มหกรรม KM ราชการไทย ก้าวไกลสู่ LO เห็นผลแล้ว


เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อการพัฒนาระบบราชการไทย ด้วย การจัดการความรู้ สู่ องค์กรเรียนรู้

บรรยากาศงานมหกรรม KM ราชการไทยก้าวไกลสู่ LO วันนี้คึกคักมาก ทั้งการสัมมนาและนิทรรศการ เพราะมีเวลาเมื่อไหร่จะเห็นบรรดาผู้แทนส่วนราชการและจังหวัดทั้ง 227 หน่วยงานที่เข้าร่วมต่างขยับปาก ซอกแซก ซักถามเทคนิควิธีการทำ KM มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน ที่น่าชื่นชมมาก ๆ คืองานนี้มีคนกลับไปก่อนน้อยมาก  แม้แต่ส่วนนิทรรศการที่ปกติมักจะรีบเก็บของเพื่อกลับก่อน แต่วันนี้แม้จะใกล้เลิกงาน 17 นาฬิกา แต่ทุกนิทรรศการก็ยังไม่ยอมเก็บโดยบอกว่า ยังไม่อยากเก็บเพราะเมื่องานเลิกยังมีเพื่อที่อยากมาดูอยากมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันอีก ...งานนี้ถือว่าสำเร็จเพราะวงเรียนรู้เกิดขึ้นเห็น ๆ ในงานเลยคะ  เอาเป็นว่าเดี๋ยวคงมีคนเขียน blog ให้รายละเอียดอีกเยอะ แต่วันนี้ดิฉันฟัง CKO ของทั้ง 3 หน่วยงานที่ร่วมกันจัดเวทีนี้ขึ้น แล้วอดใจไม่ได้ที่จะสรุปเป็นข่าวเผยแพร่ให้สื่อมวลชนได้นำไปขยายต่อ...ประกาศไปเลยว่า ข้าราชการไทยวันนี้เขากำลังปรับตัวกันแบบแรงสุด ๆ  โดยเนื้อหาของผู้บริหารทั้ง 3  มีดังนี้ค่ะ

มหกรรม KM  ราชการไทย ก้าวไกลสู่ LOอีกก้าวแห่งความสำเร็จของระบบราชการที่การพัฒนาแล้วสถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม (สคส.)             ในงาน มหกรรม KM ราชการไทย ก้าวไกลสู่ LOหรือ มหกรรมการจัดการความรู้ราชการไทย ก้าวไกลสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้  ซึ่ง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (...), สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ, และสถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม (สคส.) ร่วมกันจัดขึ้น ในวันที่ 21 กรกฎาคม 2549 ห้องแกรนด์บอลรูม  โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ โดยมีเป้าหมายเพื่อเป็นเวทีให้หน่วยงานราชการที่มีการปฏิบัติการจัดการความรู้ที่ดีได้นำเทคนิค วิธีการ ขั้นตอน กระบวนการหรือ เส้นทางแห่งความสำเร็จในการดำเนินการจัดการความรู้ในหน่วยงานของตนมาบอกต่อ  เป็นตัวอย่างแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับหน่วยราชการทั้ง 227 หน่วยงาน กว่า 700 คนที่ต้องดำเนินการจัดการความรู้ตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ..2546 ที่กำหนดไว้ว่า ส่วนราชการมีหน้าที่พัฒนาความรู้ในส่วนราชการเพื่อให้มีลักษณะเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้อย่างสม่ำเสมอ  โดยมี ... เป็นแกนหลัก ได้นำไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับหน่วยงานของตนเอง และหวังให้เกิดเป็นเครือข่าย ร่วมเคลื่อนขบวนจัดการความรู้ภาคราชการไทยให้สอดประสานและเป็นแรงผลักดันการพัฒนาประเทศที่สำคัญต่อไป            มหกรรม KM ราชการไทย ก้าวไกลสู่ LO”  จึงทำการคัดเลือกหน่วยงานภาครัฐที่ได้ดำเนินการจัดการความรู้ (Knowledge Management)ในหน่วยงานได้ผลดี จำนวน 8 หน่วยงานทั้งระดับจังหวัด/สำนักงาน/กรมของกระทรวงต่าง นำประสบการณ์เส้นทางสู่ความสำเร็จมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้เจาะลึกในทุกขั้นตอน โดยแบ่งเป็น 3 ด้านหลัก คือ 1)การจัดการความรู้กับการพัฒนาวิสัยทัศน์ร่วม (KM : Shared Vision) ของ กรมส่งเสริมการเกษตร และจังหวัดชุมพร ที่มีความสอดคล้องกันเรื่องเป้าหมายการพัฒนาเกษตร แต่ระดับปฏิบัติมีวิธีการและกระบวนการแตกต่างกัน แต่ผลของการปฏิบัติงานเสริมซึ่งกันและกัน 2)การจัดการความรู้กับกระบวนการเรียนรู้ (KM : Learning Process)  ได้แก่ การดำเนินการจัดการความรู้ของ กรมชลประทาน กรมอนามัย และ สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน ซึ่งแต่ละแห่งมีจุดเน้นและผลผลิตของการจัดการความรู้ที่ต่างกัน และมีความโดดเด่นในด้านการจัดการกับกระบวนการและ ความรู้ที่เกิดขึ้นมาสู่การจัดเก็บเป็น คลังความรู้มีชีวิตและ การจัดการความรู้กับการพัฒนาบุคลากร (KM : Human Resources Development :HRD) ของ 3 หน่วยงานที่มีผลงานดี คือ จังหวัดนครศรีธรรมราช กรมศุลกากร และกรมราชทัณฑ์ ซึ่งดำเนินการต่างบริบท แต่มุ่งที่การสร้างคนและขยายผลจากชุมชนปฏิบัติกลุ่มเล็ก ก็เกิดเป็นเครือข่ายที่กว้างขวางร้อยโยงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมเรียนรู้และพัฒนาไปพร้อมกัน               อย่างไรก็ตามทุกหน่วยงานดำเนินการจัดการความรู้ โดยใช้เป็นเครื่องมือหนึ่งที่เสริมให้เกิดการพัฒนาคน พัฒนางาน พัฒนากระบวนการสู่การเป็นองค์กรเรียนรู้ และหวังผลการบรรลุเป้าหมายหลักร่วมกันของหน่วยงานซึ่งทั้งหมดคือการทำงานเพื่อประชาชน ที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น   ซึ่งภายในงานนอกจากเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้แล้ว ยังมีการจัดนิทรรศการนำเสนอความโดดเด่นการจัดการความรู้ของแต่ละหน่วยงานและหน่วยงานอื่นที่ดำเนินการได้ดี อาทิ มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นต้นดร.ทศพร  ศิริสัมพันธ์  เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.)  กล่าวว่า การพัฒนาสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้ สิ่งสำคัญคือ ทำอย่างไรจะแปลงทุนในตัวคนมาเป็นคุณค่าของการพัฒนาองค์กร สร้างมูลค่าให้กับตัวองค์กรได้ เป็นโจทย์ใหญ่ของการปรับตัวภาคราชการ ซึ่งต้องมีการบริหารจัดการความรู้ที่ดี นั่นคือต้องมีการจัดระบบความรู้ที่อยู่ในตัวคนในองค์กรออกมาใช้เพื่อการบริหารองค์กรให้ดีขึ้น  ซึ่งหลายหน่วยงานมีการวางยุทธศาสตร์ของแต่ละจังหวัด สิ่งสำคัญคือจะบริหารจัดการความรู้เพื่อไปสู่ยุทธศาสตร์ได้อย่างไร  เช่น ถ้ามียุทธศาสตร์เกี่ยวกับการค้าชายแดน  จะต้องรู้เขารู้เรา  จะหาความรู้จากที่ไหน  แต่ความรู้ที่สำคัญคือความรู้ที่อยู่ในตัวคน จะต้องพยายามสกัดออกมาใช้ประโยชน์ให้ได้  ซึ่งจุดสำคัญในเรื่องจัดการความรู้ คือ ประการแรกต้องทราบว่าความรู้อะไรที่อยากได้ และสองจะเอาความรู้ที่มีไปสร้างให้เกิดมูลค่าเพิ่มหรือนวัตกรรมได้อย่างไร            ความรู้ที่ใหญ่ที่สุดคืออยู่ในตัวคนในสมองของเรา ความท้าทายของการจัดการความรู้คือจะเอาความรู้นั้นออกมาใช้ประโยชน์ได้อย่างไร จะต้องหาวิธีถ่ายทอดความรู้นั้นออกมาให้ได้ เอามาใช้ประโยชน์ พัฒนาองค์กร  ปรับปรุงบริการ สร้างคนในองค์กร เลขาธิการ ก.พ.ร. กล่าวและว่า ปกติในการทำงานต้องใช้เวลา 12-15 ปีจึงจะสร้างให้เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขานั้น ๆ แต่ถ้าจัดระบบการจัดการความรู้ที่ดี เอาความรู้ของคนที่มีประสบการณ์เหล่านั้นมาทำให้เด็กรุ่นใหม่พัฒนาตัวเองขึ้นมาเป็นผู้เชี่ยวชาญได้ก็อาจใช้เวลาเพียง 2-3 ปี ซึ่งตรงนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาอย่างมาก  ความรู้ที่สำคัญที่สุดคือ ความรู้เชิงยุทธศาสตร์   แสวงหาความรู้  สังเคราะห์ความรู้ออกมาอย่างเป็นระบบ และสู่การถ่ายทอดเพื่อการใช้ประโยชน์สูงสุด ซึ่งวันนี้มีหลายตัวอย่างที่ปฏิบัติแล้วเห็นผล ที่สำคัญปัจจัยแห่งความสำเร็จของการจัดการความรู้คือ  ผู้นำองค์การช่วยผลักดัน และจัดกระบวนการให้คนเปิดใจเอาความรู้มาแบ่งปันกัน ขณะนี้เราบริหารจัดการความรู้กันครบถ้วนหรือยังหลายคนเข้าใจว่าการบริหารความรู้ต้องมีคอมพิวเตอร์ ความจริงไม่ใช่ คอมพิวเตอร์ หรือ ICT เป็นเพียงอุปกรณ์ เสริมที่มาช่วยจัดระบบเท่านั้น  ฉะนั้นในแต่ละองค์กรต้องมีวิธีการหลากหลาย การเปิดใจฟังคนอื่น บางครั้งเราคิดว่าของตัวเองดี แต่พอฟังคนอื่นก็อาจจะปิ๊งอะไรใหม่ ๆขึ้นมาก็ได้ดร.พานิช  เหล่าศิริรัตน์  ผอ.สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ  กล่าวว่า  สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติเริ่มทำการจัดการความรู้ในองค์กรเมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมา  เรียนถูกเรียนผิดมาตลอด โดยให้ผู้บริหารระดับกลางและระดับล่างทำกันเอง เพราะบอกว่าองค์ความรู้ต้องมาจากงานประจำ พอทำมา 3-4 ปีก็พบว่ามันทำอย่างกระจัดกระจาย และได้องค์ความรู้เกิดขึ้นมากมายเช่น วิธีการประหยัดไฟฟ้า  วิธีการประหยัดค่าโทรศัพท์ แต่ในภาพใหญ่ของการเป็นองค์กรเรียนรู้ยังไม่เกิดผลเท่าที่ควร   เมื่อทบทวนพบว่าการทำการจัดการความรู้เพื่อไปสู่องค์กรเรียนรู้ต้องทำสองทางพร้อมกันนั่นคอ ผู้บริหารต้องวางวิสัยทัศน์ให้ชัดเจน  จากนั้นผู้บริหารระดับกลาง และปฏิบัติระดับล่างก็จะมีแนวทางในการปฏิบัติอย่างมีทิศทางว่าจะหาความรู้ สร้างองค์ความรู้อะไรมาใช้เพื่อพัฒนาองค์กร  นั่นคือการบริหารการเปลี่ยนแปลงซึ่งต้องทำทั้ง KM Process  และ People Process  ยิ่งในระบบราชการ ความรู้คืออำนาจ คนที่รู้มาก ยิ่งรู้มากก็ยิ่งได้เลื่อนขั้นเร็ว พอความรู้คืออำนาจทุกคนก็ไม่อยากแชร์  จุดนี้อยู่ในเรื่องการบริหารการเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น ทำอย่างไรเขาจะแชร์กันโดยไม่รู้สึกสูญเสียอำนาจ  ดังนั้นการเริ่มทำการจัดการความรู้จึงต้องตัวเองก่อนว่ามีกระบวนการทำงานที่ชัดเจนแล้ว เพราะตัวอย่างบริษัทที่ประสบความสำเร็จในการทำการจัดการความรู้ส่วนใหญ่ล้วนมีกระบวนการทำงานที่ชัดเจน  เมื่อเริ่มอย่างมีรูปแบบทิศทาง ก็จะกำหนดการทำ KM ได้อย่างชัดเจน ว่าจะเน้นไปที่จุดใด ก่อน หลัง  ที่สำคัญเรารู้หรือยังว่ากระบวนการทำงานของเขาชัดเจนแค่ไหน  นี่เป็นแนวทางที่สถาบันได้คุยกับ ก.พ.ร. แล้วเราจะผลักดัน KM ในระดับชาติได้อย่างไร  สิ่งสำคัญคือต้องทำเป็นยุทธศาสตร์ ทำเป็น คลัสเตอร์ (จัดกลุ่ม)    หน่วยงาน กรม กองต่าง ๆ ซึ่งมันเป็นการส่งทอดไปเรื่อย ๆ ผอ.สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติกล่าว             ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช  ผอ.สคส. กล่าวว่า ความรู้ก้อนใหญ่ในสังคมอยู่ที่ตัวคนหากมองเปรียบเทียบความรู้ในตำราแล้ว ความรู้ในตัวคนมีมากถึง  80 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้หรือการทำการจัดการความรู้ จึงเป็นเครื่องมือหนึ่งที่จะช่วยดึงความรู้ในตัวคนออกมา เพื่อพัฒนางาน พัฒนาคุณค่าในองค์กรได้ ซึ่งสำหรับการจัดการความรู้ในส่วนราชการไทย ก็พุ่งเป้าไปสู่การเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ แต่ทั้งนี้ส่วนราชการจะต้อง เปลี่ยนตัวเองในหลายๆ เรื่อง คือการเปลี่ยนวัฒนธรรมจากการทำตามระเบียบไปสู่การทำงานเพื่อคุณภาพและเพื่อลูกค้า  เปลี่ยนจากการทำงานตามนายสั่ง เป็นคิดสร้างสรรค์ในหน้าที่โดยอย่าเพียงรอให้นายสั่ง ต้องเปลี่ยนความสัมพันธ์จากการหวงความรู้ ปกปิดความรู้ เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้  เปลี่ยนจากการยึดติดความรู้ภายนอก เป็นการเน้นความรู้ในตัวคน  เปลี่ยนมุมการมองโลกแบบหยุดนิ่งเป็นการมองโลกเป็นผลวัต เปลี่ยนจากการคิดเหมือนกัน เป็นคิดต่าง และเปลี่ยนจากจุดร่วมเดียวกันคือนาย เป็นจุดร่วมเดียวกันคือวิสัยทัศน์ขององค์กรที่จะทำให้ข้าราชการทำงานได้อย่างต่อเนื่องแม้จะเปลี่ยนรัฐบาลกี่รัฐบาลก็ตาม เปลี่ยนจากการมองแยกส่วน เป็นการมองทั้งระบบ เป็นการมองผลประโยชน์ส่วนตัวเห็นวัตถุเป็นสำคัญเป็นการเน้นคุณค่าและการเรียนรู้  เปลี่ยนจากการควบคุมสั่งการ เป็นการชื่นชมยินดีกับความสำเร็จเล็กๆ             ที่สำคัญจะต้องเปลี่ยนความสัมพันธ์ทั้งภายในและภายนอกองค์กร คือในการสร้างความสัมพันธ์กับภายนอกนั้นจะต้องเอาความรู้ของลูกค้า หรือประชาชนมาใช้ประโยชน์ด้วย คือการเปลี่ยนบทบาทจากผู้ฝึกอบรม (Training) ให้กับชาวบ้าน เป็นการดึงความรู้ในชาวบ้านนั้นออกมาแลกเปลี่ยนกัน โดยส่วนราชการนั้นทำหน้าที่เป็นผู้สร้างกระบวนการเรียนรู้ให้ แล้วข้าราชการก็ได้ความรู้ด้วย ในที่สุดข้าราชการก็จะกลายเป็นบุคคลเรียนรู้ไปในที่สุด และถ้าส่วนราชการทำได้ งานที่เป็นงานประจำก็จะกลายเป็นงานวิชาการ และงานวิจัย            ทั้งนี้ประโยชน์สูงสุดสำหรับการทำเรื่องการจัดการความรู้คือการได้เรียนรู้ ได้บรรลุความเป็นตัวตน ได้ใช้ศักยภาพในตัวคนมากขึ้นและไม่สิ้นสุด และศักยภาพในหลายๆ ส่วนนั้นไม่ใช่เพื่อให้ได้เงินเดือนมากขึ้น แต่มันคือการได้เพื่อน ได้ความสุข ซึ่งวิธีการอื่นจะทำได้ยากมาก              ถ้าระบบราชการไทยจะไปสู่ LO ได้ ในที่สุดแล้วการทำ KM จะไม่ต้องพูดคำว่า การจัดการความรู้เลย  เพราะเป็นการทำแบบ KM INSIDE  ซึ่งในบริษัทเอกชนที่ทำดี ๆ เราไปดูเขาก็ไม่ได้พูดคำว่า KM เลย แต่สิ่งที่เขาทำอยู่แล้ว เป็นการทำอย่างเป็นธรรมชาติ ทำอยู่ในการปฏิบัติเป็นเนื้อแท้กับงานกับองค์กร ผอ.สคส.กล่าว            ผลลัพธ์ที่ได้จากการจัดงานครั้งนี้ นอกจากข้าราชการจะได้รับประสบการณ์ตรงในการดำเนินงานเกี่ยวกับการจัดการความรู้และสามารถนำไปประยุกต์ใช้แล้ว ยังเป็นการสร้างวัฒนธรรมการมีส่วนร่วมในหมู่ข้าราชการให้เกิดการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน และมีส่วนผลักดันให้ส่วนราชการของตนเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ อีกทั้งยังสามารถนำแนวคิดเรื่องการจัดการความรู้ไปพัฒนาระบบการจัดการความรู้ในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ.
หมายเลขบันทึก: 40132เขียนเมื่อ 21 กรกฎาคม 2006 16:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 15:25 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
ไม่ได้เข้าร่วม เสียดายอยู่เหมือนกันเพราะติดประเมินHAของโรงพยาบาล แต่ก็คาดหวังว่าจะมีการนำมาเล่าลงในบล็อก และก็ยังไม่ทันข้ามวันก็มีผู้ใจดี นำมาเผยแพร่ให้แล้ว ขอบคุณมากครับ
  • บันทึกในช่วงเช้า ได้ละเอียดดีมากค่ะ
  • ขออนุญาตลิงค์ มาที่บล็อก KM  นักพัฒนาฯ ด้วยนะค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท