จากบทวิเคราะห์มาตราของร่างพระราชบัญญัติเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวมีการให้อำนาจแก่ฝ่ายบริหารเอาไว้อย่างกว้างขวางอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน การยกเว้นข้อกฎหมายมีอยู่แทบทุกมาตรา การให้อภิสิทธิแก่การบริหารจัดการก็ไม่ได้กำหนดขอบเขตไว้แน่ชัด ดังนั้นย่อมเป็นไปได้ง่ายที่ผู้ใช้อำนาจดังกล่าวจะพลั้งเผลอหรือจงใจใช้อำนาจไปโดยไม่ชอบ
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นเมื่อร่างพระราชบัญญัติเขตเศรษฐกิจมีผลบังคับใช้ อาจจำแนกได้ ดังนี้
1. การิดรอนสิทธิขั้นพื้นฐานของชุมชนประประชาชน
เนื่องจากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้รับรองสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนไว้มากมายและการจะยกเว้นการรับรองสิทธิดังกล่าวก็ย่อมทำได้ด้วยบทบัญญัติแห่งกฎหมาย แต่เนื่องจากการที่ร่างพระราชบัญญัติเขตเศรษฐกิจพิเศษได้กำหนดให้มีการใช้อำนาจได้อย่างกว้างขวาง ตั้งแต่การกำหนดให้การจัดสรรทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นอำนาจเบ็ดเสร็จของคณะกรรมการบริหาร รวมถึงการใช้อำนาจจัดการระบบสาธารณูปโภคอย่างครบครัน การจัดการผังเมืองใหม่ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ การสั่งห้ามบุคคลผ่านเข้าออกในเขตเศรษฐกิจพิเศษ เป็นต้น เมื่อเป็นเช่นนั้นสิทธิต่างๆที่ประชาชนพึงมีอย่างบริบูรณ์จึงถูกริดรอนไป คนในชุมชนจะไม่รู้ว่าในต่อไปภายหน้าสิทธิที่ตนเองเคยมีหรือที่ชุมชนตนเคยมีอยู่นั้นจะเหลืออะไรบ้าง ที่ดินทำกิน ทางน้ำลำคลองสารธารณะ หรือวิธีชีวิตต่างๆจะถูกควบคุมและจัดสรรใหม่ทั้งหมดเพื่อรองรับการดำเนินการของเขตเศรษฐกิจพิเศษ และความเข้มแข็งของชุมชนจะเลือนหายไปในที่สุด
2. การสร้างความขัดแย้งในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ
จากผลของการให้อำนาจเขตเศรษฐกิจพิเศษให้สามารถเข้าไปจัดการ ควบคุม ดูแล รวมไปถึงการให้เขตเศรษฐกิจพิเศษเป็นผู้มีอำนาจในการใช้กฎหมายพิเศษที่เคยใช้บังคับกับเรื่องหรือกรณีใดเป็นการเฉพาะได้ ย่อมทำให้เขตเศรษฐกิจพิเศษมีอำนาจกว้างขวางในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติเพื่อให้ได้มาซึ่งประโยชน์สูงสุดของเขตฯ ดังนั้นจึงเป็นไปได้อย่างแน่แท้ที่การจัดสรรผลประโยชน์ของเขตเศรษฐกิจพิเศษกับชุมชนจะไม่สามารถหาข้อยุติร่วมกันได้ และเมื่อรัฐได้ให้อำนาจแก่เขตเศรษฐกิจพิเศษในการทำผังเมืองไว้ก็ย่อมเป็นไปได้ว่าจะมีการกำหนดเขตที่อยู่ของชุมชนเดิมเสียใหม่เพื่อตอบสนองการใช้ทรัพยากรของเขตเศรษฐกิจพิเศษ ปัญหาดังกล่าวย่อมนำไปสู่การเวนคืนและไล่ที่ในที่สุด
3. ผลกระทบต่อวิถีชุมชน
เนื่องจากกฎหมายได้ให้เขตเศรษฐกิจพิเศษมีอำนาจไว้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอำนาจที่ให้เขตฯมีสิทธิเหนือกรรมสิทธิ์ในที่ดินของประชาชน เขตเศรษฐกิจพิเศษจึงสามารถเข้าไปจัดการพื้นที่ทำกินของประชาชนที่อยู่อาศัยเดิม ไม่เว้นแม้แต่ที่ธรณีสงฆ์ที่สามารถโอนมาเป็นของเขตเศราฐกิจพิเศษได้อย่างง่ายดาย ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปในแนวทางที่เอื้อต่อการแสวงหาผลประโยชน์ทั้งอุตสาหกรรม พาณิชยกรรม เกษตรกรรม การท่องเที่ยว หรือกิจกรรมอื่นๆมาสนองความต้องการของเขตเศรษฐกิจพิเศษ ประชาชนในชุมชนที่อยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษจึงเสี่ยงต่อการสูญเสียเอกลักษณ์ทางชุมชนและวิธีชีวิต ประเพณีวัฒนธรรม
4. ปัญหาการจ้างแรงงานและระบบเศรษฐกิจชุมชน
เนื่องจากภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษมีการมอบสิทธิพิเศษต่างๆแก่ผู้ประกอบการไว้อย่างมากมายโดยเฉพาะสิทธิทางการเงิน สิทธิทางภาษี การกำหนดค่าจ้างแรงงาน และอำนาจในการได้รับการจัดสรรทรัพยากรธรรมชาติทั้งดิน น้ำ ป่า และทะเล ทำผู้ประกอบการสามารถตักตวงผลประโชยน์จากการได้รับสิทธิพิเศษดังกล่าวเป็นอย่างมาก แต่กลับไม่มีบทบัญญัติข้อใดที่เป็นไปในทางคุ้มครองแรงงานใรเขตฯเลย ซึ่งแรงงานดังกล่าวก็มักจะเป็นประชาชนในพื้นที่ที่อยู่ภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษ หรือบางกรณีก็อาจมีแรงงานอพยพข้ามถิ่นเข้ามาหารายได้ในเขตเศรษฐกิจพิเศษเป็นการแย่งรายได้ที่ประชาชนในพื้นที่เดิมพึงได้รับเพราะไม่มีบทบัญญัติใดๆเลยที่กำหนดให้เขตเศรษฐกิจพิเศษต้องกระจายความมั่งคั่งแก่คนในพื้นที่โดยการเลือกจ้างคนในพื้นที่ก่อน ดังนั้นเมื่อคนในพื้นที่เดิมถูกกันออกจากแหล่งทรัพยากรที่เคยใช้สอยมาเป็นเวลาชั่วอายุคนจึงถูกบีบคั้นจากปัญหาที่ทำกินเดิมและการจ้างแรงงานที่ไม่เป็นธรรมย่อมกลายเป็นปัญหาต่อสังคมได้หากไม่ได้รับการปฏิบัติที่เป็นธรรม
5. การเยียวยาปัญหาที่เกิดขึ้นต่อชุมชน
เนื่องจากการบริหารจัดการภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษเป็นไปโดยคณะกรรมการบริหารที่กำหนดให้มีผู้แทนจากชุมชนเพียงสองคนในจำนวนคณะกรรมการสิบคน ทำให้ผู้แทนจากชุมชนเป็นเพียงเสียงข้างน้อยที่จะลงความเห็นในเรื่องต่างๆ ลำพังการกำหนดพื้นที่ให้เป็รเขตเศรษฐกิจพิเศษสามารถทำได้โดยพระราชกฤษฎีกาที่เป็นเครื่องมือของฝ่ายบริหาร โดยไม่จำเป็นต้องผ่านการตรวจสอบของรัฐสภา ย่อมทำให้ประชาชนขาดความมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ดังนั้นหากเกิดปัญหาขึ้นภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษจึงไม่มีหลักประกันที่แน่ชัดว่าปัญหาดังกล่าวจะได้รับการเยีวยาอย่างแท้จริง
สรุป
แนวความคิดเรื่องเขตเศรษฐกิจพิเศษนั้นเป็นแนวความคิดที่ดีที่ส่งเสริมให้มีการลงทุนโดยเฉพาะการลงทุนจากต่างชาติ แต่ทั้งนี้ต้องไม่ลืมคำนึงถึงวิถีชีวิตของชุมชนที่อยู่ภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษแต่ละแห่ง การจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษจำเป็นต้องให้ข้อมูลที่เป็น"จริงในทุกกรณี" และ "สามารถตอบทุกข้อสงสัย" ของประชาชนในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียงได้ และจำเป็นต้องสร้างมาตรฐานของการรับฟังประชาพิจารณ์ ประชาชนในพื้นที่อาจจะต้องถอยหรืออ่อนข้อลงบ้างในบางประเด็นที่สามารถรับได้เพื่อให้เศรษฐกิจโดยรวมสามารถพัฒนาต่อไปได้ และเขตเศรษฐกิจเองก็พึงคำนึงถึงข้อเรียกร้องที่มีต่อชุมชนว่าเหมาะสมหรือไม่เพียงใด.
แล้วจะมีการวิเคราะห์ข้อดีของเขตเศรษฐกิจพิเศษไหมคะ
มีแน่นอนครับอาจารย์ แต่ต้องกั๊กๆไว้ก่อน ผมว่าผมชอบเรื่องนี้เข้าไปทุกทีแล้วหล่ะครับ ยังไม่รู้ว่าผลสุดท้ายจะออกมาในลักษณะใด บางทีผลงาน 8 เรื่องของผมอาจจะผนวกรวมเข้าเป็นเรื่องเดียวกันก็ได้ครับ ท่าทางน่าจะดี โดยถือเอาเรื่องเขตเศรษฐกิจเป็นที่ตั้ง
ไปค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมได้เยอะแยะเลย ตั้งแต่ประวัติ แนวคิด รวมถึงการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษในภูมิภาคต่างๆของเอเซีย . . . เอ๊ะ ทำไมถึงไม่ทั้งโลก อืมมันมีที่มาที่ไป ไว้เอามาเล่าต่อครับ
ปล1. ขอบคุณโปรแกรม MindManager ของพี่ฉัตชัยมากๆครับ ช่วยให้นอตจัดการระบบความคิดได้ดีขึ้นมากทีเดียว
ปล2. ขอบคุณเปามากครับที่เข้ามาชม (รูป)
เห็นว่าเศรษฐกิจพิเศษนั้นแม้จะเป็นสิ่งที่ดีในแง่การเพิ่มมูลค่าทางตัวเงิน มากว่าที่จะมองว่าในระยะยาวชุมชนจะอยู่อย่างไร หรือว่ามีมาตรการเชิงนโยบายหรือกฎหมายมารองรับชุมชนที่ได้รับผลกระทบหรือไม่
ทางที่ดีที่สุดน่าจะมีการทำการสำรวจความต้องการพื้นฐานที่ชุมชนตามสิทธิที่ควรจะได้รับ โดยรัฐต้องพิจารณาควบคู่กับค่านิยมทางวัฒนธรรมและภูมปัญญาท้องถิ่นดั้งเดิมของชุมชนประกอบด้วย ซึ่งเป็นสิทธิชุมชนที่ได้รับการรองรับตามรัฐธรรมนูญ...ก็น่าแปลกเหมือนกันนะคะที่ว่ามีแต่ทางทฤษฎีที่ดี แต่ทางปฏิบัติไม่วาใครเป็นรัฐบาลก็ไม่ค่อยมีชุดไหนให้ความสำคัญสิทธิชุมชนเท่าที่ควร ดังนั้นคงเป็นน่าที่ของเราแล้วล่ะค่ะที่จะต้องคิดต่อยอดขึ้นไป...รอพี่นอตเขียนต่อนะคะ....
ผมนึกถึงนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษของจีน (หากจะนึกถึงข้อดี)
แต่กรณีจีนผิดฝาผิดตัวอย่างยิ่ง กับกรณีไทย ทั้งการเมือง ทัศนคติของรัฐบาล ประวัติศาสตร์ เราแตกต่างกันเสียเหลือเกินที่จะมาเปรียบเทียบให้เห็นข้อดี กับการที่จะนำมาสนับสนุนกับพ.ร.บ.นี้
ถึงแม้เขตเศรษฐกิจพิเศษของจีนนั้นจะเป็นประโยชน์และมูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาลให้กับจีน ถึงกับมีคำกล่าวกันว่าหากมาเซี่ยงไฮ้ ปีหน้ามาเมืองก็แทบจากหน้ามือเป็นหลังเท้า เพราะตึกสูงการก่อสร้างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทุกวัน และคงสืบเนื่องมาจากที่เอกชนมิสามารถถือครองกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ได้(ได้แต่เช่าเป็นระยะเวลานาน) ทำให้การขับเคลื่อนนโยบายของรัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
มังกรกำลังผงาด อดีตเสือตัวที่ห้าของเอเชียกำลังกระพร่องกระแพร่งอยู่ในทางสองแพร่งที่น่ากลัว อยู่ที่ประชาชนเท่านั้นที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลง อย่าคาดหวังจากฟ้า จากผู้มีอำนาจใดทั้งหลาย ต่อสู่กับความ "มิชอบ" ในบ้านเมืองโดยการรู็จักและลดการทำสิ่งเสียหายที่เกิดโดยตนเองแค่นั้น (ในเรื่องทัศนคติ-เพราะผมพยายามมากๆแต่ก็้รู้็้ว่าเป็นเรื่องยากเหลือเกิน)
แพประกอบด้วยไม้ฉันใด นาวาไทยแห่งนี้ก็ประกอบด้วยพวกท่าน
อ่านแล้วนะค่ะ