จากปัญหาความไม่สงบทางการเมืองได้ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจไทยในเรื่องต่างๆ คือ
ความไม่สงบทางการเมืองทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจลดลงส่งผลให้ภาคเอกชนชะลอการบริโภคและการลงทุนออกไป ทำให้ภาครัฐต้องใช้นโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้ระบบเศรษฐกิจไทยมีเสถียรภาพและเติบโตด้วยความมั่นคงโดยดำเนินการผ่านแนวนโยบายดังนี้
แนวโน้มการลงทุนในปี 2549
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) คาดว่าแนวโน้มการลงทุนภาคเอกชนในปี 2549 ขยายตัวต่อเนื่องแต่จะขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวลงจากปีก่อน จากประมาณการเศรษฐกิจของ สศค. ณ เดือน พฤษภาคม 2549 คาดว่าการลงทุนจะขยายตัวร้อยละ 2 ต่อปี สาเหตุของการชะลอตัวลง เนื่องจากการใช้จ่ายภายในประเทศชะลอตัวโดยเฉพาะการลงทุนในหมวดก่อสร้างซึ่งสอดคล้องกับการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ และราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องเป็นปัจจัยเสี่ยงที่กดดันต่อการชะลอการใช้จ่ายภายในประเทศและการชะลอการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกให้ลดลงซึ่งส่งผลกระทบกับภาคธุรกิจที่ตัดสินใจชะลอการลงทุน
แม้แนวโน้มการลงทุนในปี 2549 จะขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวลงจากปีก่อน แต่การขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในปี 2549 คาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 4.5 ต่อปี สูงขึ้นจากปีก่อน ที่ขยายตัวร้อยละ 4.4 ต่อปี เนื่องจากสินค้าส่งออกที่สำคัญได้แก่ สินค้าอิเล็คทรอนิกส์ มีแนวโน้มขยายตัวดี และมีการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศมากขึ้น
ดังนั้นผู้เขียนมีความเห็นว่าเพื่อให้เศรษฐกิจของไทยมีการขยายตัว ภาครัฐจึงต้องใช้นโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้ระบบเศรษฐกิจของไทยเติบโตแบบมีเสถียรภาพและมีความยั่งยืนในระยะยาวโดยใช้นโยบายด้านการเงิน และด้านการคลัง เข้ามากระตุ้นเพื่อให้มีการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และเตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกได้ทุกเวลา เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจดังเช่นในช่วงปี พ.ศ.2540 ซึ่งถือเป็นบทเรียนสำคัญของประเทศไทยที่จะต้องเตรียมสัญญาณเตือนทางเศรษฐกิจในด้านต่างๆ เพื่อบอกเหตุล่วงหน้าเพื่อภาครัฐจะได้รีบป้องกันก่อนที่จะเกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจเฉกเช่นเดียวกับในอดีต
หนังสืออ้างอิง : ประมาณการเศรษฐกิจไทย 2549
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง www.fpo.go.th