านเช่า แฟลต อพาร์ตเม้นต์ ซึ่งไม่หุงหาอาหารเอง แต่ซื้อหาอาหารกินไปเป็นมื้อ ๆ ข้อเสนอก็คือ
1. ครอบครัว ควรจะมีการหุงหาอาหารเอง แม้ว่าจะเป็นอาหารง่าย ๆ เช่น หุงข้าว ต้มแกงและไข่เจียว นอกจากจะทำให้เราประหยัดมีอาหารที่ดีมีคุณค่าในชีวิตประจำวัน การดำรงชีวิตแบบครอบครัวจะสมบูรณ์ขึ้น การพึ่งพาแต่ร้าน 7 –11 และรถเข็นจะลดลง เราควรมีเสบียงอยู่บ้างเราอาจจะซื้อหาอาหารสำเร็จทานด้วย แต่ที่สำคัญเราจะพึ่งตนเองได้แม้แต่ยามปกติหรือยามวิกฤต
2.คนที่อยู่ตัวคนเดียว การปรุงอาหารอาจจะเป็นเรื่องดูเหมือนยุ่งยากแต่จริง ๆ แล้วไม่ การปรุงอาหารเป็นวิถีชีวิตที่สำคัญ เราอาจจะต้องเริ่มสอนวิชาการปรุงอาหารสำหรับคนตัวคนเดียวที่ง่ายและไม่ซับซ้อน ถ้าเคยดูหนังเกี่ยวกับการเดินป่าจะเห็นว่าแม้แต่เขาอยู่ในป่ามีหม้ออลูมิเนียมหนึ่งใบก็ยังสามารถหุงข้าว ต้มแกง ชงกาแฟได้ ความสุขจากการปรุงอาหารกินเองมีอยู่ตลอดมาและเมื่อน้ำท่วมอาหารแสน
อร่อยเกิดจากน้ำมือของเราเอง อย่างไรก็ตามคงเป็นเรื่องยุ่งยากลำบากของหลายคน การมีเสบียงที่เป็นอาหารสำเร็จพร้อมกินข้าวกระป๋อง อาหารกระป๋อง น้ำ นม ฯลฯ อยู่บ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ ในห้องและเราหมุนเวียนรับประทานแล้วหามาใหม่ นอกจากจะทำให้เราไม่ต้องพึ่งพาร้านค้าตลอดเวลา 24 ชั่วโมง เราก็จะสามารถบริหารตนเองทั้งในยามปกติและเมื่อมีเหตุจำเป็น
4.2 เครื่องนุ่งห่ม
เราต้องเก็บรักษาเสื้อผ้าไว้ไม่ให้เปียกน้ำหมด แม้ว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ต้องลงไปในน้ำหรือเปียกน้ำ แต่เสื้อผ้า 2 – 3 ชุด ผ้าขนหนูหรือผ้าห่มสักพืนจำเป็นที่จะต้องมีถุงพลาสติกที่กันน้ำเก็บรักษาไว้ ผู้เขียนจำเป็นต้องลุยน้ำและอยู่ในน้ำทุกวันติดต่อกัน 5 วัน แม้ว่าน้ำจะลดแล้ว ชุดที่ต้องใช้มี 2 ชุดหลักคือ ชุดเปียกและชุดแห้ง แม้ว่าจะต้องเปลี่ยนที่พัก ชุดแห้งประจำตัวก็ถูกใส่ถุงดำสำหรับใส่ขยะมัดปิดสนิทติดตัวไปด้วย ผู้ปกครองซึ่งมีลูกเล็ก ควรเก็บเสื้อผ้า ผ้าห่ม ผ้าเช็ดตัวให้เด็กไว้ในถุงพลาสติก เตรียมพร้อมไว้ในภาวะน้ำท่วม หากเมื่อเราต้องโยกย้ายหรือบ้านที่อยู่อาศัยถูกน้ำท่วมจะได้มีเสื้อผ้าแห้งให้เด็ก ๆ ได้เปลี่ยน หากจำเป็นต้องลงน้ำเราสามารถพลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเปียกมาใช้อีกได้
ชูชีพอาจจะไม่ใช่อุปกรณ์ปกติที่เป็นเครื่องนุ่งห่ม แต่กลุ่มงานเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลหาดใหญ่มีชูชีพ 6 ตัว เพื่อใช้เวลาไปออกหน่วยช่วยผู้ประสบอุทกภัย แต่ครั้งนี้เราไม่ได้ออกไปที่ไหนไกล ชุดชูชีพถูกใช้เพื่อข้ามจากประตูโรงพยาบาลไปขึงเชือกฟากตรงข้ามโรงพยาบาล เพื่อรับคนไข้เข้ามาในโรงพยาบาล ได้ให้แพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าที่ที่คอยช่วยคนไข้อยู่ในน้ำได้รู้สึกปลอดภัยขึ้น เราประเมินว่าเราคงต้องมีชูชีพมากกว่านี้ แต่สำหรับประชาชนทั่วไปการมีขวด แกลลอนที่ปิดสนิท การมีกล่องโฟม แท่งโฟม ห่วงยาง ก็สามารถดัดแปลงเพื่อการผูกติดตัวไปหากต้องลงไปในน้ำ
พวกเราที่อยู่ในสถานีอนามัย อยู่ในโรงพยาบาลชุมชนและหน่วยงานที่ต้องช่วยเหลือผู้อื่น ต้องเตรียมทั้งอุปกรณ์ช่วยชีวิต ชูชีพ เสื้อผ้าแห้งและถุงกันน้ำ เพื่อจะได้ใช้อย่างทันที ทั้งช่วยผู้อื่นและป้องกันตนเอง
4.3 ที่อยู่อาศัย
เมื่อครั้งที่สถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติสร้างขึ้น หลาย ๆ คนมองถึงความไม่เหมาะสมของแบบที่ผู้ป่วยจะต้องขึ้นไปบนชั้น 2 ของอาคารใต้ถุนโล่ง น้ำท่วมครั้งนี้ทำให้เราพบว่า บ้านใต้ถุนโล่งคือภูมิปัญญาของคนไทยในเขตมรสุมที่มีน้ำท่วมหรือน้ำหลาก บ้านใต้ถุนโล่งคือการอยู่ร่วมที่กลมกลืนกับธรรมชาติ เรามีบ้าน 2 ชั้น 3 ชั้น โดยในชั้นหนึ่งเต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้และในที่สุดธรรมชาติได้เลือกแบบบ้านที่เหมาะสมให้เราอีกครั้ง หลายคนอยากมีบ้านชั้นเดียว สร้างบ้านชั้นเดียวและวันหนึ่งเราได้อาศัยหลังคาของบ้านเป็นที่อยู่อาศัย
โรงพยาบาลหาดใหญ่มีตึกหลายชั้น มีลานเฮลิคอปเตอร์ซึ่งได้ช่วยเหลือทั้งการขนย้ายผู้ป่วยและส่งข้าวปลาอาหาร แต่โรงพยาบาลหาดใหญ่มีห้องใต้ดินไว้เป็นคลังยา มีลานจอดรถใต้ดินที่มีห้องควบคุมไฟฟ้าของอาคารใหม่ แล้วทั้งหมดจมลงใต้น้ำ
บ้านชั้นเดียวควรเป็นบ้านใต้ถุนสูง บ้าน 2 ชั้นไม่ควรมีเฟอร์นิเจอร์ที่มากเกินไปควรเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ทนน้ำและหรือโยกย้ายได้ง่าย
ควรมีอุปกรณ์พื้นฐาน เช่น เชือก ค้อน ตะปู ไม่ขีด ไฟฉาย เทียนไข ภาชนะใส่น้ำ ภาชนะหุงต้ม ฯลฯ ซึ่งในปัจจุบันหลายบ้านกลับไม่มีสิ่งเหล่านี้ให้พอหยิบใช้ได้ในยามวิกฤต
โรงพยาบาลหาดใหญ่และสถานพยาบาล ควรจะมี ชั้น 2 หรือกรณีสถานีอนามัยควรจะมีใต้ถุนสูง แต่หากจำเป็นที่อยู่ในเรือนชั้นเดียวควรมีตู้ลอยไว้เก็บของใช้ฉุกเฉิน ยาและวัสดุการแพทย์ฉุกเฉินและจำเป็นที่จะต้องเคลื่อนย้ายของใช้ฉุกเฉินไปยังที่ปลอดภัยก่อนที่น้ำจะท่วมถึง เพราะความเป็นบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขอาจจะไม่สามารถทำอะไรได้เลยหากเราเองก็เหลือแต่มือเปล่า
4.3 ยารักษาโรค
เมื่อเกิดอุทกภัย ปัญหาสำคัญในการแสวงหาบริการสุขภาพคือการไม่สามารถเข้าถึงบริการสุขภาพได้ แนวคิดเรื่องการมียาสามัญประจำบ้าน การมีศูนย์สาธารณสุขมูลฐานชุมชน การมีศูนย์บริการสาธารณสุขหรือสถานีอนามัยนับเป็นความเหมาะสมที่จะเอื้ออำนวยให้การเข้าถึงบริการสุขภาพหรือยารักษาโรคเป็นไปได้ง่ายที่สุด โรงพยาบาลนับเป็นสิ่งที่ห่างไกลเมื่อระยะทางเพียง 1 – 2 กิโลเมตร เราอาจจะต้องใช้เวลา 3 – 4 ชั่วโมงเพื่อไปให้ถึง สำหรับคนที่ไม่ได้เจ็บป่วย
ปล.เป็นความรู้จากเอกสารที่ผมได้รับมาจาก นพ.อมร รอดคล้าย ตามบันทึก ก็เพราะ GotoKnow.Org อีก(ครั้ง) ครับ
อ่านต่อ ตอนที่ 3 หลังอุทกภัยผ่านไป
ไม่มีความเห็น