ก่อนจะต่อเรื่ององค์กรยุคPostmodern อยากเขียนเรื่องการประชุมที่สคส.ก่อน ในชีวิตการทำงานเราส่วนใหญ่ต้อง "ประชุม" กันอยู่เป็นประจำ บางประชุมก็สนุกบ้างก็น่าเบื่อ เคยตั้งข้อสังเกตกับตัวเองทุกครั้งที่สนุกว่ามันเป็นเพราะอะไร ก็มักจะได้คำตอบว่า เราจะสนุกทุกครั้งเมื่อได้เรียนรู้อะไรบางอย่างจากการประชุมนั้น อะไรก็ได้ ทั้งเรื่องงาน เรื่องคน เรื่องโลก เรื่องชีวิตจิตใจ บางครั้งแค่ได้เห็นว่าเพื่อนร่วมงานแสดงศักยภาพ แสดงความคิดเห็นที่หลากหลายก็เป็นสุขแล้ว
วงประชุมweekly ทุกวันพุธช่วงเช้าถึงเที่ยงที่สคส.มีอยู่ประมาณ 10 กว่าคน พูดคุยกันทุกเรื่อง งานทุกงานจะถูกนำมาเล่าสู่กันฟัง (ไม่ใช่มารายงาน) การได้นั่งฟังเรื่องของคนอื่นทำให้เราได้เรียนรู้หลายเรื่อง ทั้งได้ฟังเรื่องราวที่หลากหลาย และได้เห็นวิธีคิดวิธีทำงาน วิธีสร้างสรรค์และแก้ปัญหาที่แตกต่างจากตัวเอง แถมได้มีโอกาสร่วมเสนอความเห็นของเราต่อเรื่องนั้นๆ ด้วย
คิดว่าการที่วงประชุมจะมีชีวิตชีวาและสนุกได้ ทุกคนต้องมั่นใจเต็มร้อยว่า พูดอะไรก็ได้(ที่สร้างสรรค์) ไม่มีผิดถูก และวงประชุมพร้อมเปิดใจฟังกันและกัน ตรงนี้แหละที่มันยากเพราะเป็นกระบวนการจากใจถึงใจ ถ้าไม่ไว้ใจกันซะแล้ว ก็จะมักจะไปตกหลุม "พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง" อย่างผิดๆ
ผู้ดำเนินการประชุมที่สคส. คือ อ.วิจารณ์ ท่านมีเทคนิคที่น่าสนใจหลายอย่าง ว่าเป็นข้อๆได้ดังนี้
๑ เทคนิค "ดำเนิน"การประชุมไม่ใช่ "นำ"การประชุม มันต่างกันตรงที่ "ความรู้สึก" เราไม่รู้สึกว่ามีทิศทางข้อสรุปที่ถูกตั้งไว้แล้ว แต่เรื่องราวจะสรุปจากวงอย่างแท้จริง
๒ ความคิดเห็นที่หลากหลายได้รับการสานต่อ ความคิดไม่ด้วน ไม่หยุดอยู่กับที่ มีหนทางที่จะคิดต่อทำต่อไปได้อีก
๓ มักมีประเด็นที่ทุกคนในที่ประชุมได้ร่วมแสดงความคิดเห็นของตัวเอง ประเด็นที่ว่านี้ไม่มีลักษณะน่าหวาดกลัว เพราะไม่ต้องใช้ภูมิความรู้อะไร เป็นเรื่องความคิดเห็นจริงๆ
๔ มีการจับถูกจับดีแล้วตีความเข้ากับปริบทของงานอยู่ตลอด
๕ มักตั้งคำถามที่จุดประกายความคิดเพิ่มชีวิตชีวาให้กับวง
๖ ไม่มี "อาการ" หรือ "ท่าที" ที่ทำให้ใจคอเราไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
๗ กระตุ้นบรรยากาศเท่าเทียมและส่งเสริมให้ทุกคนได้มีโอกาสพูด
๘ มักแสดงความเห็นประกอบเรื่องเล่าทำให้เข้าใจเรื่องราวความคิดได้ดีและได้ลึกขึ้น
เทคนิคเหล่านี้เคยอ่านเคยเห็นในหนังสือมาบ้าง แต่ไม่สู้มาเห็นมานั่งอยู่ในวงด้วยจริงๆ ทบทวนไปมาดูแล้วหลายข้อก็คือ ลักษณะขององค์กรPostmodern ที่อ่านและตีความนั่นเอง
ไม่มีความเห็น