วันนี้มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับสมาชิกเบาหวานท่านหนึ่ง มาเล่าสู่กันฟังลองติดตามดูนะคะ เราให้คุณป้าท่านนี้เป็น แฟนพันธ์แท้ "น้ำตาลสูง" ปีที่แล้วเราได้รับสมาชิกเบาหวานใหม่ สมมุติชื่อป้ากอ นะคะ (เพราะเดี๋ยวก็จะมี ป้าขอ ป้าคอ ป้างอ......จนถึงป้าฮอนกฮูก..... ตามมาอีกเรื่อยๆ..)
ป้ากออายุ 72 ปี เป็นเบาหวานมา 5 ปี รักษาที่ GP และแพทย์ส่งเข้าคลินิกเบาหวานด้วย การคุมน้ำตาลได้ไม่ดี มี FBS ย้อนหลัง ดังนี้ .admit-345-212-238-มาER hypo-238- 336- 245-346-212-185-145- Hba1c 10-13.6)
รายละเอียดเอาแบบย่อๆนะคะ ป้ากอ หูตึง อ่านหนังสือไม่ออก เป็นข้อจำกัดของการเข้ากลุ่มเรียนรู้เบาหวานมากๆ ..หนังสือเอกสารเกี่ยวกับความรู้ ทุกอย่าง ลูกสาวป้ากอเป็นผู้รับมรดก และสนใจอ่านจนความรู้แตกฉาน และมีความกระตือรือล้นในการดูแลป้ากอเป็นอย่างมาก ป้ากอ มาร.พ พร้อมลูกสาวทุกครั้งเพราะมาคนเดียวไม่ได้ เวลาเดินต้องใช้ไม้ตะบตประจำกายมาค้ำยัน ตลอดเวลาที่เข้าคลินิก เราได้สรรหา สารพัดวิธีมาใช้กับป้ากอ เราสามารถสร้างทักษะการดูแลตนเองในเรื่องต่างๆเกี่ยวกับเบาหวานให้ลูกสาวป้ากอ จนเก่งกล้าสามารถในวิทยายุทธการดูแลเบาหวาน ผ่านไป 6 เดือน ลูกสาวป้ากอ ยิ่งมาร.พ หน้าตาเริ่มแปรผกผันกับความรู้ ยิ่งมีความรู้มาก หน้ายิ่งแก่ลง แก่ลง หน้าตาบรรจุความเคร่งเครียดไว้เต็มพิกัด (งงหละสิ..) เหตุเกิดเพราะป้ากอดื้อมาก พูดบอกไม่ได้ ไม่ฟัง ทุกอย่างที่ห้าม ป้ากอทานหมด วันนั้นประจักษ์ด้วยสายตา ด้วยผล FBS=346 mg% พอพยาบาลซักประวัติถึงข้อมูลการทานอาหารว่า ทำมาย...ทำไม น้ำตาล สูงจัง ลูกสาวป้ากอเหมือนได้พวก รีบให้ข้อมูลสนับสนุนการทานอาหารของป้ากอทันที ..... แค่เริ่มพูดว่า
" แม่นะ บอกไม่ฟัง...ง..ง...ง....."
เท่านั้นแหละ พูดไม่จบประโยคค้างไว้เท่านั้น ป้ากอหันไปตาขวางพร้อมง้าง ไม้ตะบตที่พกมา พุ่งเป้าหมายไปที่ลูกสาวทันที..... หน้าตาสื่อได้ว่า ...หยุดพูดเดี๋ยวนี้ ชั้นรำคาญ..... (เฉียด..ดิฉันไปนิดเดียว) พร้อมส่งเสียง...ฮึ่มๆๆในลำคอ พยาบาลอย่างเราได้แต่นึกในใจ ต๊าย..ย. ตาย ที่เราพรั่งพรู สารพัดจะแนะนำป้ากอแบบ non-stop ...รอดไม้ตะพต ป้ากอ มาได้ก็บุญจริงๆ.........แล้วเราก็เปลี่ยนเทคนิกใหม่... จากการประมวลผลความรู้ในเบื้องต้น ของป้ากอ และลูกสาวที่เป็นผู้ดูแล....ทำให้เราคาดว่า..ทั้งคู่น่าจะมีความรู้ในระดับที่พอเอาตัวรอดในการดูแลตนเองได้........แต่ปัญหาคือ ...ไม่ทำ .เราจึงพูดคุยและให้ป้ากอ
ตั้งเป้าหมายการควบคุมเบาหวานโดยการกำหนดระดับน้ำตาลที่คิดว่าน่าจะทำได้
ป้ากอนั่งคุ้นคิดอยู่นานมาก (เราได้แต่คิดว่า ไม่เป็นไร ยิ่งนานยิ่งดี แสดงว่าป้ากอกำลังประมวลผลการกินของแก แล้วเสียงสวรรค์ก็ตอบตกลงด้วยน้ำเสียงแบบมั่นใจว่า ครั้งหน้าเอาไม่เกิน 200 หลังจากนั้นเป็นต้นมา เราและป้ากอใช้การตั้งเป้าหมายร่วมกันมาตลอด 6 เดือน ในเดือนต่อมาเราก็เพิ่มการควบคุมระดับไขมัน และอื่นๆตามมา
สิ่งที่เปลี่ยนไป
- เราเป็นฝ่ายพูดน้อยลง
- ป้ากอถามเราและลูกสาวมากขึ้น
- ป้ากอภูมิใจในสิ่งที่ทำได้
- เป้าหมายที่กำหนดร่วมกันระหว่าง ทั้ง 2 ฝ่าย และพบกันตรงกลางที่ความพอดี สามารถทำให้เกิดผลดีทั้งของผู้ให้และผู้รับ
- และที่สำคัญไม้ตะบตของป้ากอ ไม่เป็นอันตรายสำหรับเราชาวพยาบาล คลินิกเบาหวาน มานานกว่า 6 เดือนแล้ว
สุดท้าย ผ่านมา 6 เดือน ป้ากอ มีความสุขกับเบาหวานควบคุมเบาหวานได้ตามเป้าหมาย
ข้อจำกัดของการตั้งเป้าหมายร่วมกันระหว่างผู้รับบริการและพยาบาลจากประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา 4 ปี พบว่า
1. เมื่อผ่านระยะ 6 เดือนไปแล้ว พบว่าความตั้งใจในการปฏิบัติตัวของผู้เป็นเบาหวานจะเริ่มลดลง ระดับของการควบคุมน้ำตาลจะเริ่มนิ่งและมีแนวโน้มจะสูงขึ้น เราต้องพยายามหารูปแบบแรงจูงใจอื่นมาเสริม เช่น ชมเชย หรือการสร้างคุณค่าโดยนำผู้เป็นเบาหวานรายนั้นมาเล่าประสบการณ์ให้สมาชิกฟัง (ขั้นตอนนี้ ก็ต้องมีการเตรียมความพร้อมในตัวผู้เป็นเบาหวานเช่นกัน) แต่ถ้าเราเข้าใจกระบวนการทำงาน ผลลัพธ์ที่ได้ ก็ทำให้เกิดรอยยิ้มทั้ง 2 ฝ่าย คุ้มค่า.........หายเหนื่อย
2.ผู้เป็นเบาหวานที่พยายามจะควบคุมอย่างเต็มที่แล้ว ควบคุมไม่ได้ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ จะเกิดความรู้สึกหมดหวังและท้อแท้ พยาบาลต้องมีความสามารถในการรวบรวมข้อมูล และอธิบาย ถึงเหตุผล และแนวทางแก้ไข ให้เข้าใจอย่างถูกต้อง
3.จากประสบการณ์นี้ เราพบว่าต้องมีการสร้างสัมพันธภาพระหว่างทั้ง 2ฝ่ายจนคุ้นเคยกันก่อน จะได้ผลดีกว่า เพราะเคยใจร้อนใช้ในครั้งแรกที่เจอ ปรากฎผู้รับบริการเกิดอาการงง....ยังดีที่ไม่ได้คิดว่าพยาบาลประชดจนเกิดการต่อต้าน.....
; ผู้เล่า รัชดา พิพัฒน์ศาสตร์
แม้ป้ากอ ระดับน้ำตาลไม่ดีขึ้น แต่ก็จะได้ประสบการณ์ดีดีจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อนำไปใช้ในการดูแลผู้ป่วยเบาหวานอื่น ๆ ต่อไป
ตอนนี้ป้ากอ ระดับน้ำตาลอยู่ระหว่าง 140-160 mg%
Hba1c 7.5-9 % ค่ะ