"จงเป็นตัวของตัวเอง" ... พูดง่าย แต่ทำได้ยากนะครับ เพราะรอบข้างตัวเรานั้นต่างก็เต็มไปด้วย "การถูกวางเงื่อนไข Conditioning)" ในรูปแบบต่างๆ กัน ถ้าเราไม่เป็นไปตามนั้น ... พ่อแม่ก็บอก (ขู่) ว่า จะไม่รักเรา ... ครูบาอาจารย์อาจจะมองว่า เราไม่ได้เป็น "เด็กดี" (เพราะทำหน้าที่ไม่ครบ 10 ข้อ ตามเพลงเด็กเอ๋ยเด็กดี) ก็ได้
...ทำให้ผมนึกไปถึงความรู้สึกเมื่อเย็นวันเสาร์ที่ผ่านมาตอนที่ดูรายการ "ทศกัณฑ์เด็ก" ซึ่งถือว่าเป็นรายการโปรดของผม เพราะผมมีความชื่นชม "น้องเดียว" เป็นอย่างมาก น้องเดียวทำให้ผมได้เห็น "ความเป็นเด็ก" ได้เห็นความบริสุทธิ์ ไร้เดียงสา การใช้ปฏิภาณไหวพริบของเด็กตัวน้อยๆ ด้วยวัยเพียง 5 ขวบ ได้เห็นถึงการแก้ปัญหาของเขา เห็นความมุ่งมั่นในการที่จะไปให้ถึง 200 หน้า เห็นคุณสมบัติที่เรียกได้ว่าเป็นตัวของตัวเองอย่างชัดเจน
...แต่วันเสาร์ที่ผ่านมานี้ เท่าที่เห็นผ่านจอทีวี ผมเห็นว่าผู้ใหญ่ได้เริ่มวาง "เงื่อนไข" ให้กับเขา ...ทำให้เขาต้องระมัดระวังตัวยิ่งขึ้น แม้ในคำตอบที่ใสซื่อที่พูดว่า อาจารย์แม่ "ไม่สวย" ทำให้น้องเดียวได้รับบทเรียนไปเต็มๆ ว่า ทีหน้าทีหลังก่อนจะตอบอะไร คงต้องชั่งใจดีๆ เดาใจไว้ด้วยว่าผู้ใหญ่ต้องการคำตอบอะไร เพราะในสังคมนี้เงื่อนไขอีกมากมายที่เขาจะต้องได้พบ
และที่ซ้ำร้ายก็คือ "เงื่อนไข" ต่างๆ เหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่สังคมตั้งให้ ครูบาอาจารย์ตั้งให้ หรือแม้แต่ที่มาจากพ่อแม่ของเราก็ตาม...ล้วนมาในนามของความรัก ความปรารถนาดีที่มีต่อเราทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้ ทำให้คนส่วนใหญ่อยู่ในสภาวะที่เรียกได้ว่า "กลืนไม่เข้า คายไม่ออก" ...ถ้าแหกเงื่อนไข ก็จะกลายเป็นคนไม่ดี (ในสายตาของพ่อแม่ ครูอาจารย์ หรือสังคม) ... แต่ครั้นทำตามเงื่อนไขก็อาจจะไร้ซึ่งความสุข
การเป็นตัวของตัวเองนั้น ไม่ได้หมายความว่า จะทำอะไรๆ ก็ได้ ตามใจชอบนะครับ ใครที่เคยอ่านหนังสือที่ผมแปล ฉบับที่ชื่อว่า "หลุด - freedom" คงจะจำประโยคที่ว่า "อิสรภาพ ต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบ" ได้ดี เพราะ osho เน้นเรื่องนี้มากเหลือเกิน
การที่เราเติบโตมาพร้อมกับเงื่อนไขและความคาดหวังเหล่านี้ ทำให้เราไม่ได้มีโอกาสที่จะรู้สึก (ลึกๆ) ว่า แท้ที่จริงแล้ว "เราต้องการอะไรกันแน่?" เราไม่มีโอกาสได้ยินเสียงเล็กๆ ที่อยู่ภายในใจ (Heart) ของเราเลย เพราะเสียงเล็กๆ ที่ว่านี้ ถูกเสียงมากมายในหัว (Head) ของเรา บดบังเสียจนหมดสิ้น จิตวิญญาณและศักยภาพที่แท้จริงของเรา ไม่มีโอกาสที่จะได้ปรากฏขึ้นมาเลย
ถึงวันนี้ผมเริ่มเข้าใจคำว่า "ปล่อยวาง" บ้างแล้วครับ การปล่อยวาง มิได้หมายความว่าให้เพิกเฉย หรือ เฉยเมย เพราะหากเราทำเช่นนั้น อาจจะเข้าข่าย "ประมาท" ก็ได้ ซึ่งใครก็ตามที่เป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้า คงจะเข้าใจดีว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ท่านเตือนให้เราระมัดระวังมากที่สุด ดังจะเห็นได้ว่า แม้ในปัจฉิมโอวาท ท่านก็ได้เตือนพวกเราให้ใช้ชีวิตโดยไม่ประมาท (ให้มีสติ) การปล่อยวางที่ผมเข้าใจในขณะนี้ คือ การปล่อยวางความคิด เพื่อจะเปิดพื้นที่ให้กับสิ่งที่เรียกว่า "ปัญญาญาณ (intuition)" ได้มีโอกาสทำงานหรือผุดขึ้นมา เหมือนกับที่ osho ได้เสนอไว้ในหนังสือ "ปัญญาญาณ" ครับ
ต่อยอดความิดเกี่ยวกับ ปัญญาญาณ ของท่าน osho ได้ที่เว็บไซต์ของ OSHO ที่ www.osho.com
วิชิต
สวัสดีท่านอาจารย์หมอ JJ ที่แวะมาเยี่ยมเยียนเป็นประจำ ....ขอต้อนรับคุณ Panda กลับสู่ Fan club ครับ ....ขอบคุณ คุณ wichit.c ที่ได้ให้ข้อมูลเว็บไซด์ของ osho มีอะไรๆ น่าสนใจมากเลยครับ
ขอบคุณทุกท่านอีกครั้งครับ ....ประพนธ์
อ่านของอาจารย์แล้วไม่ค่อยกล้าบอกลูกว่าอยากให้ลูกเป็นอย่างไรค่ะ ขอบคุณที่ให้ข้อคิดค่ะ