นิวซีแลนด์ดินแดนในฝัน...ที่เป็นจริง
ผู้เขียนได้มีโอกาสเดินทางร่วมกับคณะกรรมการคุรุสภาและผู้แทน
ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของกระทรวงศึกษาธิการจำนวน
22
คน
ไปศึกษา-ดูงานด้านการศึกษา ณ
ประเทศนิวซีแลนด์ รู้สึก
ประทับใจในประเทศนิวซีแลนด์ที่ยังคงรักษาความบริสุทธิ์ของธรรมชาติและศิลปวัฒนธรรมดั้งเดิมของเผ่าเมารีไว้ได้อย่างมั่นคง
จึงตั้งใจนำมาบอกเล่าสู่กันฟังครับ
นิวซีแลนด์
ได้ชื่อว่าดินแดนเปี่ยมมนต์เสน่ห์แห่งขั้วโลกใต้
ที่เลื่องชื่อเรื่องความงดงามทางทัศนียภาพอันหลากหลาย
ไม่ว่าเกาะเหนือหรือเกาะใต้ท่านที่เคยเรียนภูมิศาสตร์พอจะทราบว่านิวซีแลนด์ประกอบด้วยเกาะใหญ่ๆ
3 เกาะ และเกาะเล็กเกาะน้อยอีกจำนวนมาก
ตั้งอยู่ในเขตมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ที่เส้นละติจูด 34-47 องศาใต้
มีความยาวตั้งแต่เหนือจรดใต้ 1,600 กิโลเมตร มีพื้นที่ 268,680
ตารางกิโลเมตร เกาะใหญ่ที่อยู่บนสุดเรียกว่าเกาะเหนือ
(North
Island)
เกาะถัดมาเรียกว่าเกาะใต้ (South
Island)
และเกาะปลายล่างสุดชื่อเกาะสจ๊วร์ต (Stewart
Island)
เกาะใหญ่ทั้งสองเกาะมีรูปร่างยาวจึงทำให้ไม่มีพื้นที่ส่วนใดเลยที่อยู่ห่างชายฝั่งทะเลเกิน
110 กิโลเมตร ดินแดนที่อยู่ใกล้นิวซีแลนด์มากที่สุดคือทวีปออสเตรเลีย
นิวซีแลนด์คือประตูสู่ขั้วโลกใต้และทวีปแอนตาร์กติก
พื้นที่ทางตอนเหนือส่วนใหญ่เป็นที่ราบและภูเขา
นอกจากนั้นยังมีลักษณะพิเศษแบบฟยอร์ด (Fjord)
ตามชายฝั่งทะเลตอนใต้อีกด้วย
ลักษณะอากาศของนิวซีแลนด์จะเหมือนกับยุโรปตอนใต้
แต่ทว่าฤดูกาล
จะกลับกัน เกาะเหนือจะมีอากาศอบอุ่นกว่าเกาะใต้
และยิ่งใต้เท่าไหร่จะยิ่งหนาวลงเป็นลำดับ
เดือนที่หนาวที่สุดของนิวซีแลนด์คือ เดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม
(อุณหภูมิเฉลี่ย 10-14 องศาเซลเซียส)
เดือนที่ร้อนที่สุดคือเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์
ลักษณะภูมิอากาศของเกาะเหนือเป็นแบบกึ่งร้อนชื้น
อากาศจัดอยู่ในระดับเย็นสบายเฉลี่ยราว 15-20 องศาเซลเซียส
ส่วนเกาะใต้จะหนาวถึงกับมีหิมะปกคลุม โดยเฉพาะตอนใต้สุด
และบริเวณเทือกเขา
สำหรับประชากรของประเทศนิวซีแลนด์มีจำนวนไม่มากนัก คือราว 4.09
ล้านคนเท่านั้น 81%
เป็นชาวผิวขาว 13.8% เป็นชาวเมารี
และที่เหลือเป็นผู้อพยพชาวเอเซีย 4.5%
และชาวแปซิฟิกอื่นๆ 5.3%
เมืองใหญ่ที่สุด คือ โอ๊กแลนด์ มีประชากรไม่ถึง 1 ล้านคน
เมืองสำคัญทางเกาะเหนือ ได้แก่ โอ๊กแลนด์ (Auckland)
เวลลิงตัน (Wellington) เป็นเมืองหลวง
และแฮมิลตัน (Hamilton) ส่วนเกาะใต้ ได้แก่
ไครส์เชิร์ช (Christchurch) และ ดูนิดิน
(Dunedin)
ชาวนิวซีแลนด์ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาประจำชาติ
แต่ขณะเดียวกันภาษาพื้นเมืองเมารียังคงมีบทบาทเช่นกัน
โดยเฉพาะการใช้เป็นชื่อสถานที่
ภาษาเมารีดั้งเดิมไม่มีตัวเขียนจึงใช้ตัวอักษรของภาษาอังกฤษเขียนแทน
คำภาษาเมารีเป็นสระผสมพยัญชนะ ไม่มีตัวสะกด
คำภาษาเมารีที่ควรรู้ อาทิ
Aotearoa
(เอา เทอะ รัว) แปลว่า ดินแดนแห่งเมฆขาว
เป็นชื่อที่ชาวเมารีใช้เรียกนิวซีแลนด์
Haka
(ฮากา) คือ การเต้นรำก่อนทำศึกของนักรบเมารี
ปัจจุบันหาดูได้ในงานแสดงศิลปวัฒนธรรม
และนักรักบี้ทีมชาตินิวซีแลนด์จะเต้นฮากาก่อนแข่งขันกับทีมต่างชาติทุกครั้ง
Hangi (ฮังกิ) คือ
การเตรียมอาหารแบบเมารีด้วยการนึ่งอาหารเหนือน้ำพุร้อนในเตาที่ทำจากดิน
Heitigi
(เฮอิติกิ) หรือเรียกย่อๆว่า “ติกิ”
คือรูปสลักเล็กๆ ทำด้วยหินสีเขียวหรือไม้ นิยมห้อยไว้รอบคอ
เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดี
Pakeha
(ปาเกฮา) แปลว่า คนขาว
ชาวเมารีใช้เรียกฝรั่งผิวขาว
Haere-mai
(ฮาเอเร-มาอิ) แปลว่า สวัสดี
ยินดีต้อนรับ
Haere-ra (ฮาเอเร-รา) แปลว่า ลาก่อน
Kia-ora
(เคีย-โอรา) แปลว่า โชคดี
หรือใช้อวยพรก่อนลาจากกัน
นิวซีแลนด์ มีสกุลเงินเป็นดอลลาร์ (NZ$) 1
ดอลลาร์นิวซีแลนด์มีมูลค่าราว 23.28-23.87 บาท (25 กรกฎาคม 2549)
หน่วยย่อยของดอลลาร์ คือ เซ็นต์ ธนบัตรนิวซีแลนด์มีมูลค่า 100, 20,
10, 5, 2 และ 1 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ เหรียญของนิวซีแลนด์มีมูลค่า 50,
20, 10, 5 เซ็นต์
การติดต่อสื่อสาร ที่ทำการไปรษณีย์นิวซีแลนด์เปิดทำการเวลา
09.00-17.00 น. สามารถหาซื้อแสตมป์ บัตรโทรศัพท์ ซองจดหมาย
และอุปกรณ์ในการส่งพัสดุภัณฑ์ต่างๆได้ที่ไปรษณีย์
หากจะส่งโปสการ์ดกลับเมืองไทยต้องติดแสตมป์ 1.10 ดอลลาร์นิวซีแลนด์
ราคาโปสการ์ดใบละ 80 เซ็นต์ถึง 1
ดอลลาร์นิวซีแลนด์
ในส่วนของโทรศัพท์สาธารณะในนิวซีแลนด์เป็นโทรศัพท์ที่ใช้บัตรเป็นส่วนใหญ่
บัตรโทรศัพท์มีมูลค่า 5ล 10, 20 หรือ 50 ดอลลาร์นิวซีแลนด์
สามารถหาซื้อได้ที่ที่ทำการไปรษณีย์
หรือร้านขายของที่มีป้ายติดว่า “จำหน่ายบัตรโทรศัพท์”
หรือ “Phone Cards Available” อาทิ
ร้านขายของที่ระลึก แผงหนังสือ และปั๊มน้ำมัน
เป็นต้น การโทรศัพท์ภายในเขตเดียวกัน
จะเสียค่าโทรศัพท์นาทีละ 20 เซ็นต์
หากต้องการโทรศัพท์มาเมืองไทย โทรศัพท์สาธารณะต้องหมุน 00 + 66 +
รหัสเมือง + หมายเลขที่ต้องการ หรือ
โทรผ่านโอเปอเรเตอร์ไทยเพื่อเก็บค่าโทรศัพท์ปลายทาง (Thailand
Direct) คือ 000 966
หากจะโทรจากเมืองไทยไปนิวซีแลนด์ให้กด 001 + 64 +
รหัสเมือง + หมายเลขที่ต้องการ หรือ กด 100
เพื่อให้โอเปอเรเตอร์ต่อสายให้
เวลาของนิวซีแลนด์ต่างจากเมืองไทย คือ เร็วกว่า 5 ชั่วโมง
ในช่วงฤดูร้อน คือ
ตั้งแต่วันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนตุลาคมไปจนถึงวันอาทิตย์แรกของเดือนมีนาคมจะบวกเวลาไปอีก
1 ชั่วโมง (Daylight Saving
Time)
กว่าจะมาเป็นนิวซีแลนด์
เชื่อกันว่าชาวเมารี
(Maori)
ชนพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ในนิวซีแลนด์ตั้งแต่ 2000 ปีมาแล้ว
เป็นชนพื้นเมืองเชื้อสายโพลีนีเซี่ยนที่อพยพมาจากเอเซีย
ในปี ค.ศ.1642 (พ.ศ. 2185) นักสำรวจชาวดัตช์ชื่อ อาเบล ทาสมาน
(Abel Van Tasman)
แล่นเรือสำราญรอบทวีปออสเตรเลียและได้แวะนิวซีแลนด์
แต่ต้องพบกับชาวเมารีที่ดุร้ายและไม่เป็นมิตรซึ่งได้สังหารลูกเรือของทาสมานไปหลายคน
ทำให้ดินแดนส่วนนี้ได้รับการจารึกว่าถูกค้นพบแต่ไม่ได้รับความสนใจจากนักสำรวจอื่นๆ
จนกระทั่งในปี ค.ศ.1769 (พ.ศ.2312) กัปตันเจมส์ คุก (Jame
Cook) ชาวอังกฤษ ได้มาจอดเรือที่นิวซีแลนด์
พร้อมด้วยหัวหน้าเรือชาติฮิติที่พอจะส่งภาษากับชาวเมารีรู้เรื่องทำให้คณะของกัปดันคุกได้รับการต้อนรับอย่างดียิ่ง
กัปตันคุกพบว่าชาวเมารีเป็นชนพื้นเมืองที่มีจิตใจเป็นนักรบและกล้าหาญ
จึงทำให้การรุกรานเข้าถือครองดินแดนของชนผิวขาวที่เคยทำกับชาวพื้นเมืองในที่อื่นๆนั้นมิอาจทำได้โดยง่าย
ดินแดนริมฝั่งทะเลที่ชาวเมารีเคยครองจึงถูกซื้อโดยแลกเปลี่ยนกับอาวุธ
สิ่งของ เครื่องใช้จากยุโรป
หลังจากปักธงแห่งจักรภพอังกฤษ ณ ดินแดนแห่งนี้ ในปี ค.ศ.1840
(พ.ศ.2383)
อังกฤษได้ส่งกัปตันวิลเลี่ยม ฮอบสัน (William Hobson)
เข้ามาดูแลนิวซีแลนด์ กัปตัน
ฮอบสันได้เจรจาเกลี้ยกล่อมให้หัวหน้าเผ่าเมารี 45
คนมาทำสัญญาสงบศึกกันที่ไวตังกิ (Witangi) ในวันที่ 6
กุมภาพันธ์ ซึ่งถือเป็น “วันชาติของนิวซีแลนด์”
ในปัจจุบัน นิวซีแลนด์ยุคใหม่
ชาวยุโรปที่อพยพเข้ามาสู่นิวซีแลนด์ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20
ล้วนเป็นผู้ที่รักสงบและด้วยสภาพธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ทำให้อาชีพหลักของชาวผิวขาวที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานในนิวซีแลนด์
คือ เกษตรกรรม แม้จะมียุคตื่นทองเกิดขึ้นในช่วงสั้นๆในปี ค.ศ.1860
(พ.ศ.2403) แต่จำนวนทองที่มีไม่มากพอ
ทำให้ผู้คนไม่หลั่งไหลเข้าไปในนิวซีแลนด์มากเกินไป
จนกระทั่งการประดิษฐ์ตู้แช่เย็น ในปี ค.ศ.1882 (พ.ศ.2425)
ทำให้สามารถส่งเนื้อสัตว์ไปสู่ยุโรปได้
สร้างความมั่งคั่งให้กับเกษตรกรชาวนิวซีแลนด์ในเวลาต่อมาจนถึงทุกวันนี้
ทุกวันนี้นิวซีแลนด์มีสถานะเป็นประเทศเอกราช
แต่ยังคงอยู่ในอดีตจักรภพอังกฤษ
มีองค์สมเด็จพระบรมราชินีนาถแห่งอังกฤษเป็นประมุขในการปกครองระบอบประชาธิปไตย
โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้บริหารประเทศ ปัจจุบัน คือ เฮเลน
คลาร์ก (Helen Clark)
และผู้สำเร็จราชการแทนจากอังกฤษประจำนิวซีแลนด์คนปัจจุบัน คือ
ดาม ซิลเวีย คาร์ตไรท์ (Dame Silvia
Cartwright)
การปกครอง แม้จะมีแม่แบบเป็นรัฐสภาแบบอังกฤษ
แต่นิวซีแลนด์ใช้ระบบสภาล่าง คือสภาผู้แทนราษฎรเพียงสภาเดียว
เข้าบริหารประเทศโดยการเลือกตั้งและบริหารประเทศร่วมกับคณะรัฐมนตรีที่มีจำนวนไม่เกิน
20 คน การศึกษานิวซีแลนด์เป็นแหล่งการศึกษาที่มีคุณภาพ
และเป็นที่ยอมรับในระดับแนวหน้าประเทศหนึ่งของโลก
มีสภาพที่เหมาะสมต่อการเรียนการสอน กระตุ้นให้นักศึกษารู้จักคิด
มีเหตุมีผล รับผิดชอบต่อตนเองและสังคม
ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
ชาวนิวซีแลนด์ยินดีต้อนรับนักศึกษาจากต่างชาติ
และเปิดรับนักเรียนนักศึกษาในทุกระดับตั้งแต่ ระดับมัธยมศึกษา
วิทยาลัยอาชีวศึกษา โพลีเทคนิค วิทยาลัยครู มหาวิทยาลัย
และสถาบันสอนภาษาเอกชน
มีหลักสูตรสาขาวิชาให้เลือกมากมายมีโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาในนิวซีแลนด์ประมาณ
400
แห่ง ทั้งโรงเรียนของรัฐบาล กึ่งรัฐบาลและเอกชน
โรงเรียนแต่ละแห่ง สามารถจัดหลักสูตรการเรียนการสอนเอง แต่ต้องได้รับ
การรับรองคุณภาพจาก New Zealand Qualification Authority
(NZQA) หลักสูตรและมาตรฐานการศึกษาจึงคล้ายคลึงกัน
และมีจุดประสงค์เดียวกันคือ เตรียมความพร้อมให้นักเรียน
เพื่อสอบให้ได้ประกาศนียบัตร ระดับมัธยมศึกษาที่รัฐบาลกำหนด
นักเรียนทุกคนเมื่อจบระดับฟอร์ม 5 (ม. 5)
จะต้องสอบไล่ข้อสอบกลางของประเทศเพื่อรับประกาศนียบัตร
เรียกว่า School Certificate
และเมื่อเรียนจบฟอร์ม 6
(ม. 6)
ต้องสอบข้อสอบที่โรงเรียนเป็นผู้จัดสอบเพื่อรับ Sixth
Form Certificate
ดังนั้นการเลือกโรงเรียนจึงเป็นสิ่งสำคัญโรงเรียนมัธยมส่วนใหญ่จะรับนักเรียนต่างชาติเข้าเรียนในฟอร์ม
3
(ม.3 อายุ 13 ปี)
บางโรงเรียนรับตั้งแต่ฟอร์ม 1 (ม.1)
นักเรียนระดับฟอร์ม 3-4
ถือเป็นชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น นักเรียนจะเรียนวิชาบังคับพื้นฐาน
อาทิ ภาษาอังกฤษ สังคมศาสตร์ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สุขศึกษา พลศึกษา
ดนตรี ศิลปะ ส่วนวิชาเลือกอาจจะมี คหกรรมศาสตร์ เศรษฐศาสตร์
ภาษาต่างประเทศ นักเรียนระดับฟอร์ม 5-6
ถือเป็นชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย จะมีวิชาเลือกตามความถนัดมากขึ้น
และมีวิชาบังคับน้อยลง วิชาบังคับคือ ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์
วิทยาศาสตร์เมื่อจบฟอร์ม
5
นักเรียนต้องสอบ School
Certificate Examination ซึ่งจัดสอบโดยกระทรวงศึกษาธิการและสอบ
Sixth Form Certificate
ซึ่งโรงเรียนเป็นผู้จัดสอบเมื่อจบฟอร์ม 6
นักเรียนระดับฟอร์ม 7
เป็นนักเรียนปีสุดท้ายในระดับโรงเรียนมัธยม
นักเรียนจะต้องสอบ Bursary and Scholarship
Examinations
เพื่อใช้ผลคะแนนสอบ
ในการสมัครเข้ามหาวิทยาลัย
นักเรียนต่างชาติก็สามารถเข้าสอบได้
นักเรียนในฟอร์ม 5-6-7
ควรเลือกวิชาที่จะเป็นพื้นฐานของ
การเรียนในระดับปริญญาตรีที่ตนสนใจ เช่น สนใจเรียนปริญญาตรีด้านธุรกิจ
ก็ควรเลือกเรียนวิชาคณิตศาสตร์ สถิติ การบัญชี เศรษฐศาสตร์ เป็นต้น
ส่วนนักเรียนที่จะเรียนทางด้านวิทยาศาสตร์ก็ควรเลือก เรียนวิชา เคมี
ฟิสิกส์ ชีววิทยา เป็นต้น
ในการศึกษาดูงานครั้งนี้คณะของเราค่อนข้างโชคดีที่ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้ศึกษาดูงานหน่วยงาน
สถานศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชน จำนวน 4 แห่ง
ได้แก่1.
New
Zealand Teachers
Council 2.
Auckland
University
3.
National Institute of
studies4.
Avondale
CollegeNew
Zealand Teachers Council
หรือ
สภาครูนิวซีแลนด์
เป็นองค์การมหาชนภายใต้กำกับของรัฐบาล
อาคารสำนักงานตั้งอยู่ที่ชั้น
7 อาคาร 93 The Terrance
กรุงเวลลิงตัน
สภาครูแห่งนี้มีคณะกรรมการ จำนวน 35 คน
มาจากผู้แทนผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา 4 คน
นอกจากนั้นมาจากผู้ทรงคุณวุฒิที่รัฐมนตรีแต่งตั้ง
กรรมการคณะนี้จะมีการประชุมเป็นประจำทุกเดือน
มีหน้าที่กำหนดมาตรฐานและออกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพให้กับครูหรือผู้บริหาร
(มีเพียงใบเดียวเท่านั้นเรียกว่าใบประกอบวิชาชีพครู)
โดยเก็บค่าขึ้นทะเบียนประกอบวิชาชีพคนละ 120
NZ$
และจะมีการประเมินเพื่อต่อใบอนุญาตทุกๆ 3 ปี
หากใครไม่ผ่านการประเมินจะเปิดโอกาสให้เข้ารับการอบรมที่วิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยที่เป็นเครือข่ายการพัฒนาและจากนั้นจะมีการประเมินใหม่
โดยมีผู้ประเมินจากสภาครูร่วมกับผู้บริหารสถานศึกษาเป็นผู้ประเมิน
Auckland
University
มหาวิทยาลัยโอ๊คแลนด์ เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง
ตั้งอยู่
บนถนน Symonds
Street,
เมืองโอ๊คแลนด์
การไปศึกษาดูงานครั้งนี้ได้รับการต้อนรับจากDr.John Hope
และคณบดีคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยโอ๊คแลนด์ในการบรรยายสรุป
ซึ่งท่านคณบดีท่านนี้
เคยทำหน้าที่เป็นกรรมการสภาครูแห่งนิวซีแลนด์ก่อนที่จะโอนย้ายมาสอนที่มหาวิทยาลัยโอ๊คแลนด์
บทบาทสำคัญของคณะครุศาสตร์
ได้ให้ความร่วมมือช่วยเหลือในการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาอย่างดียิ่ง
ปัจจุบันมีนักศึกษาระดับปริญญาตรี-ปริญญาเอกประมาณ 4,000
คนNational Institute of
studies
หรือ NIS
เป็นสถาบันการศึกษานานาชาติ
ตั้งอยู่ที่อาคารชั้น 3 และ 5 เลขที่ 26-28
Hobson Street เมืองโอ๊คแลนด์
สถาบันแห่งนี้เป็นสถานศึกษาเอกชน เปิดสอนหลักสูตรระยะสั้น อาทิ
ภาษาอังกฤษ
คอมพิวเตอร์ บริหารธุรกิจ การเงินการธนาคาร
การท่องเที่ยว ฯลฯ
มีผู้อำนวยการสถาบันสุภาพสตรี
ชื่อ Mrs.Marion Kerepete-Edwards
นอกจากนั้นมีอาจารย์ผู้สอนจำนวน 11 คน
และมีนักเรียน นักศึกษานานาชาติ จำนวน 85
คน
สำหรับผู้ที่สำเร็จการศึกษาแห่งนี้จะได้รับการรับรองมาตรฐานจากรัฐบาล
New Zealand Qualification Authority (NZQA) คล้ายกับ
สมศ.ของไทยเราAvondale
College
เป็นโรงเรียนระดับมัธยมศึกษา
ตั้งอยู่บนถนน Victor Street
เมืองโอ๊คแลนด์
เปิดสอนระดับมัธยมศึกษา ฟอร์ม 1-7 โดยมี Mr.Brent Lewis
ทำหน้าที่เป็นครูใหญ่ (ผู้อำนวยการโรงเรียน)
จุดเด่นของโรงเรียนนี้ คือ
การจัดหลักสูตรการเรียนการสอนเพื่อตอบสนองความต้องการของนักเรียนที่มีความแตกต่างทางวัฒนธรรม
และฐานะทางเศรษฐกิจ
ซึ่งโรงเรียนแห่งนี้มีนักเรียนไทยไปศึกษานะดับฟอร์ม 5-7 จำนวน 3
คน แต่ที่น่ายินดียิ่งคือ ทีมงานบริหารที่นี่เป็นคนหนุ่มไฟแรง
และมีวิสัยทัศน์กว้างไกล
ทำให้การพัฒนาการศึกษาอยู่ในระดับแนวหน้าและได้รับการยอมรับว่าเป็นสถาบันการศึกษามีชื่อเสียงระดับ
Top Ten
ของประเทศเมืองและสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญนักท่องเที่ยวมักพูดเป็นเสียงเดียวกันว่านิวซีแลนด์เป็นประเทศที่มีความสงบ
น่ารื่นรมย์ด้วยธรรมชาติ
เหมาะสำหรับท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจไปเสียทุกที่
ดังเช่นทางเกาะเหนือ มีเมืองและสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ
ได้แก่โอ๊กแลนด์
(Auckland)ประวัติความเป็นมา
ชาวเมารีอาศัยอยู่ในบริเวณพื้นที่นี้มาตั้งแต่เดิม
เมื่อชาวผิวขาวเข้ามาสำรวจนิวซีแลนด์และตั้งเมืองศูนย์กลางของชุมชนที่เมืองรัสเซล
ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือ โอ๊กแลนด์เกือบกลายเป็นพื้นที่ว่างเปล่า
เพราะชาวเมารีที่ยังมีชีวิตอยู่หลังจากการสู้รบกันเองได้อพยพลงไปอยู่ทางตอนใต้
จนปี ค.ศ.1840 (พ.ศ.2383) เมื่อมีการเซ็นสัญญาสงบศึกไวตังกิ
กัปตันวิลเลียม ฮอบสัน
ได้ย้ายมาตั้งเมืองหลวงมีพื้นที่ระหว่างอ่าวไวเตมาตา
(Waitemata)
และอ่าวมานูเกา (Manukau) แห่งนี้
โดยตั้งชื่อว่าเมืองโอ๊กแลนด์ตามชื่อลอร์ด
ผู้เป็นไวซรอยแห่งอินเดีย
ในปี ค.ศ.1865 (พ.ศ.2408)
เมื่อมีคนอพยพมาตั้งถิ่นฐานที่นิวซีแลนด์มากขึ้นทั้งเกาะเหนือและเกาะใต้
เมืองหลวงจึงต้องย้ายจากโอ๊กแลนด์มาที่เวลลิงตันซึ่งอยู่ใกล้เกาะใต้มากขึ้น
แต่ความเจริญของเมืองยังคงอยู่ที่โอ๊กแลนด์จนกลายเป็นเมืองที่เจริญเติบโตมากที่สุดของนิวซีแลนด์ในปัจจุบัน
โอ๊กแลนด์ เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของนิวซีแลนด์ มีประชากรประมาณ
9 แสนคน นอกจากจะมีชาวผิวขาวอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากแล้ว
ยังกลายเป็นเมืองศูนย์กลางของชาว
โพลีนีเชียนจากหมู่เกาะทะเลใต้
ปัจจุบันมีคนเอเชียอพยพเข้าไปทำมาหากินและเรียนหนังสือเพิ่มขึ้นทุกขณะ
โอ๊กแลนด์
ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะเหนือบริเวณคอคอดของแหลมทำให้มีท่าเรือ
อ่าวจอดเรือที่ดีสองฟากฝั่งของเมือง
ตัวเมืองตั้งอยู่บนกลุ่มภูเขาไฟที่ดับแล้ว
จึงเห็นภูมิประเทศเป็นเนินเขาและเป็นหลุมเป็นบ่อของปล่องภูเขาไปอยู่ทั่วไป
แม้จะมีประชากรน้อยเมื่อเทียบกับเมืองใหญ่ๆทั่วโลก
แต่โอ๊กแลนด์ก็จัดเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในนิวซีแลนด์
เป็นเมืองที่เฉลี่ยจำนวนบ้านและรถยนต์ต่อประชากร 1
คนแล้วมีอัตราที่สูงที่สุดในโลก
โอ๊กแลนด์ได้สมญานามว่าเมืองแห่งการแล่นเรือใบ
(The City of Sails)
ซึ่งมาจากการที่มีอ่าวจอดเรือที่สมบูรณ์
และชาวเมืองนิยมแล่นเรือในวันหยุดสุดสัปดาห์
ทำให้วิวทิวทัศน์อ่าวเมืองโอ๊กแลนด์มีสีสันสวยงามยิ่งนัก
สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญในโอ๊กแลนด์ อาทิ
- ย่านดาวน์ทาวน์
ย่านกลางเมืองคือสองฝั่งถนนควีน (Queen Street)
ซึ่งเริ่มจากจัตุรัสควีนอลิซาเบธที่ 2
ตรงข้าวเฟอรร์รี่ริมอ่าวไปจนถึงจัตุรัสอาโอเทีย (Aotea Square)
และอาโอเทียเซ็นเตอร์ (Aotea centre)
- โอ๊กแลนด์โดเมน (The Auckland Domain)
อยู่ใกล้กับย่านดาวน์ทาวน์ มีพื้นที่ 80 เฮกตาร์
เป็นอาณาเขตของสวนสาธารณะ มีพิพิธภัณฑ์โอ๊กแลนด์ตั้งอยู่บนเนินเขา
- พิพิธภัณฑ์โอ๊กแลนด์ เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า
Auckland War Memorial Museum
เพราะตัวอาคารและบริเวณโดยรอบถือเป็นที่รำลึกถึงสงครามโลกครั้งที่
2 ครั้งที่นิวซีแลนด์เข้าไปมีบทบาทอยู่ด้วย
ภายในพิพิธภัณฑ์จะได้ชมคอลเล็กชั่นศิลปะ
ข้าวของเครื่องใช้ของเมารีที่ใหญ่ที่สุดในนิวซีแลนด์
รวมทั้งบ้านแบบเมารีและเรือรบซึ่งเป็นเรือไม้
ชุดแกะสลักลวดลายละเอียดยิบ
- พิพิธภัณฑ์สมุทรศาสตร์ (New Zealand
National Maritime Museum) ตั้งอยู่ริมอ่าวย่านดาวน์ทาวน์
เป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับเรือและการเดินเรือที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก-
สวนสัตว์โอ๊กแลนด์
(Auckland
Zoo) ถ้าหากต้องการดูนกกีวีตัวจริงจะหาดูได้ที่นี่
ในอาคารจะทำให้มืดเหมือนเป็นกลางคืน (นกกีวีเป็นนกที่หากินกลางคืน)
รวมถึงกิ้งก่าตูอาตาราและสัตว์อื่นๆ
- เคลลี่ ทาร์ลตัน อันเดอร์วอเตอร์เวิลด์ และแอนตาร์กติก
เอนเคาน์เตอร์ (Kelly Tarltons Underwaterworld &
Antarctic Encounter) โลกใต้น้ำของเคลลี่
ทาร์ลตัน ภายในมีสัตว์น้ำและปลานานาชนิดแหวกว่ายอยู่ในแทงค์ขนาดใหญ่
ซึ่งมีทางเลื่อนในท่อแก้วผ่านเข้าไปให้ผู้ชมได้สัมผัสชีวิตขั้วโลกใต้
ผู้เข้าชมจะได้สัมผัสการดำรงชีวิตของนักสำรวจขั้วโลกใต้
ได้ชมฝูงนกเพนกวินซึ่งอาศัยอยู่ในที่ที่มีอุณหภูมิลบ 7
องศาเซลเซียส
-
เมาท์อีเดน (Mt.Eden)
เป็นภูเขาเล็ก ความสูง 196 เมตร
เป็นจุดที่ดีที่สุดสำหรับชมวิวเมืองโอ๊กแลนด์
ข้างบนสุดมีแผ่นป้ายแผนที่บอกระยะทางระหว่างนิวซีแลนด์กับเมืองต่างๆทั่วโลกโรโตรัว
(Rotorua)
เมืองโรโตรัวคือเมืองท่องเที่ยวที่โด่งดังที่สุดในเกาะเหนือ
ตัวเมืองอยู่ริมทะเลสาบ โรโตรัว
อยู่ห่างจากโอ๊กแลนด์ไปทางใต้โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.45
ชั่วโมง โดยรถยนต์
เป็นเมืองที่มีชาวเมารีอาศัยอยู่มากที่สุด
ชื่อเสียงของโรโตรัวมาจากแหล่งท่องเที่ยวจุดใหญ่ๆที่น่าสนใจ
คือ
- โรงอาบน้ำร้อน (Bath House)
สร้างขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เพื่อใช้เป็นศูนย์บ่อน้ำแร่
ลักษณะโรงอาบน้ำร้อนเป็นสวนสไตล์อังกฤษที่สวยงามมาก
โดยเฉพาะสวนกล้วยไม้ ทำให้เพลิดเพลินใจที่ได้มาพักผ่อนที่นี่
-
ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมเมารี (The New Zealand
Maori Art&Crafts Institute/ Te
Whakarewarewa) ศูนย์ฯนี้เรียกย่อๆว่า วากา
“Whaka”
เป็นที่ตั้งของศูนย์แสดงงานฝีมือของเมารีในบริเวณที่เป็นบ่อน้ำพุร้อนและมีหมู่บ้านเมารีอยู่ด้านหลัง
-
อะโกรโดม (Agrodome)
อยู่ห่างจากตัวเมืองโรโตรัวราว 10 กิโลเมตร
ตัวอาคารที่แสดงโชว์เป็นเหมือนโรงนาใหญ่ๆ มีเวทีสูง ตั้งอัฒจันทร์
ทุกวันจะมีการโชว์ตัดขนแกะ รีดนมวัว
การใช้สุนัขต้อนแกะและบรรยายเรื่องแกะให้นักท่องเที่ยวฟัง
-
เรนโบว์ฟาร์มและเทราต์สปริงส์ (Rainbow Farm
and Trout Springs) สถานที่แห่งนี้แบ่งออกเป็นสองส่วน
ส่วนของเทราต์สปริงส์
คือบ่อปลาเทราต์ตามธรรมชาติที่ปลา
เทราต์ว่ายทวนกระแสน้ำขึ้นมาจากทะเลสาบเพื่อวางไข่และเจริญเติบโต
รอบๆบริเวณบ่อตกปลาเทราต์
เจ้าของกิจการได้ตกแต่งเป็นป่าธรรมชาติมีต้นไม้และสัตว์พื้นเมืองนิวซีแลนด์ให้ชมเตาโป
(Taupo)
ตัวเมืองเตาโปตั้งอยู่บนทะเลสาบเตาโปทะเลน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในนิวซีแลนด์
อยู่ใกล้กับต้นน้ำไวกาโต
ซึ่งเป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดของนิวซีแลนด์
นับเป็นเมืองตากอากาศที่สำคัญเมืองหนึ่ง
และเป็นสวรรค์ของนักชิมเพราะมีภัตตาคารดีอยู่หลายแห่ง
กิจกรรมที่น่าสนใจในเมืองนี้มีหลากหลาย ทั้งการล่องเรือ ตกปลาเทราต์
และการแล่นเรือเร็ว (Jet
Boating)
สถานที่ที่ขึ้นชื่อสำหรับเรือเร็วก็คือน้ำตกฮูกา
(Huga
Falls)
ซึ่งเป็นน้ำตกที่ใหญ่มาก
มีน้ำตกลงมากว่า 300,000 ลิตรต่อวินาที ทำให้เกิดเสียงดังสนั่น
ไปทั่วบริเวณเวลลิงตัน
(Wellington)
กรุงเวลลิงตัน ได้ชื่อตามดยุคแห่งเวลลิงตัน (Duke of
Wellington) ผู้พิชิต
นโปเลียนในสงครามวอเตอร์ลู
ดินแดนบริเวณนี้เคยเป็นที่อยู่อาศัยของเมารี
เวลลิงตัน
เป็นเมืองหลวงของนิวซีแลนด์ตั้งอยู่บนอ่าวทางตอนใต้สุดของเกาะเหนือ
มีความสำคัญในด้านการปกครองและเป็นจุดเชื่อมระหว่างเกาะเหนือกับเกาะใต้
มีสมญานามว่าเป็น “Windy
City”
หรือเมืองลมแรง เพราะอยู่ในจุดรับลมที่ผ่านช่องแคบคุกเข้ามา
สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญในเวลลิงตัน อาทิ
- ย่านดาวน์ทาวน์
ย่านธุรกิจก
กำลังจะไป ขอบคุณที่แบ่งปันค่ะ
ไปมาแล้วเหมือนกันแต่ได้ข้อมูลเพิ่มเติมหลายเรื่อง ดีมากค่ะสำหรับการแบ่งปันความรู้
อ.อารีวรรณ
สวัสดีครับ อ.ปฐมพงศ์
แนะนำตัวก่อนนะครับ อมรเทพ เยาวยอด ครับ รับราชการอยู่สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 11 นครศรีธรรมราชครับ และกำลังศึกษา ป.โท สาธารณสุขศาสตร์ ม.วลัยลักษณ์ ครับ และกำลังศึกษาข้อมูลประเทศนิวซีแลนด์ ของอาจารย์ดีมากครับ แต่ผมอยากได้ข้อมูลมากกว่านี้ แบบละเอียดครับ โดยเฉพาะข้อมูลระบบสุขภาพของประเทศนิวซีแลนด์ครับหรือท่านอื่นที่เข้ามาอ่านแล้วมีข้อมูลช่วยส่งให้ผมด้วยก็ได้ครับขอบคุณเป็นอย่างยิ่งครับ [email protected] โทร. 08-7282-4904
เรียน ดร.ปฐมพงศ์
ดิฉันต้องการทราบเรื่องลักษณะนิสัยของคนนิวซีแลนด์และการใช้ชีวิตในประเทศนิวซีแลนด์ ว่ามีความแตกต่า และต้องปรับตัวอย่างไรบ้าง ขอความกรุณาอาจารย์ช่วยให่ข้อมูลด้วยได้ไหมค่ะ
ด้วยความเคารพ
แนน