ละครคุณธรรม เรื่อง "เรื่องมีอยู่ว่า..."


ละครคุณธรรม เรื่อง "เรื่องมีอยู่ว่า..." สื่อเชื่อมต่อคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๘ ประการ

 

           หนึ่งในส่วนประกอบของการเรียนการสอนคุณธรรมจริยธรรมนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษานี้ เกิดขึ้นจากการระดมความคิดแบบเร่งด่วนของนักเรียนและครูผู้สอน อาจจะมีความบกพร่องบ้าง แต่คงจะมีสักนิดของแนวคิดที่เป็นประโยชน์ต่อท่านผู้บังเอิญได้มาอ่านพบ

(ร่าง)

บทละคร เรื่องมีอยู่ว่า.........

ผู้เขียนเรื่อง : ไชยญาณ บุญยศ

เริ่มต้น

            ผู้แทนนักแสดง (ชัชฎาภา/พีน) ยกมือไหว้กล่าวทักทายคณะกรรมการและผู้ชม

พีน : เรียนท่านคณะกรรมการ ท่านผู้ชมทุกท่าน และสวัสดีเพื่อนๆ ทุกคน พวกเรานักเรียนโรงเรียนวัดหงส์ปทุมาวาส ได้รับการคัดเลือกจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต ๑ ให้เป็นผู้แทนนำเสนอละครคุณธรรมเรื่อง เรื่องมีอยู่ว่า...

เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป  ขอเชิญท่านรับชมได้แล้วค่ะ

ฉากที่หนึ่ง

พ่อแม่ออกจากม่านแล้วนั่งอยู่หน้าเวทีเตรียมจะออกจากบ้านไปทำงาน 

พ่อให้แม่ไปเรียกลูก  แม่เรียกหาลูกบอกให้เตรียมตัวไปโรงเรียน 

ลูกขานรับแล้วออกจากม่านมาที่พ่อและแม่ โดยหิ้วถุงยังชีพพระราชทานออกมาด้วย

พ่อ : ลูกเตรียมตัวไปโรงเรียนได้แล้วนะ เดี๋ยวจะสายนะลูก

แม่ : อ้าว! แล้วหิ้วอะไรมาด้วยล่ะลูก

ลูก : ก็ถุงยังชีพพระราชทานที่พ่อได้มาตอนน้ำท่วมอย่างไรล่ะจ๊ะ

พ่อ : อ้อ! ใช่แล้ว  ในหลวงท่านพระราชทานมาเพื่อช่วยเหลือประชาชน

ลูก : ในหลวงท่านทรงมีพระมหากรุณาธิคุณกับพวกเรามากเลยนะจ๊ะ

แม่ : ท่านทรงรักและห่วงใยประชาชน พวกเราต้องรักและเทิดทูนในหลวงให้มากๆ

พ่อ : ใช่แล้ว เราเป็นคนไทยต้องรู้จักรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ จำไว้ให้ขึ้นใจนะลูก

ลูก : จ้ะพ่อ

แม่ : แล้วตอนนี้ลูกเป็นนักเรียน ลูกก็ต้องมีหน้าที่เรียนหนังสือให้ดี

        ใฝ่รู้ใฝ่เรียนสม่ำเสมอ  อย่าเกียจคร้านการเรียน  โตขึ้นจะได้ไม่ลำบาก

พ่อ : เกิดมาเป็นคน

แม่ : หนังสือเป็นต้น

พ่อ : วิชาหนาเจ้า

แม่ : ถ้าแม้นไม่รู้

พ่อ : อดสูอายเขา

แม่ : เพื่อนฝูงเยาะเย้า

พ่อ : ว่าเง่าว่าโง่

แม่ : ลางคนเกิดมา

พ่อ : ไม่รู้วิชา

แม่ : เคอะอยู่จนโต

พ่อ : ไปเป็นข้าเขา

แม่ : เพราะเง่าเพราะโง่

พ่อ : บ้างเป็นคนโซ

แม่ : เที่ยวขอก็มี

พ่อ : ถ้ารู้วิชา

แม่ : ประเสริฐนักหนา

พ่อ : ชูหน้าราศี

แม่ : จะไปแห่งใด

พ่อ : มีคนปรานี

แม่ : ยากไร้ไม่มี

พ่อ แม่ : สวัสดีมงคล

พ่อ : จำไว้นะลูกนะ

ลูก : พ่อแม่ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ คุณครูท่านสอนหนูอยู่เสมอให้รู้จักใฝ่รู้ใฝ่เรียน

แม่ : คุณครูสอนว่าอย่างไรล่ะลูก ไหนลองเล่าให้พ่อแม่ฟังซิ

ลูก : เรื่องมีอยู่ว่า......

(เปิดเพลง)

เพลง หนังสือเพื่อนเรา

คำร้อง ไชยญาณ  บุญยศ                      ทำนอง เพลงน้ำค้างเดือนหก : สุรพล  สมบัติเจริญ

         หนังสือเป็นสื่อความรู้               

เมื่อเราได้ดูจะได้รู้กระบวนวิชา                                             

มีสารพัดที่เรานั้นปรารถนา                    

เมื่อเราพากเพียรพกพาเป็นสุขอุราสำราญ 

         หนังสือเป็นเพื่อนอย่างดี                     

พกไปทุกที่เปรียบดังมีเพื่อนคุยทุกวัน                         

โลกความรู้เฟื่องฟูขึ้นอย่างสร้างสรรค์ 

ทุกคนทำได้เหมือนกันหยิบอ่านง่ายดายเสียจริง

         อ่านประจำได้ความรู้              

อย่าคิดมัวเฉยนิ่งอยู่ใฝ่รู้เถิดชายหญิง                      

อ่านเรื่อยไปอย่าได้ละทิ้ง                         

เรียนรู้ได้เองอ้างอิงทุกสิ่งสมปอง

         หนังสือช่วยสร้างปัญญา                       

ทุกคนรู้ค่าปรารถนามีไว้ครอง                                 

อยู่วัยใดผู้ดีหรือไพร่ไม่หมอง                     

ขอเพียงอ่านคิดไตร่ตรองรับรองอนาคตไกล

           นักแสดงท่าทางประกอบเพลง “หนังสือเพื่อนเรา” ออกจากม่านเพื่อแสดง เมื่อแสดงจบก็เดินแถวเข้าม่านหลังเวที

ลูก : เรื่องก็เป็นอย่างนี้ล่ะจ้ะ

พ่อ : ใช่แล้ว คุณครูท่านสอนถูกต้อง ลูกต้องรู้จักใฝ่รู้ใฝ่เรียนตามที่คุณครูท่านสอนนะ

         เออ! พ่อต้องไปทำงานก่อนล่ะ

แม่ : แม่ก็เหมือนกันต้องรีบไปขายของ ก่อนจะไปโรงเรียนลูกช่วยดูแลปิดบ้านปิดช่อง

        ให้ดีด้วยนะลูก

ลูก : จ้ะแม่

 

ฉากที่สอง

แม่ ซึ่งเป็นแม่ค้าขายขนมหาบขนมออกจากม่าน  ร้องขายขนม

แม่ค้า :  ขนมจ้าขนม เชิญมาซื้อขนมกันนะจ๊ะ

              เอ! ไปขายตรงไหนก่อนดีนะ  อ้อ! ไปขายทางโน้นดีกว่า นักเรียนมากันแล้ว

นักเรียนออกจากม่านเพื่อเดินทางไปโรงเรียนเป็นกลุ่มๆ แม่ค้าจึงหาบขนมไปขายบริเวณที่นักเรียนเดินทาง  เด็กคนหนึ่ง (กนกพร) เดินสวนทางกับแม่ค้าขายขนม   สักพักหนึ่งเพื่อน (นิศารัตน์) ก็ตะโกนร้องเรียกให้กลับไปซื้อขนมกิน

นิศารัตน์ :  อาย  อาย  กลับมานี่ก่อน

กนกพร   : มีอะไรหรอ

นิศารัตน์ : กลับมานี่ก่อน มาซื้อขนมกันก่อน

กนกพร   : เราต้องรีบไปโรงเรียนนะ

นิศารัตน์ :  เหอะน่า ซื้อแป๊บเดียวเอง

กนกพร   : ก็ได้

กนกพรขานรับแล้วเดินย้อนไปที่เพื่อน ซึ่งกำลังแย่งซื้อขนมกับนักเรียนคนอื่นๆ อย่างผู้ที่ขาดระเบียบวินัย

เด็กหญิงวันวิสาออกจากม่านตรงรี่จะไปซื้อขนม  ลูก (ลูกแม่ค้าขายขนมชื่อพีน) ร้องห้ามไว้

พีน       : วัน จะไปไหน

วันวิสา   : เราจะไปซื้อขนม

พีน       : อย่าไปเลย เมื่อเช้าเธอก็ทานข้าวมาแล้วไม่ใช่หรือ

วันวิสา  : ใช่ แต่เราอยากกินขนมนี่

พีน       : เธอจำที่คุณครูสอนไม่ได้หรือ เราต้องรู้จักพอเพียงในเมื่อทานข้าวอิ่มมาแล้วก็

               ไม่จำเป็นต้องเสียเงินซื้อขนมอีก เก็บออมเงินเอาไว้ใช้คราวจำเป็นดีกว่า 

               อีกอย่างหนึ่งถ้าเราไปมัวซื้อขนม เราจะไปโรงเรียนสายนะ เธอดูพวกนั้นสิ

               แย่งกันซื้อขนม ช่างไม่มีวินัยเอาเสียเลย ฉันว่าเราไปโรงเรียนกันดีกว่า

               ถ้าเราไปสายเราก็จะกลายเป็นคนขาดวินัยไปด้วยเหมือนกัน

กนกพรได้ขนมแล้วก็รีบไปโรงเรียนจนลืมเงินทอน  แม่ค้าร้องเรียกแล้วคืนเงินทอนให้  กนกพรยกมือไหว้ขอบคุณแม่ค้า พีนจึงบอกวันวิสาว่าแม่ค้า คือ แม่ของตน  แล้วบอกอีกว่าแม่เป็นคนดีมีความซื่อสัตย์ และสอนให้พีนเป็นคนซื่อสัตย์เสมอ

            พีนชวนวันวิสาให้รีบไปโรงเรียน ขณะที่ทั้งสองคนจะเดินข้ามถนน พ่อของพีน ขี่รถจักรยานออกจากม่าน แล้วหยุดทักทาย

พีน              : สวัสดีจ้ะพ่อ อ้าว! ทำไมพ่อถึงขี่จักรยานมาล่ะจ๊ะ

พ่อ              : อ๋อ! พ่อเห็นว่าวันนี้ไปทำงานไม่ไกล พ่อเลยเอามอเตอร์ไซด์ไปเก็บ

                      แล้วขี่จักรยานมาน่ะลูก มันประหยัดดี

พีน              : วันจ๊ะ นี่พ่อของเราเอง

วันวิสา          : สวัสดีค่ะ

พ่อ              : อืม! สวัสดีจ้ะหนู  แหม! น่ารักนะ ไหว้ก็สวย สมเป็นเด็กไทย

                     น้อยนักที่พ่อจะเห็นเด็กๆ อย่างพวกเรารักษาวัฒนธรรมการไหว้ของไทย

                     ได้ดีอย่างนี้

วันวิสา         : ขอบคุณค่ะ

พีน              : พ่อจ๋า หนูต้องรีบไปโรงเรียนกันแล้วล่ะจ้ะ เดี๋ยวจะสาย

พ่อ              : ไปเถอะลูก พ่อก็จะไปทำงานเหมือนกัน

พีน วันวิสา : สวัสดีจ้ะ

            ทุกคนแยกย้ายกันไป  แม่ค้าและนักเรียนก็แยกย้ายกันเข้าโรง

 

ฉากที่สาม

ภารโรงเคาะระฆังบอกเวลาพักกลางวัน  นักเรียนสองคนเดินออกมาแล้วนั่งอ่านหนังสือ  นักเรียนคนหนึ่งกวาดสนาม  นักเรียนอีกสามคนออกมาเล่นรีรีข้าวสาร  คุณครูเวรเดินตรวจบริเวณโรงเรียนทักทายนักเรียนสามคนที่เล่นรีรีข้าวสาร

นักเรียน    : อุ๊ย! คุณครูมา  สวัสดีค่ะคุณครู

ครู           : สวัสดีจ้ะนักเรียน ทำอะไรกันอยู่จ๊ะ

นักเรียน    : เล่นรีรีข้าวสารค่ะ

ครู          : อืม! ดีนะเล่นการละเล่นแบบไทยๆ น่าชื่นชมจริงๆ ที่พวกเธอรู้จักรักของไทย

                ถึงแม้จะเป็นสิ่งเล็กน้อย ครูก็เชื่อว่าต่อไปจะเป็นพื้นฐานให้พวกเธอทำในสิ่งที่

                ยิ่งใหญ่ นั่นก็คือการสืบทอดสิ่งดีๆของไทยที่บรรพบุรุษของไทยได้สั่งสมไว้

                เพื่อลูกหลาน  ขอให้พวกเธอตั้งใจทำดีต่อไปนะจ๊ะ เล่นให้สนุกเถอะ

นักเรียน   : ค่ะคุณครู

            นักเรียนยกมือไหว้คุณครู แล้วเล่นต่อไป  คุณครูเดินมาทักทายนักเรียนคนที่กวาดสนาม 

นักเรียน   : สวัสดีครับคุณครู

ครู          : สวัสดีจ้ะนักเรียน ทำอะไรกันอยู่จ๊ะ

นักเรียน   : เก็บกวาดขยะอยู่ครับเ

ครู          : เธอเป็นเวรหรือจ๊ะ

นักเรียน   : เปล่าครับ ผมมาช่วยเพื่อนกวาดทุกวันล่ะครับเ

ครู          : แหม! ดีมากเลยจ้ะ น่าชื่นชมจริงๆ ที่เธอมีจิตสาธารณะ ทำงานเพื่อส่วนรวม

                โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน  ขอให้เธอตั้งใจทำดีต่อไปนะจ๊ะ  ตามสบายเถอะจ้ะ

            นักเรียนยกมือไหว้คุณครู แล้วกวาดสนามต่อไป  คุณครูเดินมาทักทายนักเรียนคนที่อ่านหนังสือ

นักเรียน   : สวัสดีค่ะคุณครู

ครู          : สวัสดีจ้ะนักเรียน ทำอะไรกันอยู่หรือจ๊ะ

นักเรียน   : อ่านหนังสืออยู่ค่ะ พวกเราเตรียมศึกษาข้อมูลเพื่อทำรายงานกันค่ะเ

ครู          : พวกเธอไม่เบื่อกันหรือจ๊ะ

นักเรียน   : ไม่ค่ะ พวกเราทำแบบนี้ทุกวันจนเคยชินแล้วล่ะค่ะเ

ครู          : แหม! ดีมากเลยจ้ะ น่าชื่นชมจริงๆ ที่เธอมีความมุ่งมั่นในการเรียนการทำงาน

                อย่างนี้  ต่อไปต้องเรียนเก่งแน่ๆ  ขอให้เธอตั้งใจทำดีต่อไปนะจ๊ะ

นักเรียน   : ค่ะคุณครู ขอบคุณค่ะ

            นักเรียนยกมือไหว้คุณครู แล้วอ่านหนังสือต่อไป  พีนและวันวิสาวิ่งหน้าตาตื่นมาหาครู

พีน         : คุณครูขา มีนักเรียนทะเลาะกันค่ะ

วันวิสา     : คนหนึ่งร้องไห้ด้วยค่ะคุณครู

ครู          : ไหนพาครูไปดูซิ

            ทุกคนพากันเข้าโรง 

 

ฉากที่สี่

ภารโรงเคาะระฆังบอกเวลาพักกลางวัน  นักเรียนสองคนเดินออกมาแล้วนั่งอ่านนักเรียนชายสามคนทะเลาะกันอยู่ ส่งเสียงดัง จนพีนและวันวิสาพาคุณครูมาถึง

พีน และวันวิสา              : นี่ค่ะคุณครูขา ทะเลาะกันยังไม่เลิกเลยค่ะ

ครูหันมาทางนักเรียนที่ร้องไห้

ครู                              : ไหน เรื่องเป็นอย่างไร เล่าให้ครูฟังซิ

นักเรียนที่ร้องไห้            : ผมขอเล่นด้วย พวกเขาไม่ยอมให้เล่นครับ

นักเรียนชายคนที่หนึ่ง     : ผมเล่นกันอยู่ดีๆ เขาก็มาแย่งของเล่นผมครับ

นักเรียนชายคนที่สอง     : ของเล่นของพวกผมยิ่งแพงๆอยู่ ผมไม่ให้เล่นด้วยเพราะบ้าน

                                  เขาจนไม่มีปัญญาซื้อเล่น เดี๋ยวเกิดพังไปเขาก็ไม่มีใช้คืน

                                  พวกผมก็ไม่มีเล่นน่ะสิครับ

นักเรียนที่ร้องไห้           : ผมไม่เล่นให้พังหรอกครับ ขอเล่นนิดเดียวเองก็ไม่ให้เล่น 

                                  แถมยังผลักผมกระเด็นเลยครับ

นักเรียนชายคนที่หนึ่ง     : ก็ไม่ให้เล่นยังหน้าด้านมาเล่นด้วยอีก

ครู                             : เอาละ! ครูพอจะเข้าใจต้นสายปลายเหตุแล้วละ 

                                   ครูเใช่ไหมว่าการอยู่ด้วยกันเราต้องปฏิบัติต่อกันอย่างไร 

                                   ต้องรู้จักช่วยเหลือกัน  ต้องรู้จักแบ่งปันกัน ที่สำคัญต้องรู้รัก

                                   สามัคคีกันไว้ จำไม่ได้หรือ

พีน                            : หนูจำได้ค่ะ คุณครูเคยสอนไว้

ครู                             : ครูสอนว่าอย่างไร ไหนลองเล่าทบทวนให้เพื่อนฟังซิ

พีน                            : คืออย่างนี้ค่ะ เรื่องมีอยู่ว่า.........

(เปิดเพลง)

เพลง พ่อกับลูก

คำร้อง ไชยญาณ  บุญยศ          ทำนอง เพลงนัดพบหน้าอำเภอ : พุ่มพวง ดวงจันทร์

         พ่อม่ายมีลูกชายสามเป็นสุขทุกยามแม้เมียไม่มี                        

บังเอิญต้องไปทำงานไม่ได้อยู่บ้านหลายวันจากนี้                                    

จึงประชุมลูกชายเร็วรี่เพื่อสั่งความลูกชายคนดี                                          

จัดแบ่งหน้าที่สามัคคีทำงาน                                                

แต่ละคนเมื่อพ่อพ้นบ้านก็เกี่ยงกันไม่ยอมทำงาน                               

เฝ้าแต่เกียจคร้านทุกวันไม่สามัคคี

         พ่อม่ายกลับมาหม่นหมองสามคนพี่น้องเถียงกันอย่างนี้                     

ตรึกตรองหาวิธีการเพื่อจะประสานสัมพันธ์ไมตรี                                         

จึงนำแขนงไผ่ที่มีให้หักจนครบคนน้องพี่                                                

พ่อม่ายบ่งชี้สามัคคีดีอย่างไร                                                          

แล้วเอ่ยความย้ำสอนลูกชายให้ต่างมีสามัคคีกันไว้                                      

พี่น้องร่วมใจจะผ่านเภทภัยทุกครา

            นักแสดงท่าทางประกอบเพลง “พ่อกับลูก” ออกจากม่านเพื่อแสดง เมื่อแสดงจบก็เดินแถวเข้าม่านหลังเวที

พีน                      : เรื่องก็เป็นอย่างนี้ล่ะค่ะ

วันวิสา                  : ใช่ค่ะคุณครู

ครู                       : พวกเธอเห็นไหม ถ้าเราอยู่ด้วยกันแล้วรู้จักรักสามัคคีกัน

                            จะเกิดผลดีอย่างไร  และถ้าเราอยู่ด้วยกันแล้วไม่รู้จักรักสามัคคีกัน

                            จะเกิดผลเสียอย่างไร ครูอยากเห็นพวกเธอทุกคนรักสามัคคีกัน  

                            ไม่แบ่งแยกหรือรังเกียจซึ่งกันและกัน  

                            ครูขอให้พวกเธอจงจำไว้ว่า…

                                   “เธอมาจากที่ใดไม่ต้องคิด

                        เธอเป็นศิษย์ของครูอยู่เสมอ

                        การทำดีเกิดผลดีที่ตัวเธอ

                        อย่ามัวเพ้อถดถอยด้วยน้อยใจ”

                             ครูหวังว่าพวกเธอคงไม่ทะเลาะกันด้วยเรื่องแค่นี้อีก ดีกันซะ

                             แล้วทุกคนจะมีความสุข

นักเรียนทั้งหมด : ครับ/ค่ะ คุณครู

            ภารโรงเคาะระฆังบอกเวลาเข้าเรียนตอนบ่าย ครูและนักเรียนที่ทะเลาะกันเข้าโรง พีนและวันวิสายืนอยู่ที่เดิมเพื่อกล่าวส่งท้าย

พีน       : ท่านผู้ชมคะ ละครเรื่องมีอยู่ว่า......ที่ชมผ่านมานี้มีจุดประสงค์เพื่อต้องการ

             ให้ทราบว่าเมื่อเราอยู่วัยเรียน เราต้องประพฤติปฏิบัติตนให้เป็นผู้มีคุณลักษณะ

             อันพึงประสงค์ ๘ ประการ ดังต่อไปนี้ค่ะ

วันวิสา               : หนึ่ง รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์

พีน                   : สอง ซื่อสัตย์ สุจริต

วันวิสา              : สาม มีวินัย

พีน                  : สี่ ใฝ่เรียนรู้

วันวิสา              : ห้า อยู่อย่างพอเพียง

พีน                  : หก มุ่งมั่นในการทำงาน

วันวิสา              : เจ็ด รักความเป็นไทย

พีน                  : และแปด มีจิตสาธารณะค่ะ

            นักแสดงทั้งหมดขึ้นบนเวทีเข้าแถวหน้ากระดาน ๒ แถว แถวละ ๑๐ คน        โดยมีพีนและวันวิสาเป็นหลักตรงกลางแถวหน้า

 พีน                  : สำหรับวันนี้พวกเราต้องขอลาไปก่อนนะคะ

วันวิสา               : ถ้ามีสิ่งผิดพลาดประการใดพวกเราต้องขออภัยด้วยค่ะ

นักแสดงทั้งหมด   : สวัสดีครับ/ค่ะ

                                               (จบละครเพียงเท่านี้)

 

หมายเลขบันทึก: 421846เขียนเมื่อ 21 มกราคม 2011 23:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 มิถุนายน 2012 01:15 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (16)

เอามาลงเรย555

Lยี่€มLs€ครู

พึ่งรู้ว่าครูทำเว็บด้วยนะค่ะ

สนุกมากเลยค่ะครู  อิอิ  

้้้้้้้้้้้

หนูมีความพยายามจะเข้ามาดูเลยนะค่ะ  เว็บครูมีคนรู้จักหรือยัง?

เราก็เป็นส่วนหนึ่งเหมือนกัน

 

ครูไชยญาณ เอาลงด้วย

ครู ครับ มี วาน ไหน อีก อยาก เล่น แล้ว อะ ไม่ อด ทน ไม่ ไหว แล้ว อะ ครับ

๕๕๕๕

สนุกมากเลยค่ะครู

ครูทำ เว็บแบบนี้ เอาขึ้นFacebook เรยดีกว่ารับรอง ต้องมีคนมาคอมเม้นท์ Like แน่ๆ คณูเชื่อหนูสิ !!

Large_0005d8 

เด็กเอ๋ยเด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ

คือทายาทแห่งความหวังในวันหน้า

จงหมั่นเพียรฝึกฝนเรียนวิชา

ทั้งจรรยาศีลธรรมน้อมนำตน

 

นงนาท สนธิสุวรรณ

๑๔ มกราคม ๒๕๕๕

ภาพจาก สายบริหารงานสื่อสารองค์กร SCB

ขอร่วมให้กำลังใจเด็กๆ ด้วยคนนะครับ...พี่ใหญ่

คิดทำการสิ่งใดใหญ่หรือเล็ก

แม้เป็นเด็กย่อมมีสิทธิ์จะคิดฝัน

ทั้งเดี่ยวคู่หรือหมู่เหล่าเฝ้าฝ่าฟัน

ของกำนัลคือภูมิใจจำไว้เอย.

ไชยญาณ บุญยศ : ผู้ประพันธ์

ณัฐพงศ์ สมศรี แนะนำมาน่าสนใจ ครูจัดให้เรียบร้อยแล้วนะ...ขอบอก

เรื่องย่อ มันเป็นยังไงครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท