ข้ามพ้นชาตินิยม ‘ไทย-มลายู’ |
วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน 2005 16:58น. | |
ศูนย์ข่าวอิศรา สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย อับดุชชะกูร์ บินชาฟิอีย์ ดินอะ ด้วยพระนามของอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตากรุณาปราณีเสมอ มวลการสรรเสริญเป็นกรรมสิทธิพระองค์ผู้ทรงอภิบางแห่งสากลโลก ขอความสันติสุขจงมีแด่ศาสดามูฮัมมัด และผู้เจริญรอยตามท่านสุขสวัสดีแด่ผู้อ่านทุกคน เหตุการณ์ความรุนแรงภาคใต้ นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ทั้งการปล้นปืนค่ายทหาร การสังหารพระภิกษุและสามเณร กรณีกรือเซ๊ะ การหายตัวของทนายสมชาย นีละไพจิตร การสลายการชุมนุมที่อำเภอตากใบ การสังหารนาวิกโยธิน 2 คนที่ตันหยงลิมอร์ ความตายรายวันของผู้นำชุมชนมุสลิม อุสต๊าซและโต๊ะครู การลอบสังหารเจ้าหน้าที่รัฐระดับล่าง จนถึงการฆ่าพระและเผาวัดพรหมประสิทธิ์เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2548 พูดให้สั้นที่สุด เรากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ต่างฝ่ายต่างสูญเสียความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน ทุกฝ่ายคิดว่าอีกฝ่ายคือ “ฝ่ายตรงข้าม” ที่เป็นฆาตกรโหดร้าย เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อใจมลายูมุสลิม มุสลิมหวั่นระแวงว่าไทยพุทธจะมองในแง่ร้าย ไทยพุทธสงสัยความบริสุทธิ์ใจของมลายูมุสลิม มุสลิมสูญเสียความเชื่อมั่นในความเที่ยงธรรมของฝ่ายบ้านเมือง ฯลฯ ซึ่งหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป สายสัมพันธ์ระหว่างคนทุกฝ่ายในสังคมก็คงพังลงไปอย่างไม่มีชิ้นดี ในระดับปัจเจกชนนั้น เมื่อพูดว่าเราไม่ไว้เนื้อเชื่อใจใคร นั่นก็แสดงถึงภาวะของความไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร มีพื้นฐานจิตใจ, วิถีชีวิต และความคิดความเชื่อ แตกต่างจากเราขนาดไหน ความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจจึงเริ่มต้นจากความ “ไม่รู้” ที่บานปลายจนเห็นคนอื่นเป็น “คนแปลกหน้า” ถึงขั้นที่หวาดระแวงอย่างลึกซึ้ง ขณะที่ในระดับสังคมนั้น ความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจก็แสดงถึงความหมางเมินเหินห่าง เป็นร่องรอยของความไม่ผสมกลมเกลียวระหว่างคนแต่ละฝ่ายในสังคม หลังจากนั้นคณะสงฆ์จังหวัดปัตตานีได้ออกแถลงการณ์จำนวน 20 ข้อเรียกร้องให้รัฐบาล แก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยหนึ่งในข้อเรียกร้องดังกล่าวมีการเสนอให้ยุติบทบาทการทำงานของ“คณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ”หรือ(กอส.)รวมอยู่ด้วย เนื่องจากเห็นว่าไม่มีความเป็นกลางโดยมักเข้าข้างและเห็นใจกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบและมุสลิม หลังแถลงการณ์อันเป็นที่มาของกระแสความสนใจต่อปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะผลกระทบต่อพระสงฆ์ และชาวไทยพุทธ ที่สำคัญเป็นแรงขับขับเคลื่อนให้คณะสงฆ์จังหวัดนราธิวาสมีมติยอมรับพร้อมทั้งได้ประสานไปยังคณะสงฆ์จังหวัดยะลา เพื่อร่วมกันรับรองว่าแถลงการณ์ของคณะสงฆ์จังหวัดปัตตานีถือเป็นแถลงการณ์ร่วมกันของคณะสงฆ์3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปรากฏการณ์ดังกล่าวนับเป็นบทสะท้อนความรู้สึกพระสงฆ์3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อบทบาทการแก้ปัญหาความไม่สงบของรัฐบาล จากความคิดของคณะสงฆ์ดังกล่าวย่อมสะท้อนความตึงเครียด ความหวาดระแวง ความไม่ไว้วางใจกันจนนำไปสู่ความแค้นระหว่างประชาชนมุสลิม-พุทธ(หรือผู้นำศาสนาบางคนทั้งพุทธ-มุสลิม) จนในที่สุดต้องระเบิดอารมณ์การแก้ปัญหาด้วยความรุนแรงซึ่งในสังคมพุทธก็จะมองว่าประชาชนและผู้นำชาวพุทธ(บางคน) โดนผู้ก่อการมุสลิมรังแกก่อนในขณะประชาชนและผู้นำมุสลิม(บางคน)ก็โดนเจ้าหน้าที่พุทธร่วมมือกับชาวพุทธบางคนรังแกและทำร้ายมุสลิมก่อน ความสัมพันธ์ เหตุการณ์ความรุนแรงในโลกและในประเทศ เป็นที่ประจักษ์มาตลอดหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมาเป็นสิ่งยืนยันบ่งบอกให้เป็นที่เข้าใจได้ไม่ยากว่าวิกฤตการณ์ใน 3-4 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะยืดเยื้อและทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ในต่างประเทศก็เช่นกัน เช่น กรณีระเบิดรถไฟใต้ดินสามแห่ง และรถประจำทางสองชั้นคันหนึ่งในกรุงลอนดอนเมื่อช่วงเวลารีบด่วนสายวันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม 2548 ทำให้มีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตจำนวนมากและบาดเจ็บอีกเกือบพันคน และเหตุการณ์ระเบิดรถไฟใต้ดินและรถประจำทาง 4 จุด เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2548 กำลังสร้างความไม่พอใจของคนอังกฤษต่อมุสลิมในประเทศอังกฤษจำนวนมาก จนทำให้เกิดการทำลายศาสนสถาน มัสยิดหรือแม้กระทั่งคนมุสลิมเองรู้สึกไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินหรือแม้กระทั่งเหตุการณ์ก่อร้ายทำลายผู้บริสุทธิในประเทศมุสลิมเอง(อย่างเหตุการณ์ก่อการร้ายที่ชัรมุลชัค์ประเทศอียิปต์) ใครที่เป็นมุสลิมจะถูกจับตามองเป็นพิเศษจากตำรวจและหน่วยสืบราชการลับ เหตุการณ์เหล่านี้เคยเกิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา หลังเหตุการณ์ 11 กันยายน หรือแม้กระทั่งคนมุสลิมเองรู้สึกไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินและกำลังเกิดความรู้สึกเช่นนี้เช่นเดียวกันกำลังประสบในความคิดของคนไทยส่วนหนึ่งหลังวิกฤตการณ์ใน 3-4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ยืดเยื้อและทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น คำว่ามุสลิมหัวรุนแรง กลุ่มก่อร้ายมุสลิม เครือข่ายก่อการร้ายมุสลิมสากลถึงแม้มุสลิมส่วนใหญ่ยอมรับไม่ได้เมื่อสื่อไทยหรือเทศรายงานข่าวหลังเหตุการณ์ก่อการร้าย แต่สิ่งหนึ่งที่มุสลิมเองจะต้องยอมรับคือ มีมุสลิมส่วนหนึ่งจริงๆ (ส่วนน้อยของประเทศไทยหรือทั่วโลก) เป็นผู้ปฏิบัติการ สิ่งที่เห็นได้ชัดจากการประกาศสงครามปราบปรามการก่อการร้ายของสหรัฐคือชีวิต และทรัพย์สินของชาวอัฟกานิสถานและอิรักซึ่งไม่ทราบว่ามุสลิมประเทศใดจะเป็นรายต่อไป ไม่ว่าความรุนแรงจะมีสาเหตุมาจากที่ใดแต่มุสลิมส่วนใหญ่ผู้รักสันติ (แนวคิดสายกลาง โดยเฉพาะบรรดาผู้รู้ด้านศาสนา) จะต้องรีบออกมาแก้ปัญหาของตนอย่างเร่งด่วนก่อนที่ชีวิตและทรัพย์สินจะคืบคลานเข้ามาสู่ตัวเอง ชัยคฺ ดร.ยุซุฟ อัลก็อรฏอวีย์ (ชาวอียิปต์) ประธานของสหภาพนักปราชญ์มุสลิมนานาชาติ (IAMS) กล่าวว่า ปัจจัยต่างๆ ของปรากฏการณ์ความรุนแรง 1.การขาดแนวคิดสายกลาง เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องให้แนวคิดอิสลามสายกลางเป็นที่แพร่หลายในหมู่คนหนุ่มสาว เพื่อที่พวกเขาจะพบวิถีทางที่ถูกต้องแทนที่พวกเขาจะทำตัวไม่เปิดเผย ซึ่งการขาดแนวคิดเช่นนี้ได้เปิดโอกาสให้แนวคิดสุดโต่งแทรกเข้ามา 2.การขาดอุละมาอฺ(นักปราชญ์อิสลามศึกษา) ที่แท้จริง ซึ่งสามารถให้ความเชื่อมั่น (ต่อแนวทางสายกลาง) ด้วยหลักฐานที่มาจากอัลกุรอานและซุนนะฮฺ (วจนศาสดา) พวกเขาได้หายไปจากสนามแห่งนี้ จึงเปิดโอกาสให้กับผู้ที่ขาดคุณสมบัติ ที่ถูกเรียกว่าอุละมาอฺซึ่งทำงานเพื่อผู้ที่มีอำนาจ ดังนั้น คนหนุ่มสาวจึงสูญเสียความเชื่อมั่นไป และได้ตั้งตัวพวกเขากันเองให้เป็นชัคย์ (คือเป็นโต๊ะครูหรือนักปราชญ์อิสลามศึกษา) ในการฟัตวา (วินิจฉัยหลักศาสนา) ประเด็นปัญหาที่ซับซ้อน 3.การแพร่กระจายของความชั่วร้ายและเพิ่มขึ้นของการกดขี่ในสังคมเป็นเหตุผลที่สร้างความไม่พอใจอย่างรุนแรง แนวคิดของมุสลิมสายกลาง แนวคิดสายกลางในที่นี้หมายถึงแนวคิดที่เข้าใจหลักการและเป้าหมายของศาสนาอิสลามอย่างถูกต้องและใช้แนวคิดสันติวิธีในการแก้ปัญหา อัลลอฮได้ตรัสความว่า และในทำนองเดียวกัน เราได้ให้พวกเจ้าเป็นประชาชาติสายกลาง เพื่อพวกเจ้าจะได้เป็นสักขีพยานแก่มนุษย์ทั้งหลาย และศาสดาก็จะเป็นสักขีพยานแก่พวกเจ้า (ซูเราะฮอัล บะกอเราะฮฺ 2:143) อัลลอฮฺ ได้ทำให้อุมมะฮฺ(ประชาชาติ)นี้เป็นอุมมะฮฺสายกลาง ดังนั้น มุสลิมต้องดำเนินตามทางสายกลาง ทางซึ่งไม่มีการสุดโต่งหรือความเลยเถิดใดๆ เป็นวิถีทางที่จะต้องมีการเข้ามาร่วมกันเป็นความสมดุลที่ประสานกลมกลืน จากความรุนแรงของโลกและจังหวัดชายแดนภาคใต้มุสลิมสายกลางโดยเฉพาะอุละมาอ์ของไทยและโลกจะต้องเป็นผู้นำในการแก้ปัญหาและควรมีจุดยืนดังนี้ (1) สร้างมหาประชามติปฏิเสธการใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา (2) แสดงอุดมการณ์อิสลามเพื่อสันติภาพอย่างเข้มข้น (3) ศึกษาและเผยแผ่ทรรศนะอิสลามที่ถูกต้องเกี่ยวกับการอยู่ร่วมกับต่างศาสนิกอย่างสันติและความสมานฉันท์ในสังคมที่มีความหลากหลาย 1.ความไม่สงบมีผลกับทุกคนไม่ว่าจะเป็นผู้ก่อการ รัฐ ผู้นำศาสนาและ ประชาชนผู้บริสุทธิ 2.เป็นที่ทราบกันดีว่าเยาวชนในวันนี้ไม่มีส่วนร่วมกับอดีตประวัติศาสตร์ชาติไทย ถึงแม้ว่าในอดีตจะสร้างให้คนหลายๆ คนเป็นวีรบุรุษ หลายๆ คนเป็นอาชญากร ในอดีตของการเกิดประเทศไทยยุคปัจจุบันมีหลายรัฐ หลายเชื้อชาติ ต่อสู้กันผลัดกันแพ้ ผลัดกันชนะ ปัจจุบันทุกคนต้องยอมรับความจริง ประเทศไทยยุคปัจจุบันมีคนหลากเชื้อชาติ เพราะฉะนั้นบรรพบุรุษแต่ละคนอาจต่างกัน อาจมาจากแผ่นดินอื่น อาจมีการผสมผสานทางเชื้อชาติกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ความผิดของคนปัจจุบัน 3. คนทุกคนไม่ว่าจะแตกต่างด้านศาสนาและเชื้อชาติแต่ทุกคนมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือความเป็นมนุษย์ มนุษย์ทุกคนมีเกิด แก่ เจ็บ ตาย มีร้อน มีหนาว มีสุขและทุกข์เหมือนกัน ในภาวะปัจจุบันเราจะต้องมองข้ามในอัตลักษณ์ของตนเอง เราจะต้องมองว่ามนุษย์ทั้งโลกเป็นพี่น้องกัน ศาสนาอิสลามและคริสต์มองว่ามนุษย์ทั้งโลกมาจากพ่อและแม่คนเดียวกันคืออดัมและอีฟ ที่สำคัญมุสลิมโดยเฉพาะเยาวชนหรือเปอมูดอลองถามตัวเองซิว่าพระเจ้าทรงส่งศาสดามาเพื่อประทานความเมตตาแก่ใคร? มิใช่พระเจ้าทรงส่งศาสดามาเพื่อประทานความเมตตาแก่ประชาชาติและสรรพสิ่งทั้งโลกหรือ? ความเมตตามิใช่เฉพาะมุสลิมอย่างเดียวหรือแม้กระทั่งมนุษย์อย่างเดียวเพราะคำว่าสรรพสิ่งนั้นคือทุก สิ่งทั้งมีชีวิตและไม่มีชีวิต(โปรดดูอัลกุรอาน ซูเราะฮอัลอัมบิยาอฺ 21 : 107) เพราะหากไม่รีบทำอาจจะนำไปสู่สงครามระหว่างศาสนา-เชื้อชาติได้ในที่สุด หวังว่าศาสนธรรมและสันติธรรมไม่ใช่เป็นเพียงเป้าหมายเท่านั้น แต่เป็นวิถีทางที่สำคัญในการอยู่ร่วมอย่างสันติ และขอดุอาอ์(พร)จากอัลลอฮ ซุบฮานะฮุ วะ ตะอาลาโปรดทรงรวมพลังของพวกเราให้อยู่บนทางนำ และรวมหัวใจของพวกเราอยู่บนความรักฉันท์พี่น้อง และความมุ่งมั่นของพวกเราอยู่บนการงานที่ดี และขอทรงทำให้วันนี้ของพวกเราดีกว่าเมื่อวาน และให้พรุ่งนี้ของพวกเราดีกว่าวันนี้ แท้จริงพระองค์นั้นเป็นผู้ทรงได้ยินและทรงอยู่ใกล้และนำความสงบสุขสู่จังหวัดชายแดนใต้และประเทศชาติทั้งมวลด้วยเทอญ |
ไม่มีความเห็น