ของขวัญของแม่ : จากใจลูกที่มีแม่ไร้สัญชาติ....ก่อนจะถึงวันแม่(ไร้สัญชาติ)


มีหลายคนเคยกล่าวว่า ความสุขของคนเรานั้นจะอยู่กับเราไม่นาน และความทุกข์ก็จะอยู่กับเราไม่นานเหมือนกัน แต่ดิฉันคิดว่าความทุกข์ของแม่อยู่กับแม่นานเกินไปแล้ว...ช่วยคุณแม่ของดิฉันด้วยนะคะ " หนูรักแม่ค่ะ"

สวัสดีค่ะ 

วันแม่ใกล้จะมาถึงในอีกไม่กี่วันแล้วนะคะ  หลายครอบครัวคงจะมีความสุขสำหรับวันนี้ คุณแม่หลายท่านอาจจะกำลังตื่นเต้นว่าลูกๆ จะทำอะไรเซอร์ไพรส์ให้ท่าน ลูกบางคนอาจจะทำการ์ดให้แม่  บางคนก็ให้ของขวัญที่แม่ชอบ  บางคนพาคุณแม่ไปเที่ยว บางคนพาไปทานข้าวนอกบ้านหรืออาจจะทำกับข้าวทานกันในครอบครัว  แต่ก็อาจมีบางครอบครัวหรือคุณแม่บางท่านที่ยังไม่มีความสุข เพราะสิ่งที่ครอบครัวและคุณแม่อยากได้เป็นของขวัญวันแม่ อาจจะไม่ใช่การ์ดสวยๆ ไม่ใช่ของขวัญน่ารักจากลูก หนึ่งในนั้นคือ ครอบครัวและคุณแม่ของดิฉันเอง 

ดิฉันชื่อนางสาวพรพรรณ  บุรสินสง่า เป็นลูกสาวคนโตของคุณแม่เซาะเล้ง  แซ่แต้ แม่ของดิฉันเป็นคนเชื้อชาติจีนที่อาศัยอยู่ในประเทศกัมพูชา แม่เกิดที่กรุงพนมเปญเมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๓ และเมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๕๑๖ ตอนที่ประเทศกัมพูชาเกิดสงครามภายในประเทศ แม่และครอบครัวได้หลบหนีออกจากประเทศกัมพูชา เข้ามาทางด่านปอยเปต เพื่อมาหาญาติที่อยู่ในเมืองไทย จนได้มาพบกับคุณพ่อพาที  บุรสินสง่า คุณแม่กับคุณพ่อก็ได้ตัดสินใจแต่งงานกัน และมีดิฉันเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๗ 

หลังจากนั้นประมาณปี พ.ศ.๒๕๑๙ ได้มีประกาศให้ผู้หนีภัยในประเทศไปเข้าศูนย์อพยพ เพื่อให้ลี้ภัยไปประเทศฝรั่งเศส  คุณยายขอร้องให้แม่ไปเข้าศูนย์อพยพด้วย  แต่ขณะนั้นคุณแม่มีดิฉันซึ่งยังเล็กอยู่จึงไม่อยากทิ้งดิฉันและคุณพ่อไป  จึงตัดสินใจไม่ไปประเทศฝรั่งเศส ซึ่งขณะที่ตัดสินใจนั้นคุณแม่ก็ยังไม่รู้เลยว่าชีวิตที่เมืองไทยต่อไปจะเป็นอย่างไร

ดิฉันคิดว่าถ้าตั้งแต่วันนั้นคุณแม่จากดิฉันและคุณพ่อไปฝรั่งเศสพร้อมคุณยายและน้องสาวของคุณแม่ ชีวิตแม่คงมีความสุขไม่ต้องทุกข์จนถึงทุกวันนี้  เพราะหลังจากที่คุณยายและน้าไปฝรั่งเศสก็พบกับชีวิตที่ดี  คุณยายและน้าได้รับสัญชาติฝรั่งเศส และน้าทั้งสองคนก็ได้แต่งงานและเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ประเทศฝรั่งเศส  ซึ่งคุณยายและน้าก็เขียนจดหมายติดต่อกับคุณแม่มาตลอด นานๆ ครั้งยายมีเวลาก็บินมาเยี่ยมแม่  ในบรรดาลูกๆ ของยายทั้งหมด ยายจะเป็นห่วงแม่ที่สุดเพราะแม่อยู่ไกลและยายรู้ถึงความทุกข์ที่แม่มี ตลอดเวลาที่ผ่านมาในเมืองไทยแม่กลายเป็นคนไร้รัฐ ไร้สัญชาติ อยู่แบบไม่มีตัวตน  

เมื่อครั้งที่คุณแม่ตัดสินใจที่จะอยู่เมืองไทยกับดิฉันและพ่อ แม่คิดทำการค้าเล็กๆ เพื่อเลี้ยงลูกๆ แม่พอมีทองเล็กๆ ที่คุณยายทิ้งไว้ให้ก่อนไปฝรั่งเศส แม่นำทองที่คุณยายทิ้งไว้ให้ไปขายเพื่อนำเงินมาลงทุนค้าขายเล็กๆ ดิฉันจำได้อาชีพแรกเริ่มที่แม่ทำตอนอยู่เมืองไทย คือ ทำน้ำเต้าหู้ขาย  ดิฉันยังจำภาพของแม่ที่นั่งโม่ถั่วเหลือง เอาไปต้มแล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง จนตักใส่ถุงพลาสติก รัดยาง แม่นำน้ำเต้าหู้ใส่กระติก  เอาไปใส่ท้ายรถจักรยานเก่าๆ แล้วนำไปขายที่ตลาด ... 

แม่เป็นคนประหยัด มัธยัสถ์ แม่ไม่เคยกินทิ้งกินขว้าง แม่จะทานข้าวเป็นคนสุดท้ายต่อจากปู่ ย่า พ่อ และลูกๆ แม่จะสอนลูกๆ เสมอไม่ให้ทานข้าวเหลือ เพราะยังมีคนอีกมากมายที่ไม่มีข้าวจะกิน แม่ไม่เคยใช้เงินฟุ่มเฟือย ดิฉันยังจำได้ว่าแม่ไม่เคยซื้อเสื้อผ้าใหม่ เสื้อของแม่ส่วนใหญ่จะเป็นของคุณป้า น้า และน้องสาวที่ไม่ใส่แล้ว แม่จะเอามาแก้ และดัดแปลงให้ใส่ได้  ยังจำได้ว่าแม่ตัดกางเกงแบบง่ายๆ ให้ลูกใส่ ฝีมือแม่อาจจะไม่ดีเท่าไหร่แต่ก็ใส่ได้ แม่พยายามหาตัวการ์ตูนน่ารักๆ มาติดที่กางเกง เพราะคิดว่าลูกๆ อาจจะชอบขึ้นมาบ้าง แต่ดิฉันก็ชอบจริงๆ เพราะกางเกงฝีมือแม่สวยที่สุด ทุกวันนี้แม่ยังเอาเสื้อของอาที่ไม่ใส่แล้วมาแก้และใส่เอง ดิฉันคิดว่าฝีมือแม่พัฒนาขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก  แม่เป็นคนง่ายๆ ไม่ค่อยพิถีพิถัน เรื่องการแต่งตัวเท่าไหร่ แม่ยังปลูกฝังนิสัยประหยัดเหล่านี้ให้ลูกๆ ด้วย เงินทุกบาททุกสตางค์ของแม่จะเก็บไว้ให้ลูกๆ เรียนหนังสือสูงๆ  หลังจากนั้นไม่นาน แม่พอมีเงินเก็บ และเปิดร้านขายของชำเล็กๆ กับพ่อ ที่อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย และส่งลูกทั้งสามคนเข้าโรงเรียนใกล้บ้าน  

แม่เป็นคนเก่ง แม่มีความรู้  แม่พูดได้หลายภาษา ภาษาจีน  ภาษาฝรั่งเศส เคยมีครูโรงเรียนจีนมาชวนแม่ไปเป็นครูสอนภาษาจีนที่โรงเรียน แม่ปฏิเสธไปทันที เพราะแม่รู้ตัวเองดี แม่ไม่มีเอกสารใช้ในการสมัครเป็นครู แม่ไม่มีบัตรประชาชน แม่ต้องอยู่ในเมืองไทยแบบคนไม่มีตัวตน นานๆ ครั้งจะมีรถทัวร์ชาวต่างชาติมาแวะซื้อของที่ร้านแม่ แม่จะส่งภาษาฝรั่งเศสคุยกับฝรั่ง จนฝรั่งหลายคนสงสัยว่าแม่พูดภาษาฝรั่งเศสได้อย่างไร แม่ก็จะกลัวและโกหกว่าแม่หัดเรียนเอง  

แม่เป็นคนขยัน หลังจากว่างจากงานบ้านและไม่มีลูกค้ามาซื้อของ แม่จะหยิบหนังสือจีน หนังสือภาษาฝรั่งเศส(ยายส่งมาให้) มาหัดอ่านเสมอ ดิฉันคิดว่าการที่แม่ไม่มีบัตรประชาชนหรือบัตรอะไรก็แล้วแต่ ทำให้แม่เสียสิ่งดีๆ เสียโอกาสที่จะแสดงความสามารถของตนในชีวิตไป 

สมัยดิฉันยังเล็ก ไม่เข้าใจว่าทำไมป้า น้า และญาติ ต้องสินดิฉันและน้องว่า ถ้ามีใครมาถามถึงแม่ ให้ตอบว่าแม่เลิกกับพ่อไปนานแล้ว และตอนนี้ไม่รู้ว่าแม่หนีไปไหน แม่ไม่ติดต่อมาเลย ทั้งๆ ที่ดิฉันและน้องๆ ก้รู้ว่าแม่อยู่กับเราตลอด แม่ไม่เคยทิ้งดิฉันและน้องๆ ไปไหน แม่พาลูกๆ ไปส่งที่โรงเรียน นำอาหารใส่ปิ่นโตไปส่งที่โรงเรียนทุกวัน ไปรับพวกเรากลับจากโรงเรียน ทำอาหารให้ทาน แม่ดูแลพวกเราเหมือนกับที่แม่ๆ คนอื่นทำให้ลูก 

แม่เป็นคนรักษาสุขภาพมาก แม่กลัวความเจ็บป่วย กลัวที่จะต้องเข้าโรงพยาบาล ถ้าจำเป็นที่จะต้องเข้าโรงพยาบาลจริงๆ คำพูดที่แม่มักจะเตรียมไปพูดกับเจ้าหน้าที่หรือนางพยาบาลเป็นประจำก็คือ แม่ลืมเอาบัตรประชาชนมา แม่ลืมอยู่ที่บ้าน ซึ่งเจ้าหนาที่ก็จะตรวจให้แม่ตามปกติ หลังจากที่ลูกๆ ทั้งสามคนโตและมาเรียนต่อที่กรุงเทพฯ แม่กับพ่อก็ย้ายบ้าไปอยู่ที่อำเภอศรีสัชนาลัย และทำการค้าเหมือนเดิม  แม่ส่งเสียลูกๆ ทั้งสามคนจนจบปริญญาตรี ดิฉันคิดว่าแม่แม่ทำหน้าที่ของแม่ที่มีต่อลูกได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว เหลือแต่ลูกๆ ที่ยังไม่ได้ทำหน้าที่ลูกที่ดีให้แม่เลย 

อีกไม่นานก็จะถึงวันแม่แล้ว ดิฉันดีใจที่มีโอกาสได้เขียนเรื่องของแม่ ความทุกข์ที่แม่มีมาตลอดระยะเวลา ๓๒ปีเต็ม ให้คนอื่นๆ ในสังคมได้รับรู้ถึงความทุกข์ของผู้หญิงคนหนึ่งที่มีสามีเป็นคนสัญชาติไทย เป็นแม่ของลูกๆ ที่มีสัญชาติไทย  ในวันแม่ที่จะถึงนี้ ดิฉันอยากขอของขวัญให้คุณแม่ ของขวัญที่แม่อยากได้มากที่สุดตั้งแต่เข้ามาเหยียบบนผืนแผ่นดินไทย คือ ความเป็นคนไทย เป็นคนมีรัฐ เป็นคนมีสัญชาติสามารถยืนอยู่บนผืนแผ่นดินไทยได้อย่างภาคภูมิ ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ มีสิทธิเหมือนเป็นคนไทยคนหนึ่ง 

มีหลายคนเคยกล่าวว่า ความสุขของคนเรานั้นจะอยู่กับเราไม่นาน และความทุกข์ก็จะอยู่กับเราไม่นานเหมือนกัน แต่ดิฉันคิดว่าความทุกข์ของแม่อยู่กับแม่นานเกินไปแล้ว...ช่วยคุณแม่ของดิฉันด้วยนะคะ 

หนูรักแม่ค่ะ  

พรพรรณ บุรสินสง่า     

  

หมายเลขบันทึก: 41968เขียนเมื่อ 1 สิงหาคม 2006 11:16 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 15:30 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
ข้อคิดเห็นโดย ชลฤทัย แก้วรุ่งเรือง เมื่อ อ. 01 ส.ค. 2549 @ 11:32 จาก 58.8.186.53 ลบ เป็นจดหมายของพี่หนุ่ย พรพรรณ สูกสาวคนโตของคุณแม่เซาะเล้งค่ะ เราขอให้ลูกที่มีแม่ไร้สัญชาติช่วยกันเขียนเล่าเรื่องราวของคุณแม่ตัวเองให้สังคมรับทราบ และในวันแม่ 12 สิงหา ที่จะถึงนี้ เราจะจัดงานให้กับแม่ไร้สัญชาติ เพื่อมาช่วยกันหาทางออกว่าแม่ไร้สัญชาติแต่ละคน เราจะมีทางช่วยเหลือพวกเค้าได้อย่างไรบ้าง คงจะมีจดหมายจากใจลูกๆ ที่มีแม่ไร้สัญชาติมาเล่าเรื่องราวของแม่ ผู้เป็นพระพรหมของลูกให้พวกเราได้ฟังกันอีกค่ะ มาช่วยกันหาทางออกนะคะ
ข้อคิดเห็นโดย พี่หนอน เมื่อ อ. 01 ส.ค. 2549 @ 18:58 จาก 58.8.151.232 ลบ หนุ่ย พรพรรณ เขียนได้ดีมาก ต้องชม และควรเผยแพร่ให้สาธารณชนได้รับทราบ เรื่องดีๆ เขียนดีๆ อย่างนี้ สื่อคงไม่ขัดข้องที่จะเผยแพร่
ข้อคิดเห็นโดย ชลฤทัย แก้วรุ่งเรือง เมื่อ อ. 01 ส.ค. 2549 @ 19:58 จาก 58.8.193.137 ลบ ขอบคุณพี่หนอนมากนะคะ อ่านจบก็โทรมาหาชลเลย และชื่นชมพี่หนุ่ยใหญ่เลย พี่หนุ่ยคงดีใจ(ชลยังโทรหาพี่หนุ่ยไม่ติด) เธอเป็นกังวลมากกว่าจะเขียนบทความนี้ได้ แต่ก็เขียนออกมาได้ดีมากจริงๆ ค่ะ ชลได้รับแฟ็กซ์ อ่านจบแล้วก็ร้องไห้ตาบวมเหมือนกัน (เข้าใจว่าพี่หนอนคงชอบจริงๆ เหมือนตอนชลอ่านบทความอาจารย์อายุ ที่เขียนโดยพี่ผึ้ง ในหนังสือสาละวินโพสต์ ร้องไห้ตาบวมตั้งกะต้นจนจบ จบแล้วก็รีบโทรไปหาพี่ผึ้งเลยเหมือนกัน) แต่ไม่รู้ว่าพี่หนอนร้องไห้เหมือนชลหรือเปล่า : ) ชลพิมพ์ไป อ่านทวนก็หลายรอบแล้วยังน้ำตาไหลอยู่เลยอ่ะ ความรักของแม่และลูกยิ่งใหญ่นัก เราจะทำอย่างไรกับแม่ลูกไร้สัญชาติ คู่นี้ดี วันที่ 12 สิงหาคม 49 เวลา 13.00 น. - 17.00 น.ขอเชิญช่วยกันให้คำตอบ และพบกับตัวจริงเสียงจริงของแม่ลูกคู่นี้ได้ ที่ห้องประชุมจิตติ ติงศภัทิย์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(ท่าพระจันทร์) นอกจากนี้ยังจะมีความรักและเรื่องราวของแม่ไร้สัญชาติอีกหลายคู่ที่จะขอให้พวกเราได้ติดตามและช่วยกันหาทางออกร่วมกันนะคะ ขอบคุณค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท