ช่วงที่ผมเป็นคณบดีคณะแพทย์ ผมบ่นกับเลขานุการคณะ คือคุณสุนทร นาคประดิษฐ์ บ่อยๆ ว่าห้องน้ำไม่สะอาด เขาก็แก้โดยเปลี่ยนพนักงานทำความสะอาดห้องคณบดีซึ่งมีห้องน้ำในตัว ผลก็คือดีขึ้นนิดหน่อย แต่ก็ยังไม่สะอาดแบบห้องน้ำตามโรงแรม ผมบ่นอยู่เรื่อยจนวันหนึ่งคุณสุนทรก็โพล่งออกมาว่า "อาจารย์ครับ คนงานเขาไม่รู้ว่าห้องน้ำสะอาดเป็นอย่างไร"
ประโยคนี้ของคุณสุนทร ทำให้ผม "ปิ๊งแว้บ" ทันที
ผมบอกคุณสุนทรทันที ว่า "ถ้าอย่างนั้นเราไปเชิญหัวหน้าแม่บ้านของโรงแรมมาฝึกคนของเรา และพาคนของเราไปดูที่โรงแรมด้วยว่าห้องน้ำสะอาดเป็นอย่างไร"
ที่จริงตอนคุณสุนทรตอบผมนั้น น่าจะถือเป็น "ปิ๊งแว้บ" ได้เหมือนกัน
ปิ๊งสองแว้บ เกิดผลชนิดเปลี่ยนโลกเชียวนะครับ คือโลกในห้องน้ำ ตั้งแต่นั้นมาห้องน้ำของคณะแพทย์ก็สะอาดเอี่ยม มาตรฐานโรงแรม และไม่มีการเอาผ้าม็อบ สก็อตไบรท์ วิม มาวางไว้ในห้องน้ำ เพราะพนักงานทำความสะอาดเข้าใจแล้วว่าห้องน้ำสะอาดหมายความว่าอย่างไร สิ่งที่มีไว้ในห้องน้ำต้องมีไว้บริการผู้ใช้เท่านั้น ไม่ใช่ที่เก็บของของพนักงานทำความสะอาด
เวลานี้ผมไปเข้าห้องน้ำที่ไหน ผมทำหน้าที่ inspector โดยอัตโนมัติ ถ้าห้องน้ำของหน่วยงานไหนมีผ้าม็อบมาวางอยู่ มีสก็อตไบรท์และถาดใส่ผงขัดวิมวางอยู่เกลื่อนกลาด ผมก็จะบอกตัวเองว่าหัวหน้าพนักงานทำความสะอาดไม่เก่ง ร้ายกว่านั้นก็คือผมพาลจะไม่นับถือหัวหน้าใหญ่ของหน่วยงานด้วย ที่ไม่รู้จักจัดการเรื่องเล็กๆ ที่เป็นหน้าตาขององค์กร ห้องน้ำเป็นหน้าตาขององค์กรนะครับ
ห้องน้ำสะอาดในความคิดของเราคือห้องน้ำที่แห้งด้วยนะครับ เรื่องนี้พนักงานทำความสะอาดที่เป็นชาวบ้านจะไม่มีวันเข้าใจ เพราะห้องน้ำสะอาดที่บ้านเขาคือห้องน้ำที่ใช้น้ำล้างและขัดพื้นแล้ว แต่พอไปดูตัวอย่างที่โรงแรมและได้รับคำอธิบายจากแม่บ้านโรงแรมเขาก็แสดงฝีมือจนได้รับรางวัล
เรื่องนี้ เป็น win - win - win - win ครับ คือ win ที่ ๑ พนักงานของเราเกิดความรู้ความเข้าใจและภูมิใจผลงานในระดับคุณภาพใหม่ win ที่ ๒ คณะได้ชื่อเสียง win ที่ ๓ ผู้ใช้บริการโรงพยาบาลได้รับบริการห้องน้ำสะอาด และ win ที่ ๔ เราได้มิตรภาพจากหัวหน้าแม่บ้านของโรงแรมครับ ที่จริงเขามาช่วยฝึกคนของเรา มาเป็นครูทำประโยชน์ให้เรา แต่เขารู้สึกเป็นเกียรติ ที่ได้รับการยอมรับให้มาเป็นวิทยากรในมหาวิทยาลัย และเป็นที่คณะแพทย์ด้วย เขายิ่งภูมิใจ
เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ผมได้ความรู้ ความเข้าใจหลายด้าน โดยเฉพาะ "ทุนทางสังคม" ของความเป็นมหาวิทยาลัย ความเป็นคณะแพทย์ เราเอาไปสร้างความสัมพันธ์สร้างมิตรภาพกับสังคมภายนอกได้ อย่างที่ผมไม่เคยคิดมาก่อน ผมเอาความรู้ความเข้าใจนี้ไปใช้ต่อในอีกหลายโอกาสและใช้กับพวกผู้นำในหาดใหญ่ - สงขลา ด้วย
วิจารณ์ พานิช
๙ กค. ๔๙
"อาจารย์ครับ คนงานเขาไม่รู้ว่าห้องน้ำสะอาดเป็นอย่างไร" ตรงประโยคนี้ และผู้บริหารคนนั้นไม่ได้เป็นอาจารย์ ผมมองว่ากลายไปเป็นเรื่องร้าย ๆ ก็ได้เช่นกันนะครับ หากเกิดการสวนกลับเชิงลบ
ผมคิดเชิงลบไปนิดนึง แต่เพียงอยากสะท้อนว่าหากการคิดและสวนกลับเชิงบวก (ของคนที่เกี่ยวข้องกัน) เพื่อพัฒนา เป็นคุณค่ามากครับ
เห็นด้วยกับอาจารย์ค่ะ ว่าควรจะให้ความสำคัญความสะอาดของห้องน้ำ เพราะนอกจากเพื่อความสุขของผู้ใช้บริการแล้ว ห้องนำยังเป็นตัวบ่งบอกถึงตัวตนของเจ้าของบ้าน เจ้าของสถานที่ หรือสมาชิกที่อยู่อาศัยภายในบ้าน /ภายในองค์กรนั้นๆ ด้วย