เพิ่มผลผลิตมันสำประหลังโดยการใช้ฮอร์โมนไข่และฮอร์โมนหน่อกล้วย
นางวันเพ็ญ สิงห์สร้อย อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่189 หมู่ที่ 1 ตำบลสักงาม อำเภอคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร เป็นเกษตรกรดีเด่นสาขาไร่นาสวนผสม ระดับจังหวัด ประจำปี 2553 ของจังหวัดกำแพงเพชร นอกจากมีผลงานเด่นในเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียงแล้ว ยังเป็นแบบอย่างที่ดีในเรื่องการเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุนการปลูกมันสำประหลัง
คุณวันเพ็ญ เล่าว่า แต่เดิมทำมันสำประหลังได้ผลผลิตไร่ละประมาณ2-3 ตัน ต้นทุนก็สูงเพราะต้องซื้อปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลงมาใช้ ทำให้ได้กำไรน้อย จึงหาวิธีเพิ่มผลผลิตมันสำประหลัง โดยการผลิตฮอร์โมนไข่ ฮอร์โมนหน่อกล้วย และน้ำมันพืชที่เหลือใช้มาผสมกันฉีดพ่นทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นเป็นไร่ละ 6 - 8 ตันต่อไร่โดยก่อนปลูกรองก้นหลุมด้วยปุ๋ยอินทรีย์เท่านั้นและที่ผ่านมามีการระบาดของเพลี้ยแป้งแปลงของตนเองก็เสียหายประมาณ 20 เปอร์เซนต์ ทั้งที่ตนเองไม่ได้ใช้สารเคมีใดๆทั้งสิ้น สาเหตุที่นำไข่มาผลิตฮอร์โมนเพราะตนเองนำไข่แดงมาเลี้ยลูกกบผลปราฏว่ากบเจริญเติบโดดีและแข็งแรง ดังนั้นจึงคิดว่าถ้านำมาใช้กับมันสำประหลังน่าจะให้ผลดี จึงได้นำมาทดลองใช้ ซึ่งได้ผลดีกว่าที่คิดไว้ต้นมันสำประหลังเจริญเติบโตดีแข็งแรงไม่ค่อยมีโรคแมลงรบกวน และได้ทำติดต่อกันมา 5 ปีแล้ว
สูตรฮอร์โมนไข่
ไข่ไก่ทั้งเปลือก 1 กก.ผสมกับแป้งข้าวหมาก 1 ส่วน 4 ลูก ยาคูล์1ขวด น้ำตาลโมลาส 1 กก. นำมาผสมกันคนให้เข้ากันและคนทุกเช้าเย็น ใส่ถังไว้ในที่ร่มถ้าข้นมากไปให้ใช้น้ำมะพร้าวอ่อนเติม คนทุกวันจนครบ 15 วัน กรองเอาเปลือกไข่ออก นำไปฉีดพ่นโดยฮอร์โมนไข่ 25 ซีซี จุลินทรีย์หน่อกล้วย 25 ซีซี น้ำมันพืชที่ใช้แล้ว 1 ช้อนแกง ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นมันสำประหลังตั้งแต่อายุ 1-7 เดือน โดยฉีดทุก 7 วัน ฉีดพ่นในช่วงเช้ามืดหรือช่วงเย็น น้ำมันพืชจะไปเป็นตัวช่วยให้ฮอร์โมนจับใบและทำให้ใบเป็นมันแมลงไม่ชอบ นอกจากนี้จุลิทรีย์หน่อกล้วยยังช่วยในการกำจัดเชื้อราพวกราน้ำค้าง ราแป้ง ราสนิมไม่ให้เข้าทำลายส่วนต่างๆของต้นพืช จุลินทรีย์หน่อกล้วยก็ทำไม่อยาก นำหน่อกล้วยทั้งเหง้าต้นสูง 1 เมตรมาสับให้เป็นชิ้นเล็กๆมาผสมกากน้ำตาล คนให้ทั่วไม่ต้องเติมน้ำทิ้งไว้ 15 วันโดยคนทุกวัน คั้นเอาแต่น้ำ นำไปผสมกับจุลินทรีย์ไข่ ฉีดพ่นเพิ่มผลผลิตมันสำประหลังได้ โดยไม่ใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมี ปัจจุบันมีเกษตรกรในหมู่บ้านและอำเภอคลองลานนำไปปฏิบัติกันหลายสิบราย ปัจจุบันแปลงมันสำประหลังของคุณวันเพ็ญเป็นแหล่งเรียนรู้ของชุมชน