คำพูดน่าคิดจากเด็กอายุ 9 ขวบ ผู้ซึ่งรู้จักการบวชจากหนังสือเรียนสังคมศึกษา


น้องฟุงจะบวชให้พ่อกับแม่...พ่อกับแม่จะได้ได้บุญ

เมื่อวานนี้ ทั้งสามหนุ่มมีการบ้านและแต่ละคนก็ไม่มีใครเปิดทีวี หรือวิทยุเลย จึงไม่มีเสียงอะไรแปลกปลอมเหมือนทุกๆวัน น้องฟุงเสร็จก่อนจึงได้ทำธุระก่อน ในขณะที่อาบน้ำอยู่ น้องฟุง ฮัมสวดมนต์ "อิติปิโส ภควา อะระหัง สัมมา...." (ไม่จบหรอกค่ะ วนไปวนมาอยู่แถวๆท่อนแรกนี่แหละ เพราะเป็นบทที่พี่วั้น ท่องอยู่บ่อยๆเดือนนี้ จากบทเรียน) แล้วก็ต่อด้วยท่องทำนองเสนาะ "พื้นผนังหลังบัวที่ฐานปัทม์ เป็นครุฑอัด...." (พี่วั้นท่องอีกเหมือนกัน) พวกเราได้ยินก็หัวเราะกัน น้องฟุงบอกว่า "มันติดอยู่ในหัวฟุงน่ะ แม่"

พอออกมาเราก็คุยกัน อยู่ๆน้องฟุงก็บอกว่า "ฟุงจะบวชให้แม่นะ" เล่นเอาคุณแม่งง "ถามว่าทำไมฟุงคิดอย่างนั้นล่ะลูก" น้องฟุงบอกว่า "ฟุงอ่านมาจากหนังสือสังคม" แล้วก็รีบบอกต่อว่า "คุณครูยังไม่ได้สอนหรอก แต่ฟุงอ่านเอาเอง เขาบอกว่าลูกบวชให้พ่อแม่ พ่อแม่จะได้บุญ" คุณแม่คิดในใจว่า "ลูกรู้ไหมลูกว่า บุญคืออะไร" แต่ก็ไม่ได้ขัดอะไร บอกน้องฟุงว่า ลูกเป็นคนดี ทำดี พ่อแม่ก็ได้บุญไปด้วยแล้ว แต่ถ้าลูกอยากบวช ก็ได้ดีกับตัวเองด้วย (สงสัยอยู่เหมือนกันว่า ลูกรู้หรือเปล่าว่าบวชแล้ว ทำอะไรบ้าง) แต่ก็ต้องอายุ 20 ปีถึงจะบวชเป็นพระได้ ฟุงบอกว่า "แต่สมัยพระพุทธเจ้า ต้องอายุ 21 ก่อนใช่ไหมแม่" "แล้วถ้าเป็นเณร เวลาพูดด้วยเราต้องยกมือไหว้ไว้หรือเปล่า"...........แล้วก็อะไรต่ออะไรอีกยืดยาวเกี่ยวกับเรื่องนี้

 เราคุยกันอีกสักพัก ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องไป

คุณแม่ยังติดใจไม่หายกับคำพูดของน้องฟุง เพราะบ้านเราไม่ได้สอนอะไรเกี่ยวกับศาสนาเป็นเรื่องเป็นราว ไม่เคยสอนให้ลูกสวดมนต์ เราเองก็นับถือพุทธที่คำสอน การปฏิบัติตามหลักพุทธศาสนา ไม่ได้ยึดติดหรือศึกษาบทสวดมนต์ใดๆ กลับมาเมืองไทยก็ไปวัดเพียงหนเดียว ด้วยความอนุเคราะห์ของพี่ดาและคุณพี่กล้วยไม้ สองผู้ใจดี น้องฟุงจึงได้เห็นว่าเวลาพูดกับพระ เราจะพนมมือไหว้ แต่น้องฟุงก็ยังติดใจจำมาได้แม้จะผ่านมาแล้วหลายเดือน เมื่อสักเดือน 2 เดือนที่ผ่านมา น้องฟุงก็เริ่มมาบอกว่า ฟุงจะสวดมนต์ก่อนนอน แล้วเขาก็ท่อง นะโม ตัสสะ โดยอ่านและจำเอาจากหนังสือสวดมนต์เล่มเล็กๆที่เรามีในตู้หนังสือ คุณแม่นึกได้ว่าสมัยเด็กๆอยู่กับคุณย่า ได้ท่อง "อะระหังสัมมา..."เป็นบทสวดมนต์ก่อนนอน ก็เลยบอกน้องฟุงว่า มีบทนี้ด้วย น้องฟุงจึงเอามาสวดบ้าง ได้ท่อนแรกกับท่อนสุดท้าย ท่อนกลางต้องเรียกแม่ไปคอยฟังและช่วยต่อให้อยู่แป๊บเดียว ตอนนี้ท่องได้หมดแล้ว คุณแม่กำลังคิดว่า ต่อไปจะบอกให้เขาอ่านคำแปลด้วย (ป่านนี้อาจจะอ่านเองแล้วหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ยังไม่เห็นพูดถึงค่ะ)

อยากจะบอกว่า สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและความใฝ่รู้ของเด็ก และแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน น่าแปลกที่เขาเติบโตใช้ชีวิตถึง 6 ปีในต่างแดน ตอนไปอายุ 2 ขวบยังพูดไทยไม่ได้สักคำ แต่เขารักความเป็นไทย และตอนนี้กลับมาไม่ถึงปี เขารับรู้ ทั้งภาษาไทยและศาสนาพุทธในแบบที่เราเองยังทำได้ไม่เท่า ด้วยตัวเอง เห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากจะค่อยๆวิเคราะห์ลักษณะการเรียนรู้ของเขาค่ะ ได้เรียนรู้อะไรทุกๆวันจากเด็ก 9 ขวบคนนี้

 

หมายเลขบันทึก: 42235เขียนเมื่อ 3 สิงหาคม 2006 07:34 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 มิถุนายน 2012 11:19 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)
จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร
น้องฟุง น่ารักมากครับ อยากเจอตัวจริงเสียงจริง...เวลาพูดหรือคุยอะไร มันบริสุทธิ์ดีนะครับ ไม่มีอะไรเคลือบแฝง คิดยังไงก็พูด///พ่อแม่ สำคัญที่สุด เพราะเป็นครูคนแรกของลูก ดังนั้น กระบวนการเรียนรู้กับการแสดงออกของเด็ก วิธีคิดของเด็ก ส่วนหนึ่ง(มาก) มาจาก คุณครูคนแรกนั่นเอง... สวัสดีครับ น้องฟุง//// จาก...น้าเอก ครับ

สวัสดีค่ะ

อ่านแล้ว นึกถึงลูกชาย เขาเข้าวัดตอน8ขวบค่ะ ดิฉันพาเข้าไปเอง และแนบแน่นกับวัดอยู่จนวัยรุ่น มีธรรมะประจำใจจนบัดนี้ เรียกว่า เป็นคนดีค่ะ ดีใจด้วยที่น้องฟุง คิดและพูดกับคุณแม่อย่างนี้ เขาเป็นเด็กน่ารักและจิตใจดีบากค่ะ

อ้อ ลืมค่ะ อ่านหรือยังคะ เขียนบันทึกไว้ค่ะ

http://gotoknow.org/blog/goodliving/89358

ดีใจที่เข้าไปอ่านค่ะ ตอนนี้ เป็นคุณย่าค่ะ ลูกบอกว่า เป็นคุณย่า ดอท คอม

มีหลานคนเดียว กำลังตั้งไข่ 10เดือน น่ารักค่ะ ตั้งใจจะเลี้ยงให้ดีที่สุด ให้อยู่กับธรรมชาติ ให้เรียนรู้ตามวัย ให้ช่วยตัวเองได้ ให้รู้จักคิดเอง ให้.......เยอะแยะเลย

คงต้องเข้ามาปรึกษาบ้างแล้วค่ะ

เลี้ยงเก่งจริงๆ ตั้ง 3หนุ่ม โอ๊ย! คิดก้เหนื่อยแล้วค่ะ

เห่อหลานค่ะ

http://gotoknow.org/blog/goodliving/90604

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท