ดิฉันเพิ่งเสร็จจากการประชุม คณะกรรมการพัฒนาระบบบริหารความรู้ในองค์กร ของ มอ.มาเดี๋ยวนี้เอง ด้วยความต่างของกรรมการชุดนี้ทำให้ดิฉัน ได้เรียนรู้อะไรมากมายในรอบสองปีที่ผ่านมาและขณะเดียวกันเป็นการประชุมที่ดิฉันสรุปประเด็นการประชุมได้ยากมากถึงมากที่สุด แต่เป็นกรรมการชุดที่น่ารักที่สุดที่ดิฉันเคยสัมผัสมาเราใช้วิธีการ Dialogueกันในการประชุมทุกครั้ง ไม่มีการประชุมครั้งไหนที่กรรมการเห็นตรงกันเลยทุกคนแสดงความเห็ นที่ต่างกันมากๆการประชุมวันนี้เรากำหนดประเด็นไปในทำนองสรุปบทเรียนการทำงานของคณะกรรมการและเราควรเดินต่ออย่างไรพร้อม เคียร์concepเพื่อวางแผนการทำงานในปีหน้าอ.สุธรรม ปิ่นเจิรญ สะท้อน"เรื่องการจัดการความรู้ใน มอ. ผมเปรียบเหมือนโมเลกุลกำลังเคลื่อนเต็มที่แล้วตอนนี้ เป็นความรับผิดชอบของเราที่ต้องเดินหมากดีๆ" เรามาตั้งหลักว่าเพื่อพัฒนางานณ วันนี้ผมขอพูดว่าองค์กรของเราต้องใช้ tacit knowledgeในการบริหารอย่างมากทุกวันนี้เรามีแต่explicit knowledge อยู่เต็มองค์กรไปหมด explicit knowledge ผมว่าจะพาองค์กรไม่รอด"
คุณเอื้อของเรา อ.วรัญ ตันชัยสวัสดิ์ แสดงความเห็นว่า "ปีที่ผ่านมาผมมองเห็นศัพท์แสงต่างๆ ที่เป็นภาษา KM ในมุมของผม ผมมองว่าอาจเป็นอุปสรรคให้เข้าไปถึง"ใจ"คนร่วมกระบวนการได้เหมือนเป็นกำแพงอีกชั้นคือก่อนทำ KM เขาเหล่านั้นต้องมาทำความรู้จักกับศัพท์แสงเหล่านั้นเสียก่อน ผมรู้สึกอย่างนั้น" ใจผมอยากให้เราเข้าใจตรงกันว่าเรามีหน้าที่ร่วมพัฒนางานของเราให้ดีขึ้นทุกวัน โดยพยายามจัดเวทีให้สำหรับเรียนรู้ เรียนลัด ง่ายๆ และหาได้ง่ายทัวไปในองค์กร" เตรียมคนจับประเด็นเก่งๆ จากวงต่างๆให้มีอยู่ทั่วไป" ช่วงท้ายของการประชุมมีคนเปรียบเปรยว่า วงจรแห่งความสำเร็จของ เดมมิ่ง (P D C A) ที่แท้คือ ฉันทะ วิรยะ จิตตะ วิมังสา ของเรานั่นเอง และเครื่องมือสำคัญของการจัดการความรู้ คือ สุ จิ ปุ ลิ วันนี้ดิฉันมีความสุขมากจากการประชุม ดีใจที่ "สูงสุดคืนสู่สามัญ" ซะทีค่ะ
เข้ามาตามอ่านไม่ผิดหวังเลยคะ...
ได้ข้อคิด...และนึกไปถึงองค์กรเล็กๆ ของตนเองไปด้วย...
แล้วคุณแม่..ประชุมเสร็จแล้วอย่าลืมไปรับน้องปลานะคะ...
ดีเเล้วครับ
พระเจ้าอวยพรนะ
บายๆ