ในการพัฒนานวัตกรรม ไม่ว่าจะอยู่ในรูปสื่อการเรียนการสอน หรือ
วิธีสอนก็ตาม
ต้องมีการตรวจสอบประสิทธิภาพของนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นว่ามีคุณภาพมากน้อย
เพียงใด โดยทั่วไปนิยมนำเสนอในรูป E1/E2 (อ่าน E1 ทับ E2) และ/หรือ
E1:E2 (อ่าน E1 ต่อ E2)
หลายท่านอาจจะเข้าใจผิดคิดว่ามันอยู่ในรูปเศษส่วน หรือ อัตราส่วน
แท้ที่จริงแล้วสัญลักษณะดังกล่าวนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องใด ๆ
กับเศษส่วนหรืออัตราส่วนเลย
มันเป็นเพียงสัญลักษณ์ที่นำมาเสนอเพื่อการสื่อสารให้ทราบถึงประสิทธิภาพของ
นวัตกรรมดังกล่าวว่ามีผลเป็นเช่นใด โดยที่ E1 ตัวแรกแสดงประสิทธิภาพ (Effective)
ของกระบวนการซึ่งอยู่ในรูปค่าเฉลี่ยร้อยละของคะแนนจากแบบฝึกทั้งหมด
ส่วน E2
แสดงประสิทธิภาพของผลโดยรวมซึ่งอยู่ในรูปค่าเฉลี่ยร้อยละของแบบทดสอบหลังการใช้นวัตกรรม
ผู้พัฒนานวัตกรรมอาจไม่เขียนแสดงประสิทธิภาพในรูป E1/E2 ก็ได้ เช่น
อาจเขียนในรูป 80, 80 หรืออาจจะเขียนว่าใช้เกณฑ์ 80%
ทั้งกระบวนการและผลโดยรวมก็ได้
เกณฑ์ประสิทธิภาพ E1/E2 โดยทั่วไปนิยมเขียนตัวเลข หน้า และ
หลังเป็นตัวเดียวกัน เช่น 80/80, 90/90 เป็นต้น
แต่นั่นมิใช่ข้อกำหนดตายตัว ผู้พัฒนานวัตกรรมอาจจะตั้งเป็น 80/90
ก็ได้ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการตั้งเกณฑ์ดังกล่าว
แต่อย่างไรก็ตามในการตั้งเกณฑ์ประสิทธิภาพ
(บางครั้งอาจใช้คำว่าเกณฑ์มาตรฐาน)
ของนวัตกรรมนั้นไม่ควรตั้งให้ต่ำกว่า
70 / 70
นอกจากจะวัดประสิทธิภาพของนวัตกรรมแล้ว
ผู้พัฒนาฯจะต้องพิจารณาประสิทธิผล
ซึ่งเป็นความสามารถในการให้ผลอย่างชัดเจน แน่นอน
ของนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้น ซึ่งนิยมวิเคราะห์และแปลผลได้ 2 วิธี คือ
1.จากการพิจารณาผลของการพัฒนาด้วยการเปรียบเทียบระหว่างจุดเริ่มต้น
และจุดสุดท้ายด้วยการ pretest และ posttest
เปรีบ
เทียบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยของคะแนนก่อนและหลังการใช้นวัตกรรมโดยใช้สถิติ
ที(t-test)แบบกลุ่มสัมพันธ์ ซึ่งจะทำให้นำไปอ้างอิงถึงกลุ่มอื่น ๆ
ห้องอื่น ๆ และในรุ่นหลัง ๆ ด้วย (มุ่งขยายผล)
จึงต้องวิเคราะห์โดยใช้การทดสอบสมมติฐานด้วยการสถิติเชิงอนุมานเพื่อการอ้าง
อิงไปยังประชากร
2. จากการหาดรรชนีประสิทธิผล (Effective Index)
ซึ่งอยู่ในรูปอัตรส่วนดังสูตรต่อไปนี้
ดรรชนีประสิทธิผล = (ผลรวมของคะแนนหลังเรียนทุกคน -
ผลรวมของคะแนนก่อนเรียนทุกคน) หารด้วย
(จำนวนนักเรียนxคะแนนเต็ม - ผลรวมของคะแนนก่อนเรียนทุกคน)
หมายเหตุ
ในการวิจัยโดยทั่วไป ยึดหลักต่อไปนี้ว่าเป็นกลุ่มตัวอย่างขนาด เล็ก
กลาง และใหญ่
ขนาดเล็ก 5-20 หน่วย
ขนาดกลาง 21-40 หน่วย
ขนาดใหญ่ 41 หน่วยขึ้นไป
ที่มา http://krupee.blogspot.com/2009/09/e1e2-e1-e2.html
ขอบคุณที่อ้างอิงนะครับ ชอบจัง ;)
ต้องให้เกียรติผู้เขียนค่ะคุณ Wasawat Deemarn
เยี่ยมมากครับ ขอบคุณ เนื้อหาดีนะครับ