ทฤษฎีทางคณิตศาสตร์ของ อัลคินดี เป็นการผิดกฎกติกาหรือธรรมเนียมใดๆหรือไม่กับการนำทฤษฎีทางคณิตศาสตร์มาประยุกต์ความหมายเพื่อใช้กับการปกครองภายในหน่วยงานเล็กๆที่เรียกว่าสถานศึกษา ที่มีบุคลากรเพียงไม่กี่คน ทฤษฎีต่อไปนี้เป็นทฤษฎีทางคณิตศาสตร์ซึ่ง เจ้าของทฤษฎีอันนี้คือ อัล คินดี เป็นนักปรัชญาเชื้อสายเผ่าคินดะฮฺ ในประเทศเยเมน เป็นหลานของซอฮาบะฮฺนบีคนหนึ่ง ท่านเป็นผู้ที่มีความรู้ในหลายสาขาวิชา ทั้งทางโลกและทางธรรม เช่น สาขาดาราศาสตร์ ดนตรี แพทย์ จิตวิทยา คณิตศาสตร์ และการเมืองการปกครอง เป็นต้น และผมเองได้ศึกษาหลักทฤษฎีทางคณิตศาสตร์ของท่าน จึงได้นำมาประยุกต์ใช้ และนำมาบูรณาการเข้ากับการปกครองผู้ใต้บังคับบัญชาภายในสถานศึกษา ที่ผมเป็นผู้อำนวยการอยู่ในเวลานี้ ส่งผลเลิศต่อตัวผม หยั่งผลประทับใจมาสู่ตัวเอง และยังจะยึดเป็นเอกลักษณ์ เป็นแนวทางแห่งการปกครองผู้ใต้บังคับบัญชาต่อไป ผมจึงปรารถนาที่จะขยายผลให้สมาชิกบล็อกทุกท่านได้อ่านและนำไปเป็นข้อคิด ขอใช้บ้างก็จะดี แต่จะส่งผลลัพธ์ออกมาเช่นใดท่านเท่านั้นจะร้ ทฤษฎีดังกล่าวนั้น กล่าวไว้ว่า “สองสิ่ง(หมายถึงผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา)จะเท่ากัน(หมายถึงการอยู่ร่วมกันอย่างฉันท์มิตร วางตัวเสมอกันและจะยั่งยืนได้) ก็ต่อเมื่อสิ่งหนึ่งสิ่งใด(หมายถึงผู้บังคับบัญชาหรือผู้ใต้บังคับบัญชา วางตัว) ไม่โต (ไม่ทำตัวพองโต)กว่าสิ่งหนึ่ง(หมายถึงผู้บังคับบัญชาหรือผู้ใต้บังคับบัญชา) เมื่อสิ่งหนึ่งสิ่งใด(หมายถึงผู้บังคับบัญชาหรือผู้ใต้บังคับบัญชา) ดังกล่าวถูกเพิ่มจำนวน(หมายถึงแรงเหลิง, ถือตัว, ดูถูก,เยียดหยาม,กดขี่,ข่มเหง,รังแก,อิจฉาริษยากัน)มากขึ้น สองสิ่งนี้(ผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา)จะไม่เท่ากัน(ความเป็นมิตรจางหายไป จะส่งผลลบแก่กันในที่สุด)” การนำทฤษฎีดังกล่าวมาบูรณาการกับการปกครองบุคลากรในโรงเรียนของผม ส่งผลดีค่อนข้างมาก คือทำให้เรามีความสามัคคี มีความรักใคร่ ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน มีความผูกพัน เป็นกันเองต่างคนต่างก็มีจุดหมายอันเดียวกัน คือทำให้การเรียนของนักเรียนมีประสิทธิภาพ สนุก บุคลากรทุกคนมีความสุขกับงานเพราะไม่มีแรงลบใดๆมาเบียดเบียน ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพของการศึกษา และคุณภาพของชุมชน จนเรามีสโลแกนประจำองค์กรของเราว่า “เรียนสนุก สุขกับงาน สานสู่คุณภาพ”