ข่าวด่วน... เมื่อสองตัวป่วนปรากฏตัวขึ้นในงานมหกรรม KM ราชการไทย ก้าวไกลสู่ LO ที่โรงแรมมิราเคิล มีอาวุธครบมือคอยตักตวงประสบการณ์ และกระเป๋าสตางค์ที่ถูกทิ้งขว้าง (ฮ่ะ..ล้อเล่นนนนน)
2 ตัวป่วน
มหกรรม KM ราชการไทย ก้าวไกลสู่ LO ครั้งนี้
ทำให้เข้าใจตัวเองมากขึ้น และเข้าใจใครต่อใครมากกว่า สอนให้คิดว่าประสบการณ์ชีวิตไม่ได้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบ (เพราะมันอาจมีหนามแหลมคมติดมาด้วย)
20 ก.ค. 49 ประวัติศาสตร์ต้อง (เสียเวลา) จารึกไว้สักนิดว่า เป็นเวลาแห่งการเริ่มต้นความประทับใจของสองตัวป่วน ยอมรับว่า เราตื่นเต้นช่วงบ่ายถึงเย็นขยันมาก เดินไปมากว่าพันเที่ยว ต้องหยิบนั่น ลืมทำนี่ต้องรีบทำ เดี๋ยวไม่ทันเอา เดี๋ยวไม่ได้นอน (ยังแอบหวังว่าจะได้นอนนะเนี่ย) แผนงานที่เตรียมมาต้องรอโรงแรม รอแล้วรออีก นัดเราห้าโมงเย็น เข้าเตรียมการได้ แต่โรงแรมกลับมีงานถึงห้าทุ่ม โอ้พระเจ้ายอดมันจ๊อดมาก....แล้วเราจะได้ทำตามแผนงานกับโรมแรมเมื่อไหร่เนี่ย...
คำตอบสุดท้าย คือ ก็ห้าทุ่มนั่นไง
แต่ก่อนอื่นช่วงหัวค่ำต้องช่วยกันจัดถุงเอกสารจำนวน 800 ชุด ซะก่อน ว่าแล้วก็นั่งเรียงกันคล้าย Hell Factory เลยทีเดียว (ไม่เชื่อ...เชิญดูภาพได้คะ)
ยังยิ้มได้ ^0^
นับ stock
สามัคคีคือพลัง
เธอ....สวย
เห็นแล้วใช่มั้ยคะว่า สามัคคี ชนะเลิศคร๊า
ถุงเอกสารเรียงแถวรอเปลี่ยนมือพรุ่งนี้เช้าอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
เมื่อภาพปรากฏจะเห็นความแตกต่างระหว่างกรรมกรและวิทยากรได้อย่างชัดเจน (เรามีภาพ Before & After คะ)
After
งานถัดมา (ไม่มีแววว่าจะเสร็จสิ้นเมื่อไหร่) และแล้ว..ก็มีคำถามตามมาว่า ทำไม Backdrop ยังไม่ขึ้น, แล้วช่างเสียง ช่างแสง เจ้าหน้าที่ชุดที่ต้องดูแลเราตลอดงานอยู่ไหน...โรงแรมบอกว่าไม่มา....โอ๊ย....ช่างเถอะ....ช่างมัน....
เชื่อหรือไม่ ข้าวไก่ คาราเกะ ช่วยต่อชีวิตยามค่ำคืนให้หยัดยืนได้อย่างทรนง (ขอบคุณน้องเก๋ ที่สรรหาเมนูชูพลังมาให้ ถูกปาก ถูกใจทุกคนถ้วนหน้าค่ะ)
แล้วเสียงเลขาฯ เราก็ดังก้องขึ้นในหู
พี่แอนน์ : น้องอ้อ..เทสต์คอมฯ กับ โปรเจ็คเตอร์หรือยัง?
พี่แอนน์ : น้องนุ่น..เตรียมโต๊ะลงทะเบียนหรือยัง?
พี่แอนน์ : น้องอ้อ..ลองเอา DVD มาทดลองเปิดดูหรือยัง?
พี่แอนน์ : น้องนุ่น..จัดถุงเอกสารไปได้เท่าไหร่แล้ว?
พี่แอนน์ : น้องอ้อ..โรงแรมขึ้นมาเทสต์เสียง แสงหรือยัง?
พี่แอนน์ : น้องนุ่น..เตรียมของรางวัลให้วิทยากรหรือยัง?
ฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯลลลลลลลลลลลลลลลฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯ
เมื่อ Hot News ทางไอทีวีจบไปได้กว่า 3 ชั่วโมง ท้องเริ่มร่ำร้องหาอาหารอะไรก็ได้ที่ทำให้เราตาสว่าง ในที่สุดก็พบเข้าจนได้
ในมุมมืดหน้าห้อง Guest Room มีกองอะไรก็ไม่รู้....วางอยู่
พี่แอนน์ : น้องอ้อ..นั่นขยะรึเปล่า มาดูสิ (บอสส์เดินจูงมือไปดูพลางพูดว่า "เราต้องทำให้ทุกซอกทุกมุมของงานสะอาด แม้จะเป็นเบื้องหลังก็ต้องทำ" พูดไปเก็บขยะไป)
พี่แอนน์ : น้องอ้อ..นี่ขนมปังสังขยานี่ (ว่าแล้วหยิบขึ้นมาดมพิสูจน์) ว๊า...บูดแล้ว น่าเสียดายถ้าไม่บูดจะได้เก็บไปให้เด็กๆ แถวบ้าน (เด็กๆ ในที่นี้หมายถึง คุณโฮ่งลายหมากรุกนะคะ แล้วก็คุ้ย..เอ๊ย...ค้นไปเรื่อยๆ ปรากฏ....)
พี่แอนน์ : น้องอ้อ...นี่มะขามคลุกบ๊วยนี่ ยังไม่ได้แกะถุงเลยด้วย เสร็จเรา เป็นอาหารแก้ง่วง ใครนะ..ช่างมาทิ้งไว้ได้ 555555 (หัวเราะร่วน)
เมื่อเราพยายามนั่งทบทวนงานว่า เป็นไปดั่งที่ตั้งใจไว้หรือไม่ ทันใดนั้นไฟด้านนอกก็ดับ....พลึ่บ.....มีเพียงความมืด และความง่วงเท่านั้นที่เข้ามาทักทายเรา
แต่แล้วก็มีเสียงดังขึ้นที่ข้างนอก
พี่แกบ : นุ้ย...ทำไมสก็อตเทปที่ดึงมามันยาวจังง่ะ ดูเด่ะ..ม้วนด้วย แล้วจะติดได้ยังไง?
น้องนุ้ย : (หัวเราะ) มองไม่เห็นพี่มันมืด เอาใหม่พี่ เอาใหม่...(ใจเย็นมาก)
ทันใดนั้นก็มีแสงสว่างจากกระบอกไฟฉายของยามเวรผู้ใจดี (จริงๆ แล้วอาจจะทนดูเราทำงานกันท่ามกลางความมืดไม่ไหว) ส่องไปที่มือของน้องนุ้ยขณะที่ดึงเทปกาวใสออกมา และส่องไปที่พี่แกบตอนที่ติดตัวอย่างปกหนังสือไปที่บอร์ด (ช่างรู้ความจริงๆ) เป็นอย่างนี้อยู่นาน จนภารกิจเราเสร้จ ก็ขอบคุณกันไปตามระเบียบ เปลือกตามันก็พยายามจะห้อยย้อยลงมาหาขอบตาเบื้องล่างทุกเวลา ประหนึ่งว่า อยู่ห่างไกลกันมากว่า 3 ชาติภพ ต้องโผเข้ากอดกันให้เต็มที่ แต่เราก็ต้องขัดขวางมันให้ถึงที่สุด แต่ไม่สำเร็จเมื่อพระจันทร์ออกมาส่องไฟฉายและไล่เราไปนอนตอนตี 2 นั่นคือเช้าวันที่ 21 ก.ค. 49
ถึงห้องเที่ยงคืนนิดๆ นอนครึ่งหลับครึ่งตื่น เหมือนระแวงว่าอันตรายจะมาเยือนเมื่อฝ่ายหนัง
เฮ้ยยยยยยยยยย.....ตื่น ตี 5.50 แล้ว
สะดุ้งโหยง....รู้สึกคล้ายมีใครเอาไม้แหลมๆ มาแทงเข้าที่แก้วหูอย่างแรง
(ติดตามต่อวันพรุ่งนี้)
ไม่มีความเห็น