ต้องขอบอกว่าจบลงอย่างสวยงามดั่งดอกไม้งาม สำหรับคนจัดงานและผู้ร่วมงาน บรรยากาศงานตั้งแต่ช่วงเช้ามีผู้คนหลั่งไหลเข้าร่วมงานมากมาย หลายคนที่มาตั้งแต่เช้าตรู่ก่อนเริ่มงานก็ได้มีโอกาสมาเยี่ยมชมนิทรรศการที่เราได้จัดไว้ตั้ง 14 บู๊ต ซึ่งมีหลายหน่วยงานที่ร่วมจัดบู๊ต ผลการตอบรับนับว่าดีเกินคาด เพราะจ๊ะจ๋าเองเข้าไปประสานงาน 3 บู๊ตคือ กรมอนามัย กรมชลประทาน สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน พบว่ามีผู้เข้าเยี่ยมชนกันคับคั่งตั้งแต่เช้าจรดบ่าย จนวิทยากรประจำบู๊ตไม่มีเวลาแม้กระทั่งกินข้าวกลางวัน .....
ช่วงพิธีเปิด มีผู้เข้าร่วมงานกันมากมายคาดว่าประมาณ 800 กว่าคน ณ ห้องแกนด์ A-B-C ชั้น 4 ซึ่งมีทั้ง 3 หน่วยงานร่วมกันเปิดงาน
ช่วงแลกเปลี่ยนเรียนรู้ได้แบ่งห้องใหญ่ ออกเป็น 3 ห้องย่อย โดยเลื่อนฉากมาปิด ซึ่งใช้เวลาไม่นาน เราก็จะได้ 3 ห้องย่อยทันตา ซึ่งจ๊ะจ๋าก็เป็นผู้ประสานงานในห้อง B ห้อง KM กระบวนการเรียนรู้ (Learning Process) โดยมีวิทยากรรับเชิญจาก 3 หน่วยงานคือ คือ กรมอนามัย กรมชลประทาน และสำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน บรรยากาศในช่วงนี้ตั้งแต่ 10.50-14.30 น. โดยเรามีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 2 ช่วง
ช่วงเช้า เน้นจุดเด่นการวางกลยุทธ์ แผน และวิธีดำเนินการ KM ของหน่วยงานที่มีขนาด โครงสร้างและบทบาทงานที่แตกต่างกันทั้ง 3 หน่วยงาน
ช่วงบ่าย เน้นจุดเด่นการทำ “ คลังความรู้ “ ของแต่ละหน่วยงานที่ไม่เหมือนกัน ทั้งการออกแบบ สร้าง และใช้ประโยชน์ของ “คลังความรู้” ที่เป็นทั้งเครื่องมือกระตุ้นหรือส่งเสริมการเรียนรู้ พัฒนาคน พัฒนาตนเอง หรือแม้กระทั่งใช้เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการถ่ายทอดความรู้ฝังลึกจากประสบการณ์การทำงานที่สั่งสมมายาวนานในตัวผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญบรรยากาศช่วงเช้า ผู้คนหลั่งไหลมาในห้อง B นับจำนวนคนได้ประมาณ 250 คน จนต้องขอเก้าอี้เสริมจากเจ้าหน้าที่โรงแรม ขอบอกว่าเวลาไม่พอสำหรับวิทยากรรับเชิญจริงๆ ....ซึ่งทีมงานเองได้เตรียมงานว่าจะแบ่งเวลาให้แต่ละหน่วยงานพูดนะคะ แต่เอาเข้าจริงๆ มีเวลาไม่พอและล่วงเลยมาจนถึงเวลาพักทานข้าว .... modulator ห้อง B คือ คุณวรรณา เลิศวิจิตรจรัส ถึงกับประกาศว่า เราจะพักเลยเวลาที่กำหนดไว้คะ...แต่ทุกคนก็ยอมอดทนที่จะเรียนรู้ไปกับห้อง B น่าประทับใจจริงๆ คะ บรรยากาศช่วงบ่าย ผู้เข้าร่วมห้องประชุมย่อย B บางท่านกลับมาฟังต่อจากช่วงเช้า ซึ่งหน้าเดิมๆ เป็นส่วนใหญ่...สงสัยติดใจไม่ไปไหนเลย หรือบางหน่วยงานอาจแบ่งหน้าที่กันมาฟัง.... จำนวนผ็เข้าร่วมประชุมลดลง ประมาณ 180 คน แต่บรรยากาศก็เต็มไปด้วยการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันระหว่างวิทยากรและผู้เข้าร่วมประชุม บางคนตั้งใจฟังมาก พร้อมทั้งจดรายละเอียดกันอย่างขะมักเขม้น มีหลายคนบอกว่าน่าจะมีเวลามากกว่านี้ และบางท่านก็มีคำถามซักถามได้อย่างน่าสนใจ
จากการที่จ๊ะจ๋าได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานห้อง B มีหลายเรื่องที่ได้เรียนรู้ ได้แก่ การประสานงานกับวิทยากรรับเชิญ รวมทั้งเรื่อง อาหาร และที่พักสำหรับวิทยากรและเจ้าหน้าที่ประจำบู๊ต ซึ่งการทำงานครั้งนี้ได้ผู้ช่วยซึ่งเป็นน้องอรรณพ นักศึกษามศว. ประสานมิตร ที่รู้งานเป็นอย่างดี ซึ่งเคยทำงานลักษณะนี้มาก่อน เมื่อทำงานร่วมกันส่งผลให้งานมีความคล่องตัวเป็นอย่างมาก การได้เรียนรู้ ในเรื่อง พิธีละหมาด เป็นพิธีที่การแสดงความเคารพต่อพระเจ้าทั้งทางร่างกายและจิตใจ เป็นศาสนกิจประจำวันที่สำคัญที่สุดของศาสนาอิสลาม ซึ่งมีวิทยากรของห้อง B นับถือศาสนาอิสลาม ซึ่งเราต้องเข้าใจและจัดเตรียมสถานที่ให้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนที่สุด และเป็นครั้งแรกที่เราได้เรียนรู้ว่า การทำละหมาดมี 2 ประเภท คือละหมาดบังคับ และไม่บังคับ สำหรับวิทยากรของเราอยู่ในประเภทแรก และต้องละหมาดวันละ 5 เวลา ละหมาดวันศุกร์ ( บังคับเฉพาะเพศชาย ) และละหมาดจีนาซะฮ์ ( สำหรับผู้ที่ถึงแก่กรรม ) โดยการละหมาดภาคบังคับซึ่งมุสลิมปฏิบัติตั้งแต่บรรลุนิติภาวะจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ปฏิบัติวันละ 5 เวลา ในเพศหญิง การละหมาดจะได้รับการยกเว้นในขณะที่มีรอบเดือน หรือมีเลือดหลังคลอดบุตร แต่จะต้องละหมาดชดเชยเมื่อเข้าสู่สภาพปกติ ซึ่งถือว่าเป็นความรู้ใหม่ที่จ๊ะจ๋าต้องเรียนรู้เพื่อปฏิบัติตนได้ถูกในภายหลัง ดังนั้นการเตรียมสถานที่นับว่าสำคัญ เพื่อทำพิธีละหมาด โดยต้องทำตำแหน่งให้ถูกต้องว่าทิศตะวันตกอยู่ทิศใดของห้อง ที่จัดเตรียมไว้ ซึ่งถือว่าเป็นทิศที่ตั้งของกะบะฮ์ ( หินศักดิ์สิทธิ์ ) ในนครเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย การตรวจสอบอุปกรณ์ทุกชิ้น ก่อนเริ่มงาน ตรวจสอบความพร้อมของอุปกรณ์ ทั้งไมล์ , จอ LCD, Notebook, Power point สำหรับนำเสนอ ส่งผลให้การดำเนินงานราบรื่นได้เป็นอย่างดี
และแล้วก็หมดเวลาของห้อง B ซึ่งงานครั้งนี้จะสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ก็เพราะการร่วมมือร่วมใจกันทั้งวิทยากรรับเชิญ น้องนักศึกษาที่มาช่วยงาน ทีมผู้จัดงานทุกคนที่ประสานงานให้เกิดห้อง B รวมทั้งเจ้าหน้าที่โรงแรมที่ครั้งนี้อำนวยความสะดวกในเรื่องของสถานที่ได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญ ผู้ร่วมงานทุกท่านที่สนใจและตั้งใจกันอย่างมากตลอด 1 วัน
สำหรับพิธีปิดก็มีความน่าสนใจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ได้รับเกียรติจาก อาจารณ์หมอวิจารณ์ ได้กล่าวปิดงานและพูดตอกย้ำในเรื่องของ การฟังอย่างตั้งใจ (Deep Listening) การตั้งคำถามด้วยความชื่นชม (Appreciate Inquiry) และยุทธศาสตร์บ้ายอ ซึ่งจริงๆ เป็นการเน้นย้ำที่ทุกคนติดอาวุธในเรื่องเหล่านี้ สำหรับการจัดการความรู้เพื่อเป้าหมายขององค์กร และเน้นให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากเรื่องเล่าความสำเร็จเล็ก ที่สร้างภาคภูมิใจแก่ผู้เล่า ผนวกกับการฟังอย่างตั้งใจ และซักถามอย่างชื่นชมของผู้ฟัง สร้างบรรยากาศเชิงบวกทำให้ผู้เล่าเกิดความรู้สึกอยากที่จะเล่า ทำให้ความรู้ฝังลึกค่อยๆ เผยโฉมออกมา ..โดยอาจใช้ยุทธศาสตร์บ้ายอเป็นตัวขับเคลื่อนความรู้ฝังลึกนั่นเอง ......สำหรับบรรยากาศช่วงนี้เป็นแบบสบายๆ พร้อมทั้งมี ผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่ฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ พร้อมมีเสียงหัวเราะบ้างบางครั้ง จ๊ะจ๋ามีความรู้สึกว่าทุกคนที่ได้ฟังในช่วงเวลานี้คงรู้สึกว่าชัดในเรื่องนี้บ้างแต่ยังคงไม่แน่ใจ ซะทีเดียว จะแน่ใจก็ต่อเมื่อลงมือปฎิบัติ นั่นแหละคะ ดั่งที่ อาจารย์หมอวิจารณ์บอกว่า ไม่ทำไม่รู้ และที่สำคัญคือ KM ไม่ใช่ภาระงาน แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น .......................
รายละเอียดของห้อง B ครูใหม่เป็นคุณลิขิตสำหรับห้อง B คะ สามารถอ่านได้ที่ ลิขิต Bพี่เล็กไม่มีโอกาสได้เข้าฟังแต่ตามอ่านจากน้องจ๋าแล้วก็จินตนาการได้ สำหรับเรื่องละหมาดเป็นเรื่องละเอียดอ่อนดีมากค่ะ พี่มีโอกาสจะได้อบรมชาวต่างชาติจะได้ระลึกไว้บ้าง คงได้นำไปใช้