อ่านบันทึกเรื่อง แก่นคอมพิวเตอร์ และได้แสดงความเชื่อของเราไว้ที่นั่น ความว่า ...
ความเดิม ... " ความรู้หรือทักษะทางคอมพิวเตอร์ควรที่จะต้องหาความรู้ให้ถูกต้องและลึกซึ้งเพื่อที่จะนำความรู้และทักษะไปใช้ให้การสร้างสรรค์แต่ถ้ามีความรู้ที่ไม่ถูกต้องและลึกซึ้งพอจะกลายเป็นผู้ทำลายมากกว่าเป็นผู้สร้าง "
ทัศนะของเรา !!!
เห็นด้วย และ ไม่เห็นด้วย ครับ
* * * เคยเห็นไหม ? เล่นคอมพิวเตอร์ได้ไม่รู้กี่โปรแกรม แต่พอถามว่า "ไหนล่ะผลงานที่เป็นชิ้นเป็นอันและเป็นประโยชน์" คำตอบคือ "ยังไม่มี" ก็มัวเล่นเพลินอยู่นี่ครับ แมงเม่าชัดๆ ติดกับดักทางเทคโนโลยี บางทีก็เดือดร้อนได้ยาวนาน (วาทกรรมคิดเอง)
อาจารย์ Handy คะ ..หนูขออนุญาตแสดงความคิดเห็นนะคะ....คือ...ในแนวคิดของหนู....คือว่า....การใช้โปรแกรมต่าง ๆ ที่อาจจะมีลูกเล่นมากมายมาให้เราเลือกใช้งานนั้น จริง ๆ แล้วบางอย่างเราก็ไม่ได้ใช้จริง ๆ อย่างทีอาจารย์บอกไว้ อันนี้หนูเห็นด้วย... //เพราะในการทำงานของเราจริง ๆ นั้น เราน่าจะมองที่ตัวงานมากกว่า... ว่าเราจะสร้างงานชิ้นนี้ออกมาได้อย่างไร โดยใช้ชิ้นงานเป็นที่ตั้ง แล้วค่อยนึกถึงเทคโนโลยีที่เราจะใช้ ???....แต่มันมีอีกประเด็นที่น่าสนใจก็คือ ลูกเล่น ที่เพิ่มขึ้นมานั้น ถ้าเรานำมาประยุกต์ใช้ได้ มันจะสามารถทำให้งานของเราดูสวยงามขึ้น หรือดึงดูดขึ้นมิใช่หรือ...หรือมันสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของระบบได้อีกต่างหาก ...(อันนี้ความคิดของหนูนะคะ?? )
และที่อาจารย์กล่าวว่า..."เคยเห็นไหม ? เล่นคอมพิวเตอร์ได้ไม่รู้กี่โปรแกรม แต่พอถามว่า "ไหนล่ะผลงานที่เป็นชิ้นเป็นอันและเป็นประโยชน์" คำตอบคือ "ยังไม่มี" ก็มัวเล่นเพลินอยู่นี่ครับ แมงเม่าชัดๆ ติดกับดักทางเทคโนโลยี บางทีก็เดือดร้อนได้ยาวนาน (วาทกรรมคิดเอง)"
ซึ่งจากคำกล่าวด้านบน หนูกลับไม่ได้มองแบบอาจารย์คะ คือหนูมองว่า การที่เราได้มีการเรียนรู้หลาย ๆ โปรแกรม (ซึ่งตอนนี้อาจยังไม่เห็นผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน) แต่อย่างน้อยเราก็ได้เรียนรู้โปรแกรมต่าง ๆ มิใช่หรือ และอย่างน้อยในอนาคต เราอาจจะนำความรู้ที่เรามีอยุ่ ณ ตอนนั้นที่เราได้เรียนรู้ว่ามันมีโปรแกรมนั้นใช้ทำแบบนั้น หรือมีโปรแกรมนี้สามารถทำแบบนั้นได้...มาประยุกต์กับงานตอนนี้ได้นะคะ..??? แต่ถ้าถามว่า ?? แล้วเมื่อไหร่จะหยุดการเรียนรู้เทคโนโลยีหรือโปรแกรมต่าง ๆ มันคงตอบไม่ได้ เพราะถ้าเราหยุด !! ก็หมายถึงเราจะไม่ได้รับการพัฒนาคะ....การมีลูกเล่นเพิ่มเข้ามาในโปรแกรมต่าง ๆ มันเป็นข้อดีมากกว่านะคะ (หนูมองในแง่ของทางเทคโนโลยี ที่เราจะต้องก้าวตามให้ทัน แต่ถ้าถามว่าจำเป็นต้องมีเทคโนโลยีตามแบบเค้าไหม มันไม่จำเป็นหรอกคะ มันอยู่ที่ปัจจัยและสภาพแวดล้อมหลาย ๆ อย่างรวมกันด้วย)
ขอกราบเรียนแสดงความคิดเห็นด้วยความเคารพคะอาจารย์....
ขอบคุณ ว่าที่ ดร.ทั้งสองท่านครับ .. คิดอย่างไรแสดงออกมาแลกเปลี่ยนกัน ดีแล้วครับ คงไม่ยุติว่าอะไรถูกผิดนะครับ ขอย้ำว่าผมพูดจากประสบการณ์ตรงว่า ในกลุ่มผู้ที่เรียนรู้คอมพิวเตอร์เพื่อใช้เป็นเครื่องมือทำงาน นั้น เห็นการเรียนแบบอยากรู้ไปหมดว่าโปรแกรมนั้น ทำอะไรได้บ้าง และ ทำอย่างไรให้เกิดผลแบบนั้นแบบนี้ ผมเห็นด้วยที่จะหาความรู้ว่า มันทำอะไรได้บ้าง เพราะใช้เวลาไม่ต้องมากในการทำความเข้าใจระดับนั้น ส่วนที่ว่าแต่ละ Function หรือ Effect ย่อยๆ มีวิธีทำอย่างไร อันนี้แหละที่ผมพบว่าทั้งคนเรียนคนสอน บางทีก็เพลินไปหน่อย ผมเองเคยเพลินมามาก จนพบความจริงว่า บางอย่างมันไม่มีค่าควรแก่การเสียเวลาเรียนรู้เลย โดยส่วนตัวผมมีหลักชัดเจนว่า ต้อง ตามรู้ให้เท่าทัน แต่จะไม่ ขยันบริโภค คือพยายามรู้ให้หมดว่ามันเก่งอย่างไร ทำอะไรได้บ้าง แล้วก็เลือกเรียนรู้สิ่งที่จำเป็นต้องใช้จริงๆ เพื่อสร้างสรรค์งานที่มีคุณค่า มีความหมาย จนพบว่างานที่ดีแล้วนั้นจะดีขึ้นไปอีกถ้า ??? ก็เพิ่มพูนความรู้ที่จะทำให้เกิดผลอย่างนั้น เรียนเท่าที่ควรรู้
มันเป็นเคล็ดลับว่าถ้าเอางานเป็นตัวตั้ง ความสำเร็จของงานจะนำมาซึ่งความพอใจ อยากพัฒนาต่อไป การเรียนรู้อะไรก็ดูจะมีชีวิตและมีค่า มากกว่าการฝึกทักษะที่หลากหลายโดยไม่ได้มีเป้าหมายที่แจ่มชัด ผิดถูกไม่ทราบ แต่ผมตัดสินใจเตือนนักศึกษาบ่อยๆว่า การอยากรู้มากๆโดยตอบไม่ได้ว่า รู้ไปทำไม ระวังความรู้จะท่วมทับจนทำอะไรไม่ได้ นั่นก็ดี นี่ก็ชอบ โน่นก็สวย นี้ก็วูบวาบดี ฯลฯ สุดท้ายก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
อีกประการหนึ่ง การเรียนรู้อะไรที่มากเกินไปและคิดว่าเก็บไว้ใช้เมื่อมีโอกาส หลายครั้งไม่ทันได้ใช้เขาก็ เลิกผลิตเลิกใช้สิ่งนั้นไปแล้ว มีของใหม่ที่ง่ายกว่า ดีกว่าออกมา ก็เลยเสียเวลาฝึกฝน จดจำ
ขอแลกเปลี่ยนโดยเทียบกับการใช้พจนานุกรมได้ไหมคะ เพราะบางทีเราหาคำใดคำหนึ่ง เราก็แค่เปิดตรงไปที่ตรงนั้นเลย เราไม่จำเป็นต้องนั่งอ่านพจนานุกรมให้หมดเล่มก่อน แล้วค่อยมาเริ่มเปิดหา
เพราะฉะนั้นการเรียนรู้ว่าโปรแกรมนั้นๆทำอะไรได้บ้าง (ภาพหลักๆ) มีโปรแกรมอะไรที่ทำงานแบบเดียวกัน ถ้าเลือกได้ก็ลองเล่นๆดู แล้วเลือกเอาอันที่เราใช้ได้เร็วกว่า (ถูกจริตกับเรา) แล้วก็ใช้เป็นเครื่องมือเพื่อทำงานของเรา ไม่ใช่ให้โปรแกรมมาใช้เราเป็นเครื่องมือเรียนรู้มัน
แต่ถ้าว่างๆ หาความรู้เก็บๆไว้ก็ไม่เสียหลายอะไรค่ะของบางอย่างกว่าจะได้ใช้ก็นานจนไม่คิดว่าจะเป็นไปได้เลย มีประสบการณ์มาแล้วค่ะ
เข้าทำนอง รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหามค่ะ
ขอบคุณท่าน Panda ครับ ที่มาร่วมวงแสดงทัศนะ
หลายอย่างในบรรดาลูกเล่นที่มีมากับโปรแกรมต่างๆ ไม่ก่อประโยชน์ เช่น Pie Graph หรือ Bar Graph ที่มีลักษณะ สามมิติ อาจดูน่าสนใจ แต่ในแง่การสื่อความหมาย แบบสองมิติ เดิมๆ ง่ายๆ เหนือกว่าแน่นอน ไม่มีอะไรมาทำให้สับสนหรือ Distract ไปจากเรื่องที่กำลังนำเสนอ .. ไม่แน่นะครับ ดู Pie Graph แล้วอาจหิวขนมเค้กก็ได้ เพราะสีสรร และรูปทรงสามมิติเป็นเหตุ
สวัสดีค่ะ อาจารย์
ในปัจจุบันนี้ เราต้องรู้จักบริหารจัด การให้ได้แก่นดีกว่าค่ะ
สวัสดีค่ะ ท่านอาจารย์ Handy