เมื่อประมาณปลายปี ๒๕๓๖ แม่เปรยให้ฟังว่าคนที่กรีดยางพารา ไม่ยอมทำนา (วัฒนธรรมคนที่นี่หากต้องการกรีดยางแบ่งกันระหว่างเจ้าของสวนกับคนกรีด มีข้อแม้ต้องทำนาแบ่งกันด้วย สัดส่วนแบ่งยาง เจ้าของสวนยางได้ ๖๐ คนกรีดได้ ๔๐ สัดส่วนแบ่งข้าว เจ้าของสวนยางและนาได้ ๕๐ คนกรีดยางและต้องทำนาด้วยได้ ๕๐ เจ้าของนาไถให้คนกรีดยางต้องดำนาและเก็บเกี่ยวให้) ทั้งที่จะซื้อรถไถนาให้เขาด้วย เลยบอกแม่ไปว่าหากจะซื้อรถไถนาให้คนกรีดยาง ซื้อให้ลูกดีกว่า แล้วจะไถนาให้เอง ปรากฎว่าแม่ซื้อรถไถนาแบบเดินตามรวมอุปกรณ์ให้ในราคา ๔๐,๐๐๐ บาท และเริ่มฝึกหัดไถนาตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา โดยมีแม่เป็นคนดำนาและเก็บเกี่ยวข้าว ปีแรกลุยนาร้าง เริ่มจากนาที่มีอยู่และไม่ได้ทำมาหลายปี เห็นว่าน้อยไป เลยไปหาซื้อนามาอีก ๒ แปลง ๔ ไร่เศษ ไปรับจำนองใช้สิทธิทำนามาอีก ๔ ไร่เศษ ไถคนเดียว ใช้เวลาว่างในวันหยุดราชการ ปีนั้นทำนาดำกว่า ๑๕ ไร่ ตั้งแต่ปี ๒๕๓๖ จนถึงปี ๒๕๔๘ ร่วม ๑๒ ปี เริ่มใหม่ๆ ก็ไม่ชำนาญ อาศัยประสบการณ์ตอนอายุ ๗-๘ ขวบ เคยจูงควายไปส่งพ่อก่อนไปโรงเรียนเพราะพ่อต้องแบกไถ เสาร์อาทิตย์บางทีพ่อก็ให้จับหางไถผลัดมือบ้าง แต่ก็ไถไม่ชำนาญ พ่อก็ไม่ปล่อยให้ทำอย่างจริงจังด้วยพ่อคงเห็นว่ายังเล็กเกินไป จนกระทั่งไปเรียนหนังสือต่างจังหวัดก็ไม่ได้กลับมาช่วยพ่อไถนาอีกเลย แต่สังเกตเห็นว่าขี้ไถที่ไถด้วยควายก้อนขี้ไถเล็กนิดเดียว พอมาไถด้วยควายเหล็กก้อนขี้ไถโตขึ้นไถได้เร็วขึ้น แต่พอดำนาข้าวกลับไม่ดีเท่าไถด้วยควาย จึงได้รู้ว่าการไถลึกไม่มีประโยชน์อันใด โคลนเยอะดำนายาก ขณะเดียวกันดินที่มีปุ๋ยถูกกลบลงลึก ดินที่ไม่มีปุ๋ยถูกพลิกขึ้นมาไว้ข้างบน เท่าที่สังเกตพบว่า รากของต้นข้าวลงลึกไม่เกินครึ่งฝ่ามือหรือประมาณ ๓ นิ้วฟุต แสดงว่าการไถลึกเกินไปไม่มีประโยชน์อันใด แต่การไถด้วยควายเหล็กนั้นการไถให้ลึกไถง่ายกว่าการไถตื้น การไถตื้นจานไถดีดและเกินอาการ “แวง” คือพลิกดินไม่หมด ต้นหญ้าไม่ตาย เสียเวลาวนซ้ำ
บันทึก ๑๐ ตุลาคม ๒๕๔๙
จากประสบการณ์ไถนาด้วยควายเหล็ก ๑๐ กว่าปี เมื่ออายุมากขึ้น ข้อเข่าสึก เกิดอาการบาดเจ็บเดินไม่ไหว จำเป็นต้องหาเครื่องทุ่นแรงที่สะดวกสบายกว่ามาใช้ ลงทุนไปดาวน์รถแทรคเตอร์ขนาด ๓๔ แรงม้า ขับเคลื่อน ๔ ล้อ มาใช้ อุปกรณ์หลัก มีจานไถ ๖ จาน จอบหมุนขนาดกว้าง ๑.๖๐ เมตร พร้อมกับใบมีดดันดินหน้า เริ่มฝึกหัดขับไถนามาตั้งแต่ มีนาคม ๒๕๔๙ หรือประมาณ ๘ เดือน สามารถทำงานได้รวดเร็วกว่า ๓๐ เท่า สามารถช่วยเหลือเพื่อนๆ ชาวนาที่จะทำนาได้หลายราย มีโอกาสจะมาบันทึกต่อ
บันทึก ๑๗ พ.ค ๕๐ <p> หลังจากได้แทรคเตอร์ดังกล่าวมาก็ลงมือทำนา เฉพาะที่ดินของตนเองที่พ่อแม่แบ่งให้ประมาณ ๑๐ไร่ ทำนาดำครับ แม่เป็นคนดำและเก็บให้ ๖ ไร่ เป็นไปตามเจตนารมณ์ของแม่ที่ไม่อยากให้นาร้าง และต้องการให้ไถให้ดังที่เคยปรารภไว้ตอนที่ซื้อรถไถเดินตามเมื่อสิบกว่าปีก่ อน อีก ๔ ไร่ ให้คนที่กรีดยางทำแบ่งกัน เจ้าของนา+สวน เป็นผู้ไถ เขาดำนาและเก็บข้าวให้ เมื่อแบ่งกันแล้วต่างคนต่างขนกลับเอง แต่ผมแถมขนให้ด้วยโดยใช้แทรคเตอร์ เร็วกว่าครับ</p>
เมื่อเห็นว่ามีเครื่องมือพร้อม เลยไปหาที่นาร้างไ ด้มาอีก ๒ แปลง แปลงแรก ๔ ไร่เศษ ทำนาดำ โดยจ้างชาวบ้านละแวกบ้าน ถอนกล้าและดำนาเฉลี่ยต้นทุนค่าดำนาไร่ละ ๗๐๐ บาท(กำละ ๑๕ บาท ไร่หนึ่งประมาณ ๔๕-๕๐ กำ) จ้างเก็บอีกเลียงละ ๗ บาท เป็นเงิน ๓๔๐๐ บาทเศษ ได้ข้าวมา ประมาณ ๕๐๐ เลียง หากนวดเป็นข้าวเปลือกได้ประมาณ ๗๑ ถัง แปลงที่สอง ๗ ไร่เศษ ทำนาหว่านน้ำตม ใช้ข้าวพันธ์ชัยนาท๑ ระยะเก็บเกี่ยว ๑๑๕ วัน ตอนแรกใช้เคียวเก็บเอง เก็บอยู่ ประมาณ ๒๐ วัน(เฉพาะวันหยุดราชการ) ได้ไม่ถึงครึ่งไร่ คำนวณดูแล้วข้าวเสียหายหมดแน่ เลยตัดสินใจจ้างรถเกี่ยวข้าว เวียนง้ออยู่หลายครั้ง ในที่สุดต้องจ่ายค่าเดินทางให้ ๑๐๐๐ บาท และค่าจ้างเก็บข้าวอีก ๓๘๐๐ บาท เสร็จภายในชั่วโมงเศษ แรงงาน ฤาจะสู้เครื่องจักร ได้ข้าวเปลือกมาประมาณ ๑๕๐ ถัง
แผนงานปี ๒๕๕๐ น าส่วนหนึ่ง ๔ ไร่ แม่บอกว่าดำเองไม่ไหวแล้ว อีกอย่าง แปลงติดกันเขาปลูกยางไปแล้ว น้ำจากคลองก็เอาขึ้นยาก เพราะชลประทานขุดให้ลึกเสียนี่ เลยไถแปลงเป็นสวนยาง กะว่าจะปลูกยางพารา นับถึงวันบันทึกนี้ไถเสร็จแล้ว หาที่นาทำใหม่ครับ มีนาร้างเยอะ ไปติดต่อเช่าที่นาร้างได้มาอีก ๒ แปลง แปลงแรก ๑๐ ไร่ เศษ ในราคาไร่ละ ๕๐ บาทในปี แรก, ๑๐๐ บาทต่อไร่ ในปีที่สอง, ๑๕๐ บาทต่อไร่ ในปีที่สาม แปลงที่สอง ๕ ไร่เศษ ราคาค่าเช่าเท่ากับแปลงแรก รวมกับนาที่ทำอยู่ก่อนหน้าที่ทำนาหว่านในปีก่อน ๗ ไร่ และนาตนเองที่เหลืออีก ๖ ไร่ ปีนี้กะจะทำนา ๒๘ ไร่ นาดำ ๖ ไร่ นาหว่าน ๒๒ ไร่
บันทึก ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๐
จากประสบการณ์การขับรถแทรคเตอร์ไถนามาปีเศษ พบว่าอุปสรรคที่สำคัญของการไถนาก็คือการขับให้รถแทรคเตอร์ติด ไม่ว่าจะเป็น ๑) การติดหล่มจมโคลน ๒) ติดแขวนคันนา ๓) รถแทรคเตอร์พลิกคว่ำ ๔) รถแทรคเตอร์ติดมุมนา ถ้าสนใจเรื่องเหล่าน้ คลิกอ่านได้ที่นี่
</span></span>
เป็น Tacit K. ที่สดๆจากนาเลยนะครับ
ให้กำลังใจครับ
ที่บ้านผม สมัยก่อนมีควายไถนา ผมนอนเถียงนากับพ่อ ได้ยินเสียง คนไล่ควายเวลาไถนา บรรยากาศแบบนั้นตอนนนี้ไม่มีแล้ว...กลายเป็นควายเหล็กแทน
แต่ก็เถอะครับ...วิถีโลกาภิวัฒน์ที่เปลี่ยน เราคงต้องปรับกันไป แต่ความสุขที่เราได้ปลูก ได้ดำ ได้เก็บเกี่ยวผลผลิตที่เราลงแรงไป
ถ่ายทอดให้คนอื่นฟัง คงไม่เท่าที่ได้ลงแรง
ขอบคุณครับผม