กะว่ากลับจากการเข้าร่วมอบรม KM ที่โรงแรม BP อำเภอหาดใหญ่ จว.สงขลา เมื่อวันที่ 13 – 15 ก.ค. 2549 จะกลับมาบรรจุข้อความต่างๆลงบล็อกที่ได้รับจากการเข้าอบรม เป็นต้นว่าการได้รับความรู้เกี่ยวกับ การจัดการความรู้ในรูปแบบต่างๆ การต้อนรับจากคณะ...(ผู้จัดการอบรม) การพักในห้องที่แสนสะดวกสบาย และขอลงเรื่องการรับประทานอาหารว่าง(ระหว่างเบรค) การรับประทานอาหารที่ทางโรงแรมจัดให้ในแต่ละมื้อก่อนเป็นเรื่องแรก ทั้งหลายทั้งมวลนั้นล้วนเป็นอาหารที่เลิศรสถูกปาก ถูกใจทุกคนที่เข้าร่วมอบรม แต่ผู้เข้าอบรมที่เป็นมุสลิมจาก เขตพื้นที่ต่างๆประมาณ 10 คน(ไม่มั่นใจ) ทางโรงแรมได้จัดโต๊ะพิเศษให้เหล่ามุสลิมเหล่านั้นได้นั้งทานกัน บังเอิญ 1 ใน 10 คน ได้ลองเรียกเด็กเสริฟอาหารของโรงแรมมาไต่ถามถึงวิธีการปรุงอาหารสำหรับมุสลิมว่าเขาทำกันอย่างไร ได้รับคำตอบว่า ทั้งอาหารไทยพุทธ-ไทยมุสลิมเป็นอาหารประเภทเดียวกันทั้งหมด เพียงแต่แยกภาชนะ(จาน)ใส่เท่านั้น เรียกว่าอาหารสากลกันละ ขอเรียนชี้แจงแด่คณะผู้จัดการอบรม หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดการอบรมทุกท่านว่า กรุณาเรียนรู้วิธีการจัดอาหารให้แก่ผู้ที่เป็นมุสลิมด้วยว่า ควรจัดอาหารและปรุงกันอย่างไรจะดีที่สุด เพราะอิสลามนั้นมีจุดเน้นในการรับประทานอาหาร ไม่ใช่อยู่ที่ อาหารสากล ที่ถือกันว่าทุกคนกินได้ เพราะไม่มีหมู นี้คือความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนอย่างมาก ขอเรียนชี้แจงเพื่อความเข้าใจให้ตรงกันว่า สิ่งที่จะนำมาปรุง และเครื่องปรุงแม้จะเป็นส่วนผสมนิดหน่อย ถ้าเป็นสิ่งต้องห้าม อาหารนั้นก็เป็นที่ต้องห้ามรับประทานเช่นกัน เช่นน้ำต้มกระดูกหมูที่ใส่ในแปะซะ ไก่อบภูเขาไฟ ผสมเหล้า ปีกไก่เหล้าแดง ดังนี้เป็นต้น การล้าง สิ่งที่จะนำมาปรุง จะต้องล้างให้ถูกหลักศาสนา ถ้าเป็นเนื้อสัตว์จะต้องล้างเลือดที่อยู่ในเนื้อให้หมด และล้างครั้งสุดท้ายด้วยการราดน้ำลงบนเนื้อสัตว์ซึ่งรองด้วยภาชนะที่น้ำสามารถไหลออกได้ เรื่องภาชนะที่ได้เกริ่นไว้ในตอนแรก หมายถึงภาชนะทุกอย่างที่ใช้ปรุงและใส่อาหาร จะต้องเป็นภาชนะที่สะอาดถูกหลักศาสนา คือไม่ใช้ภาชนะร่วมกับภาชนะที่ประกอบอาหารที่ต้องห้ามเช่น เขียง มีด หม้อ กะทะ จานที่ใช้ทำหมู แม้จะล้างสะอาดแล้วก็ตาม ฉนั้นคำกล่าวที่ว่า “อาหารสากลไม่มีหมู มุสลิมรับประทานได้”คงใช้เป็นข้อสรุปไม่ได้สำหรับมุสลิม เพราะแม้แต่เนื้อไก่ วัว เป็ด ฯลฯ ถ้าไม่ได้ฆ่าหรือเชือดโดยผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮฺ(มุสลิม)ถือว่าเป็นสิ่งต้องห้ามทั้งสิ้น ถ้าหากศาสนิกอื่นประสงค์จะจัดเลี้ยงเพื่อนมุสลิมหรือจัดการอบรมที่มีคนมุสลิมร่วมด้วยก็ควรให้มุสลิมเท่านั้นดำเนินการหรือร่วมดำเนินการในการปรุง ไม่ใช่สักแต่ว่า อาหารสากล อาหารสากล ไม่มีหมู มุสลิมกินได้ อย่างเดียว (ไม่ได้หมายถึงมุสลิมที่เรียกตัวเองว่ามุสลิมสากล แต่กินอาหารที่ไม่ได้ปรุงโดยมุสลิมได้ นั้นคือ ไม่ใช่มุสลิมแท้) ผู้จัดการอบรม สัมนา หรืออื่นใดที่จะให้มีการกินการนอนอย่างนี้ต้องเรียนรู้หลักการจากผู้รู้ด้วยจะเป็นการดีที่สุด เพราะกองทัพจะเคลื่อนทัพได้ด้วยท้อง (เนาะรอยะบูวี) ขอถือโอกาสนี้ขอบคุณในความรู้ต่างๆที่ได้รับ และจะจัดการขยายผลต่อไป