ขอรูปเพื่อนที่เป็นอาสาสมัครอเมริกัน(Peace Corps) ชื่อ Brooke Smith ไว้เป็นรูปในการอบรมครูประถมศึกษา ถ้าได้รูปแล้วจะลงให้ดู คุณครูประถมศึกษามีความตั้งใจในการสอนและกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้มาก หลายๆคนไม่ได้เรียนภาษาอังกฤษเป็นวิชาเอกเลย ทำอย่างไรที่ผมอยากตะโกนดังๆให้รัฐบาลเห็นคุณค่าของการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา ไม่อย่างนั้นระบบการศึกษาไทยคงแย่กว่าที่เป็นแน่ๆเลย…ท่านใดทราบแนวทางช่วยบอกผมที มาดูการแนะนำนักเรียนแบบง่ายๆดีกว่า
1.12 Giving advice/suggestions
<p style="margin: 0in 0in 0pt 1.25in; text-indent: -0.25in; text-align: justify; tab-stops: list 1.25in" class="MsoNormal">- Why don’t you….?</p> <p style="margin: 0in 0in 0pt 1.25in; text-indent: -0.25in; text-align: justify; tab-stops: list 1.25in" class="MsoNormal">- You should…</p> <p style="margin: 0in 0in 0pt 1.25in; text-indent: -0.25in; text-align: justify; tab-stops: list 1.25in" class="MsoNormal">- If I were you, I would…</p> <p style="margin: 0in 0in 0pt 1.25in; text-indent: -0.25in; text-align: justify; tab-stops: list 1.25in" class="MsoNormal">- How about…?</p> <p style="margin: 0in 0in 0pt 1.25in; text-indent: -0.25in; text-align: justify; tab-stops: list 1.25in" class="MsoNormal">- What about…?</p> <p style="margin: 0in 0in 0pt 1.25in; text-indent: -0.25in; text-align: justify; tab-stops: list 1.25in" class="MsoNormal">- Have you though about?</p> <p style="margin: 0in 0in 0pt 1.25in; text-indent: -0.25in; text-align: justify; tab-stops: list 1.25in" class="MsoNormal">- Can I get you more information?</p><p style="margin: 0in 0in 0pt 1.25in; text-indent: -0.25in; text-align: justify; tab-stops: list 1.25in" class="MsoNormal"></p> <div style="text-align: center"></div> <p style="margin: 0in 0in 0pt 0.5in; text-align: justify" class="MsoNormal">1.13 Ending the lesson</p> <p style="margin: 0in 0in 0pt 1.25in; text-indent: -0.25in; text-align: justify; tab-stops: list 1.25in" class="MsoNormal">- That’s all for today.</p> <p style="margin: 0in 0in 0pt 1.25in; text-indent: -0.25in; text-align: justify; tab-stops: list 1.25in" class="MsoNormal">- Do you have any questions?</p> <p style="margin: 0in 0in 0pt 1.25in; text-indent: -0.25in; text-align: justify; tab-stops: list 1.25in" class="MsoNormal">- If you have any questions you can see me after class.</p> <p style="margin: 0in 0in 0pt 1.25in; text-indent: -0.25in; text-align: justify; tab-stops: list 1.25in" class="MsoNormal">- See you again on…</p> <p style="margin: 0in 0in 0pt 1.25in; text-indent: -0.25in; text-align: justify; tab-stops: list 1.25in" class="MsoNormal">- Please don’t forget about your homework.</p> <p style="margin: 0in 0in 0pt 1.25in; text-indent: -0.25in; text-align: justify; tab-stops: list 1.25in" class="MsoNormal">- Please clean up your desk.</p><p style="margin: 0in 0in 0pt 1.25in; text-indent: -0.25in; text-align: justify; tab-stops: list 1.25in" class="MsoNormal"></p> - Please tidy up the room. <div style="text-align: center"></div><p> มีหลักไวยากรณ์เรื่อง If clause ในโอกาสหน้าจะลองอธิบายให้ดู ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการทำงาน การอ่านบันทึกนี้นะครับ </p><p> </p><p style="margin: 0in 0in 0pt; text-align: justify" class="MsoNormal">Thank you Miss Brooke Smith and Peace Corps</p><p style="margin: 0in 0in 0pt; text-align: justify" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0in 0in 0pt; text-align: justify" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0in 0in 0pt; text-align: justify" class="MsoNormal"></p><div id="smileyDIV0"> </div>
ประมาณปี2541 ผมและ ผญ.บำเพ็ญ ขวัญปลอด ได้มีโอกาส ไปร่วมยกร่างแผน ฯ 9 ที่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ของสภาพัฒน์ฯ ในขณะนั้น ในกลุ่มของผมได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน ในเรื่องของเด็กไทยในอนาคตควรจะเรียนรู้ภาษาต่างประเทศอย่างไรจำได้ว่ามีการตกผลึกทางความคิดกันว่า ควรเรียนภาษาที่เป็นสากลคือภาษาอังกฤษและภาษาจีนและ ฯ ให้แตกฉาน มีคำถามว่าทำไมต้องภาษาจีนด้วย ผมก็ตอบว่าต่อไปจีนจะมีอิทธิพลในภูมิภาคนี้สูงมาก ในทุกๆด้าน จึงต้องเรียนรู้ให้ถึงแก่นเพื่อการสื่อความหมาย การค้าขายและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ฯลฯ แต่มาถึงวันนี้ ทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ในภาพรวมการศึกษาของเราไปไม่ถึงไหน มันหางด้วนครับ ผมมองไม่เห็นทางเลยครับ
แต่ก็ดีใจมากๆที่ gotoknow ทำให้ผมและลูกสาวได้อาจารย์สอนภาษาอังกฤษอีกท่านหนึ่ง
จะขยันทำการบ้าน ครับ
เข้ามาเก็บเกี่ยวความรู้ค่ะ
ขอเสนออาจารย์ขจิตทำลิงค์ ของ (1) (2) (3) ไว้ด้วยดีไหมคะ เวลาเข้ามาอ่านจะได้ตามเรื่องเดิมได้ ขอบคุณค่ะ
กลับมาแล้วค่ะ แวะมาทักทาย
นอกจากผู้ปกครองจะต้องให้การสนับสนุนแล้ว สิ่งสำคัญที่สุด คือ หากเกิดจากความสนใจโดยตัวเด็กเอง ก็จะทำให้เขารู้สึกว่า การเรียนภาษานั้นเป็นการเรียนอย่างมีความสุข ส่วนครูต้นแบบที่ดีนั้น เป็นเพียงส่วนเสริมให้เด็กสนใจเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ถ้าความสนใจเริ่มต้นมาจากผู้เรียนเองแล้ว รับรองว่า ผู้ปกครองจะต้องพยายามขวนขวายหาสิ่งที่ดีๆ ให้ หนำซ้ำผู้ปกครองเองต้องพยายามเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กับเด็กด้วย ตัวเองมีให้เห็นเลยค่ะ ลูกสาวพี่ "น้องฟาง" ร่ำร้องเหลือเกิน อยากเรียนภาษาจีน ตั้งแต่สมัยเขาอยู่อนุบาล 3 ด้วยเหตุผลง่าย ๆ ของเด็ก อ.3 ขณะนั้นว่า "มีเพื่อนในห้องหลายคนที่พูดภาษาจีนได้ ลูกอยากฝึกเอาไว้พูดกับเพื่อน ๆ " ทั้งที่ในใจตอนนั้น คิดว่า "ยังไม่จำเป็นหรอกลูกยังเล็กเกินไป ที่สำคัญ พ่อ กับแม่ ก็พูดภาษาจีนไม่ได้ แล้วจะฝึกทบทวนให้ลูกได้อย่างไร" สุดท้ายทนเสียงร้องขอไม่ไหว ก็เลยใจอ่อน ยอมให้เขาเรียนตอนปิดภาคเรียนอนุบาล 3 น้องฟาง น่าจะเป็นคนเดียวในห้องที่เป็นลูกคนไทย ไม่มีเชื้อสายจีนเลย มีเพียงอย่างเดียวที่เหมือนลูกจีน คือ ตัวขาว เท่านั้น ปรากฎว่า เมื่อลูกได้มีโอกาสไปเรียน ได้เจอเหล่าซือ (คุณครู) น่ารัก ๆ ทำให้ความอยากเรียนของน้องฟาง เพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว แล้ววิธีการถ่ายทอดของที่นี่ ก็ช่างเหมาะเจาะกับเด็ก ๆ ซะเหลือเกิน ถึงแม้จะเป็นโรงเรียนสอนภาษาจีนระดับเล็ก ๆ แต่ใช้กระบวนการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ไม่เน้นวิชาการมากเกินไป เน้นการถ่ายทอดภาษา ผ่านทางบทเพลง ผ่านทางนิทาน ผ่านทางเกมส์ต่าง ๆ ผ่านทางบทกลอนแบบง่าย ๆ ซึ่งทำให้เด็กได้ซึมซับสิ่งเหล่านี้โดยไม่รู้ตัว เขาสามารถรู้ความหมายคำ ความหมายประโยคได้ ทั้ง ๆ ที่ยังเขียนภาษาจีนไม่เป็น เมื่อกลับมาบ้าน ก็มาทำหน้าที่เป็นตัวถ่ายทอดต่อให้พ่อ แม่ และน้องคนเล็ก ได้ร่วมเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กัน เมื่อถึงคราวที่เหล่าซือ สอนให้ฝึกเขียน เนื่องจากเด็กมีความพร้อมอยู่แล้ว ทำให้เขาสามารถเขียนภาษาจีนได้ และจำได้อย่างรวดเร็ว ทั้ง ๆ ที่กลับมาบ้าน ทางบ้านไม่มีโอกาสได้สอนเลย เพราะไม่รู้เรื่องสักตัว แต่น้องฟางก็สามารถทำคะแนนเป็นที่หนึ่งทุกครั้งในการทดสอบแต่ละครั้ง เมื่อได้เรียนไปประมาณหนึ่งปี (ไม่ได้เรียนทุกวันนะคะ เรียนเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ ยกเว้นเวลาปิดภาคเรียน จะเรียนทุกวัน) เป้าหมายของน้องฟางเริ่มเปลี่ยนไป จากเดิมแค่อยากเรียนเพื่อจะได้สื่อสารกับเพื่อนร่วมห้องได้ น้องฟางเปลี่ยนเป้าหมายเป็น อยากเรียนเพื่อที่พอจบชั้นประถม 6 จะขอไปเรียนต่อที่ประเทศจีนจนจบมหาวิทยาลัย แล้วเมื่อถึงเวลานั้น พ่อกับแม่ ไม่ต้องตามเขาไป เขาสามารถอยู่ได้ ถ้าคิดถึงเขา แค่เพียงส่ง e-mail คุยกันก็พอ (นี่คือเป้าหมายของเด็กที่ขณะนั้นเพิ่งเริ่มขึ้นชั้น ป.2) จนช่วงปิดภาคเรียนตอนป.2 ทางคณะฯ ที่คุณแม่เรียนปริญญาโทอยู่ ได้มีโอกาสนำนักศึกษาไปดูงาน (ผสมเที่ยว) ที่ฮ่องกง และมาเก๊า คุณแม่ก็พยายามกัดก้อนเกลือกิน (เก็บเงิน) เพื่อจะให้น้องฟางได้มีโอกาสไปเห็นประเทศที่เขาอยากไปเรียน ได้มีโอกาสได้ฝึกใช้ภาษาจีนอย่างง่าย ๆ กับคนจีน (จริง ๆ กะพาลูกไปช่วยต่อราคาตอนซื้อของ) น้องฟางเป็นเด็กคนเดียวที่ร่วมขบวนไปด้วย (ไม่นับครอบครัวของท่านอาจารย์ผู้ดูแลทีม) คุณแม่เพิ่งมีโอกาสได้เห็นเป็นครั้งแรกว่า ลูกสาว สามารถเข้ากับพี่ป้า น้า อา ทุก ๆคน (เพื่อนร่วมชั้นเรียนของคุณแม่) ได้ทุกคน ไม่งอแงเลย ไม่บ่น ถึงแม้อากาศจะหนาว การเดินทางส่วนใหญ่จะเดินเท้ามากเหมือนกัน การกิน ก็ไม่เป็นเวลา แต่ลูกสาวดูมีความสุขมาก ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะเขาคาดหวังว่าจะได้มีโอกาสมาเป็นประเทศที่เขาใฝ่ฝัน
ซึ่งการพามาครั้งนี้ น้องฟางได้มีโอกาสใช้ภาษากับไกด์ กับแม่ค้า ได้มีโอกาสพูดคุยกับชาวจีน (ฮ่องกง) จนคนจีนที่นั่นขอเก็บภาพน้องฟางเป็นที่ระลึก แต่ด้วยความแตกต่างของวิถีชีวิตของคนฮ่องกง กับเซิ้นเจิ้น ซึ่งแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เมื่อกลับมาถึง ทำให้เป้าหมายของน้องฟางเปลี่ยนไปอีกแล้ว เป็น "ถ้าไปเรียนที่ประเทศจีน ขอไปเรียนที่ฮ่องกงได้ไหมคะแม่ เพราะที่เมืองจีน คนไม่เป็นระเบียบเลย ส้วมก็ไม่สะอาด"
จากที่เล่ามานี้ พยายามให้เห็นว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดของกระบวนการเรียนรู้คือ ตัวผู้เรียนเอง ต่อให้ระบบดีอย่างไร ผู้ปกครองให้การสนับสนุนอย่างไร แต่ถ้าผู้เรียนไม่ใส่ใจ กระบวนการเรียนรู้ก็จะอยู่แค่ในห้องเรียน ทำอย่างไรที่จะทำให้เด็กของเราเกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต อันนี้ฝากไว้ด้วยนะคะ
อาจารย์ขจิตครับ
จะฟังดูแข็งไปหรือเปล่าครับ
ผมเองก็กำลังเตรียมตัวนำเสนอผลการศึกษาเดือนหน้า เวลาจบการนำเสนอควรใช้ประโยคแบบไหนดีเอ่ยครับ
ขอบคุณครับอาจารย์
ขอบคุณมากครับอาจารย์ขจิต ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ดูบล็อกตัวเองเลยครับ ตอนนี้ยุ่งจนหัวหมุนเลย
ประโยคเพราะมากครับ ผมได้ใช้ประโยคที่อาจารย์แนะนำแน่นอนครับ
หลานฟาง ตอบว่า "ต้า แปลว่า ใหญ่ " ต้าเจ วอซือหมิ่งมู่ ต้าเจ ไม่รู้ความหมายค่ะ ส่วน วอซือหมิ่งมู่ แปลว่า "ฉันชื่อ หมิ่งมู่" คุณแม่ถามน้องฟางว่า คุณน้าฝอยทอง เป็นห่วงกลัวว่า หลานฟาง จะเรียนเหนื่อยเกินไปรึป่าว หลานฟางตอบว่า ไม่เหนื่อยค่ะ ถ้าเรียนแล้วไม่มีความสุข หลานฟาง จะเรียนไปทำไม"
ดิฉัน รู้คำตอบแล้วหละคะ คุณ nidnoi (แหม กว่าจะถึงบางอ้อ) สิ่งที่ทำให้น้องฟางสนใจเรียน นั่น คือ เขามีความสุขในสิ่งที่เขาเรียน ฉะนั้น กระบวนการเรียนรู้ที่ดี คือ การทำอย่างไรก็ได้ ให้ผู้เรียน รู้สึกมีความสุขในการเรียน ซึ่งแน่นอนย่อมหมายความว่า สภาพแวดล้อม ส่งผลต่อพฤติกรรมการเรียนรู้ของเด็ก พอจะเป็นคำตอบให้ผู้ใหญ่ แบบ เรา ๆ ท่าน ๆ ได้รึป่าวค่ะ