ในหน่วยงานมักมีความขัดแย้งอยู่เสมอ การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งมีหลายวิธี เรื่องที่จะเล่าเป็นวิธีการที่ผมเคยทำมาแล้ว สามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งได้ และเป็นวิธีการแก้ไขความขัดแย้ง ที่ผมเคยพบเห็นจากในชุมชนที่ผมไปทำงานอยู่ ผมเป็นผู้บริหารโรงเรียนมีคุณครูสตรีอยู่คู่หนึ่งไม่ค่อยจะลงรอยกัน สาเหตุจากเรื่องส่วนตัว ผมคิดว่าจะทำอย่างไรดีจึงจะแก้ปัญหานี้ได้ วิธีแก้ปัญหาคนไม่ลงรอยกันผมไม่เคยเห็นใครเขียนไว้ในตำราเล่มไหนอย่างชัดเจนเลย
ผมครุ่นคิดอยู่คนเดียวว่า ถ้าปล่อยให้ต่างคนต่างอยู่อย่างนี้ก็ยิ่งจะแตกแยกไปเรื่อย ๆ กิจกรรมที่จะทำให้คนหันหน้าเข้าหากัน การที่ได้มีโอกาสช่วยกันคิด ช่วยกันทำ น่าจะทำให้อะไร ๆ ง่ายขึ้น
หลังจากคิดได้แล้ว ผมเริ่มดำเนินการในวันรุ่งขึ้น (โดยทำเป็นว่าผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับครูสองท่านนี้) ในช่วงนั้น มีชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 อยู่ 2 ห้องเรียน ผมจึงวางแผนให้คุณครูสองท่านนี้สอน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ด้วยกัน จะได้ร่วมทำกิจกรรมการเรียนการสอนด้ยกัน ตอนแรกเขาก็สอนโดยไม่พูดจากันเลย ผมจึงให้เขาร่วมกันทำบันทึกการสอน และทำสื่อการสอนแลกเปลี่ยนกันและใช้ร่วมกันได้ ผมสังเกตเห็นว่าเขาไม่ได้เต็มใจทำงานร่วมกัน แต่ด้วยความเกรงใจผมที่เป็นผู้บังคับบัญชาจึงต้องทำ ในระยะแรก ๆ ผมเชิญมาพบทีละคน สอบถามถึงปัญหาของการสอนและการทำงานร่วมกัน ผมพยายามพูดเอ่ยถึงอีกฝ่ายหนึ่งว่าเป็นคนมีนำใจและช่วยเหลือในการผลิตสื่อการทำบันทึกการสอนอยู่เสมอ ถ้าไม่ได้ฝ่ายนั้นช่วย เขาคงแย้ง (ผมพยายามพูดเป็นกลางไม่เข้ากับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง) ในที่สุดความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ดีขึ้น ผมสังเกตเห็นแววตาที่แสดงความเป็นมิตร และชื่นชมระหว่างกันของคนทั้งสองที่ฉายให้เห็นเป็นระยะ ๆ ผมจัดแจงเพิ่กิจกรรมเสริม เช่น ตอนเที่ยงให้ทำอาหารรับประทานร่วมกันทั้งโรงเรียน เป็นการสร้างความสนิทสนมกันมากขึ้น จะได้ร่วมกันคิด ร่วมกันทำมากขึ้น จนในที่สุดกิจกรรมดังกล่าวทำให้ครูเหล่านั้นพูดจากันด้วยความสนิทสนมเหมือนไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน
การเป็นผู้บริหารนั้น บางครั้งเราอาจจะรู้ หรือไม่รู้อะไรบ้าง ในบางกรณีเราต้องเป็นกลางให้ได้ การอยู่ข้างใดข้างหนึ่งไม่เป็นผลดีต่อการบริหารงานเลย ผมได้นำแนวคิดนี้มาใช้ในการบริหารงานอยู่เสมอส่งผลให้การบริหารงานราบรื่นด้วยดีตลอดมา
เล่าโดย นายเกรียงไกร ศรีลี ผู้อำนวยการโรงเรียนกุดจิกวิทยา
ไม่มีความเห็น