อยากบันทึกเก็บไว้..เรื่องความฝันที่ประทับใจ


ทั้งหมดเป็นเพียงแค่ความฝัน ที่มันยังประทับใจไม่ลืม ดีใจที่ได้ฝันเช่นนั้น แต่รับรองว่า..ไม่ได้งมงายหมกมุ่นกับมันหรอกนะ แค่ยังจำไม่ลืมเท่านั้น

เชื่อว่าทุกคนย่อมเคยหลับและฝันไปในเรื่องมากมาย ทั้งฝันดีและร้าย จำได้และไม่ได้ สลับกันไป แน่นอนล่ะ ความฝันที่ทำให้คุณจำได้ ย่อมมีสักสองสามเรื่องที่สร้างความประทับใจแก่คุณ มาลองเล่าสู่กันให้ฟังหน่อยไหม (เผื่อว่าใครจะได้เอาไปฝันตามมั่ง ^O^ )

สำหรับตัวเรานั้น   ความฝันที่สร้างความประทับใจมีหลายเรื่อง แต่ที่ประทับใจที่สุดไม่รู้ลืมก็มี



(1).... เข้าเฝ้าพระราชบิดาฯ

ตอนนั้นเพิ่งสอบได้แล้วเข้ามาเรียนอยู่ที่ ม.สงขลานครินทร์ใหม่ๆ ก็ฝันว่าได้เดินเข้าไปในอาคารไม้เก่าๆแต่ใหญ่โตรโหฐานมากแห่งหนึ่ง เหมือนๆวังเจ้าที่ไหนสักแห่ง แล้วขึ้นบันไดมายังห้องโถงใหญ่ ด้านในสุดเป็นเวทียกพื้นสูงระดับสะเอว (นึกถึงศาลาวัดที่ยกพื้นให้พระนั่ง แต่ที่นี่จะใหญ่โตและสวยกว่า) บนเวทียกพื้นมีคนนั่งสามสี่คน แต่ละคนร่างจะใสและโปร่งแสง (คือสามารถมองทะลุไปได้ นึกถึงในร่างวิญญาณในหนังทีวี) คนที่นั่งตรงกลางแต่งตัวดี บุคลิกสง่ามีราศีทรงอำนาจมาก ตอนนั้นเหมือนมีใครกระซิบบอกเราว่า นั่นคือพระราชบิดากรมหลวงสงขลานครินทร์นะ ให้เราไปกราบท่านซะ ก็เลยคลานเข่าเข้าไปกราบ แล้วท่านก็ตรัสต้อนรับ และบอกเราว่า อยู่ที่นี่ให้ดีๆมีความสุขนะ มีปัญหาอะไรไม่ต้องกังวล พระองค์ท่านจะช่วย  (ขออภัยนะคะ.. คือไม่มีเจตนาจะแอบอ้างถึงพระองค์ท่าน เพียงแต่ในฝัน เรารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ)

เช้าวันรุ่งขึ้นตื่นขึ้นมารู้สึกดี มีกำลังใจมากๆเลย   ตลอดเวลาสี่ปีที่เราที่นี่ การเรียนก็ไม่มีปัญหาอะไร และจิตใจก็ผูกพันต่อสถาบันที่นี่มากจนไม่อยากไปไหน รู้สึกว่าที่นี่เหมือนบ้าน และมีใครคอยดูแลอยู่ห่างๆ เหมือนมีที่พึ่งทางใจอย่างหนึ่ง เวลาว่าง เราก็ชอบไปกราบพระบรมรูปของพระองค์ท่าน

[ แต่ช่วงหลังนี่ไม่แน่ใจนะ ว่าจะใช่พระองค์ท่านรึเปล่า เพราะว่า หลังจากนั้นก็เหมือนมีร่างของใครบางคนที่คล้ายๆท่าน มาเตือนในฝันสองสามครั้ง   แต่ครั้งที่ประทับใจ (อีกแล้ว) คือมาบอกว่าจะพาเราไป (ไปไหนก็ไม่รู้) ให้เราไปอำลาคนที่บ้านซะ แต่พอกลับไปบ้าน เขามาเข้าฝันอีก บอกว่าไม่ต้องไปแล้ว จากนั้นวันรุ่งขึ้นเราเดินทางกลับหาดใหญ่ รถบัสประจำทางก็พลิกลงข้างทาง ในท่าตะแคงเกือบเก้าสิบองศาแน่ะ.. โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บสาหัส หรือเสียชีวิต เพราะเดชะบุญ มีต้นตะแบกต้นขนาดเท่าท่อนแขนผู้ชายค้ำไว้ตรงกลางรถพอดี ส่วนตัวเราก็แค่ฟกช้ำเพราะโดนคนทับใส่ตอนที่รถมันตะแคง ]

.....................................


(2)... ฝันย้อนอดีตไปสามสี่ครั้งติดต่อกัน

มันเป็นความฝันที่ประหลาดมากอีกเหมือนกัน ฝันนานมาแล้ว แต่มันจำได้ เพราะประทับใจมาก

คืนแรกฝันไปว่าได้ไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง หมู่บ้านเล็กๆที่อยู่ริมชายทะเล ที่นั่นเหมือนกับเราเคยไปนะ(ความรู้สึกมันบอกอย่างนั้น แต่ก็นึกไม่ออก คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นที่ลำปำ (จ.พัทลุง) เพราะได้จัดทำเป็นรีสอร์ที่สวยงามมาก แต่ในฝันที่เราไปนั้น มันยังเป็นชายป่าริมทะเล ที่ยังไม่มีการพัฒนา มีที่ทำการตำบลหลังเล็กๆ ติดภาพเก่าๆ นาฬิกาเก่าๆ สภาพมันโบราณจนน่าแปลกใจ   เราสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่มันเก่าๆ จึงดูปฏิทิน (หรืออะไรบางอย่างจำออกรางๆไม่แน่ใจ) ถึงได้รู้ว่า ที่ที่เราไปนั้น มันเป็นเวลาอดีตราวๆสี่สิบกว่าปีโน่น พศ. ตอนนั้น ก่อนที่เราจะเกิดซะอีก ถ้าจำไม่ผิด คงราว พศ. สองพันห้าร้อยกว่าๆนะ พอตื่นขึ้นมา ภาพที่เห็นในความฝันยังประทับติดตาเรามากเลย

แล้วคืนต่อมา ก็ฝันอีก ฝันถึงที่แห่งเดิม แต่เวลามันย้อนไปเป็นราวๆช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง จำรายละเอียดในความฝันไม่ได้ แต่ที่จำได้คือ ตอนนั้นจะมีทหารหลายคนที่ทำสงครามกับพวกญี่ปุ่น แล้วในฝันเหมือนกับเขาให้เราตามหาใครบางคน คนๆนั้นเรายังจำชื่อเขาได้ จำได้อย่างประหลาด แต่เราไม่เคยเห็นหน้าเขา ไม่เคยได้พบเขา แต่ในฝันมีคนบอกให้ตามหาเขาให้พบ ขอโทษนะคะหากชื่อนี้ไปตรงกับใครเข้า แต่ขออนุญาตมาเอ่ยถึง ณ ตรงนี้เถิดนะ จำได้ชัด เหมือนชื่อนั้นก้องอยู่ในหู   เขาชื่อ " คำรณ ปราโมทย์" ในฝันนั้น เป็นนายทหารยศสัญญาบัตรคนหนึ่ง

คืนต่อมา ก็ฝันอีกแล้วเรื่องราวติดต่อกันเลย แต่ในฝันนั้น ย้อนๆเวลาไปราวๆสมัยรัชกาลที่เจ็ด ตัวเราเองเหมือนกับเข้าร่วมองค์การอะไรสักอย่าง เป็นองค์การลับที่เกิดจากการรวมตัวกัน เพื่อต่อสู้หรือเรียกร้องอะไรสักอย่างของประเทศไทยอะไรประมาณนี้ จำรายละเอียดไม่ได้

คืนต่อมาก็ฝันอีก คราวนี้ย้อนไปสมัยรัชกาลที่ห้า ฝันว่าได้เข้าไปในวัง เจอบุคคลมากมาย   รายละเอียดมันเบลอๆ จำไม่ได้นะและไม่รู้ว่ารู้จักใครหรือเปล่าในฝันมันรางๆรู้แต่ว่ามีหลายคนเป็นระดับเจ้านายฝ่ายในนะ แต่ตัวในชุดโจงกระเบน

มันก็แปลกอยู่อย่างที่เพิ่งสังเกตคือ ยิ่งฝันว่าย้อนเวลาเข้าไปนานเท่าใด ภาพที่เห็นจะเลือนลางขึ้นเท่านั้น และจำเหตุการณ์ในฝันได้น้อยลง

จนสุดท้าย ที่ฝันถึงเรื่องประมาณนี้ คือฝันว่าเรามาอยู่ที่สงขลาค่ะ ยืนอยู่ริมแม่น้ำ หรือริมทะเล ในฝันก็บอกไม่ถูกนะ ตอนนั้นเหมือนกับว่ามายืนรอใครบางคนซึ่งเขาอยู่ไกลแสนไกลและกำลังจะเดินทางมาที่นี่ และต่อมาก็ปรากฏเรือประทุนลำใหญ่ แล่นตรงมาที่ท่าน้ำ บนหัวเรือยืนไว้ด้วยบุรุษร่างสูงใหญ่ท่าทางภูมิฐานมีอำนาจใส่โจงกระเบนผ้าสีหมากไม้ ผมทรงมหาดใทย ไว้หนวดริมฝีปาก

ในฝันเหมือนกับเขาก็คือคนที่เรากำลังรออยู่   เหมือนกับว่าเราเป็นวิญญาณเร่ร่อนที่รอเขาอยู่นานแล้ว แล้วเขาก็บอกให้เรามารอที่นี่   และในใต้จิตสำนึก มันเหมือนบอกว่า การที่เราต้องจากจังหวัดบ้านเกิดมาอยู่ที่สงขลา ก็เพื่อรอคอยการมาของเขา จากนั้นเราก็ตื่น..แล้วมันก็เหมือนกับว่าพันธะสำหรับการฝันในเรื่องเหล่านี้ได้สิ้นสุดลงตรงนี้ แล้วหลังจากนั้นก็ไม่ได้ฝันเรื่องการย้อนอดีตไปอีกเลย แต่ความฝันทุกอย่างยังคงถูกจดจำอยู่ในใจของเรา   แม้ว่ามันจะผ่านมานานเกือบสิบปีแล้วก็ตาม

โอ้ย..อะไรจะพิสดารแฟนตาซีได้ขนาดนั้น (เอาไปแต่งนิยายได้สักเรื่องเลยนะเนี่ย) แต่สาบานได้นะคะ ว่าตอนนั้นยังไม่เคยอ่านหรือดูนิยายเรื่องการย้อนอดีตแบบทวิภพเลย แล้วก็ไม่เคยนึกคิดเรื่องเหล่านั้นจนเก็บไปฝันได้เลย (ช่วงนั้นบ้าหนังจีนอยู่ ไม่เคยสนใจหนังไทยเลย)

แต่มันเป็นความฝันทีแปลกๆเอามากๆ ดังนั้นจึงจำได้ไม่ลืม จนกระทั่งบัดนี้ก็ยังอดคิดถึงมันไม่ได้ และอยากรู้เหมือนกันว่าฝันคราวนั้น เป็นจิตใต้สำนึก หรือลางสังหรณ์   แต่สิ่งหนึ่งที่ยืนยันได้ว่าความฝันมันโกหก.. คือเรามาอยู่สงขลา (หาดใหญ่)   นับเวลาตั้งแต่เรียนจนถึงปัจจุบันก็ปาไป 20 ปีแล้วมั้ง แต่ยังไม่เจอใครเลยอ่ะ 55555

.....................................




(3)..ฝันว่าไปเที่ยวนรกภูมิ


คราวนี้ก็ฝันแปลกอีก ฝันมาหลายปีแล้วนะ แต่ยังจำได้ คือในฝัน ฝันว่าไปยืนรอรถที่ศาลาริมถนนแห่งหนึ่ง ซึ่งถนนสายนั้นแปลกมาก ปลายถนนสองด้านมองเห็นแต่เป็นฝุ่นควันดินแดง ไม่รู้ว่าจากที่ไหนและไปที่ไหน รู้แต่ว่ามายืนรอรถ และข้างๆก็มีคนมายืนรอมากมาย แต่ละคนใบหน้าซีดหมอง รออยู่พักใหญ่ก็คล้ายกับมีรถมา จำรถไม่ได้ จิตสำนึกบอกว่ามันเป็นรถประจำทาง พอเราขึ้นรถ ความรู้สึกมันก็เหมือนหลุดลอยไปวูบ

พอมาได้สติรู้สึกตัว ก็เหมือนมารออยู่ที่ชานชาลาแห่งหนึ่ง เพื่อรอรถไฟที่จะเข้าอุโมงค์ เป็นอุโมงค์ที่เหมือนเป็นถ้ำนะคะ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องรอ และจะไปไหน รอยู่สักพักรถไฟก็มา พอเราขึ้นรถ ความรู้สึกมันก็วูบไปอีกครั้ง

มารู้สึกตัวอีกที ก็มายืนอยู่หน้าสถานที่ทำการอะไรสักอย่างที่ใหญ่โตนะ ที่หน้าประตูจะมีคนเข้าแถวยาวเพื่อเข้าไปข้างในนั้น และมีเจ้าหน้าที่ตั้งโต๊ะสองตัวขนาบเข้าทางเข้าประตู เพื่อจดและเช็คชื่อคนที่มาเข้าแถว   สังเกตว่าคนที่เข้าแถวเข้าไปหน้าตาหมองซีดมาก บางคนก็มีแผลถลอกปอกเปิก   เราจะไปยืนเข้าแถวกับเขาด้วย แต่ก็มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งเข้ามาบอกเราว่าไม่ต้องเข้าแถว เพราะว่าเรายังไม่ตาย คนเหล่านั้นเป็นวิญญาณคนที่ตายไปแล้ว มาเช็คชื่อเพื่อผ่านไปฟังคำพิพากษาอะไรประมาณนี้

ตัวเราถูกจูงออกมาจากแถวแล้วพาเข้าไปในสถานที่แห่งนั้น จะมีเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง ที่มาต้อนรับพูดคุยกับเราอย่างดี เหมือนกับเราเป็นแขก ของที่นั่น แล้วเขาก็พาเราไปเยี่ยมชมห้องต่างๆซึ่งเขาบอกว่าเป็นห้องลงทัณฑ์สำหรับคนที่ทำความชั่ว เป็นนรกขุมต่างๆ ในฝัน จำได้ลางๆว่าไปดูแค่สองสามขุม แต่ละที่น่ากลัวนะ เรามองไปทางช่องข้างประตู เห็นข้างในนั้นเหมือนกับเป็นห้องผนังทำด้วยหินมีแท่นทรมานตรงกลาง คนที่พาเรามาเขาจะบอกบรรยายให้ฟังว่าคนๆนั้นทำความผิดอะไรมา จึงโดนลงโทษแบบนี้ ฯลฯ

่เดินเยี่ยมชมอยู่สักพักก็ได้เวลาที่จะต้องกลับ ก่อนกลับเราก็ถามเขาว่า อยากรู้ว่าชะตาของตัวเองว่าจะถึงฆาตวันไหน เขาบอกได้ไหม เจ้าหน้าที่คนนั้นบอกว่าบอกได้ เพราะดวงชะตาอายุขัยของแต่ละคนจะมีบันทึกไว้ แล้วเขาก็บอกวันเดือนปีนั้นกับเรา   แล้วเราก็ท่องไว้ในใจนะ

แต่เชื่อไหม.. แปลกมากเลย พอตื่นขึ้นมา   เราสามารถจำเหตุการณ์เกือบทุกอย่างได้ชัดเจนมากเหมือนไปมาจริงๆ แต่ว่าลืมอยู่เรื่องเดียว
คือลืมว่า ตัวเราจะต้องตายวันไหน มันเหมือนถูกลบออกไปจากความจำเลยล่ะ แปลกมากๆๆๆ


.....................................

 



(4)...ฝันว่าไปขอแม่กลับมา

ตอนนั้นแม่ยังมีชีวิตอยู่ แต่ก็ป่วยออดๆแอดๆนะ เพราะต้องรับยาเคมีบำบัด แล้วคืนหนึ่งเราก็ฝันว่ามีคนเอาแม่ไปอยู่บนเขา เขาลูกนั้นสูงค่ะ มีบันไดสร้างขึ้นไปเป็นขั้นๆทอดขึ้นไปข้างไปข้างบนซึ่งปกคลุมด้วยม่านหมอกเมฆสีขาว

ในฝัน เราเดินขึ้นบันไดไปตามหาแม่ เพื่อเอาแม่กลับลงมา ขึ้นไปได้กลางทางก็เจอศาลาแห่งหนึ่งบนศาลามีปู่ ตาซึ่งเสียชีวิตไปแล้วนั่งอยู่   แต่ในความฝันเราจำไม่ได้ว่าท่านได้เสียไปแล้ว จึงเข้าไปไหว้สวัสดีท่านแล้วบอกพวกท่านว่าเราอยากขอแม่กลับมาอยู่กับพวกก่อน   ขอร้องอยู่นาน ตาจึงอนุญาต แต่ก็พูดเชิงบอกว่าให้กลับไปชั่วคราวนะ แล้วจากนั้นก็มีคนพาแม่มาให้   เราดีใจมากเลย จูงแม่เดินลงบันได บอกแม่ว่าเรากลับบ้านของเรานะ

หลังจากนั้นไม่นานแม่ก็ป่วยหนักเข้าไอซียูค่ะ แล้วแม่ก็อาการดีขึ้น หายกลับบ้านได้ อยู่กับพวกเราราวๆครึ่งปีกว่าๆ ก่อนที่จะอาการทรุดลงด้วยมีลูคีเมีย จากนั้นเข้าไอซียูอีกครั้ง เราก็นึกเสียวๆอยู่แล้ว เมื่อนึกถึงความฝัน แต่ไม่กล้าบอกใคร เรื่องที่ตาให้พาแม่กลับมาชั่วคราว    แล้วในที่สุดแม่ก็จากพวกเราไปจริงๆจนได้   คราวนี้ไม่มีโอกาสได้กลับบ้านอีกเลย

เฮ้อ.. ตาอนุญาตให้แม่กลับมาชั่วคราวจริงๆด้วย

.....................................



ยังมีฝันสนุกๆแปลกๆทำนองนี้อีกหลายครั้งนะ   แต่ที่เล่าให้ฟังข้างบนคือฝันที่ประทับใจมากที่สุด ความฝันบางเรื่อง อาจฟังแล้วเหมือนนิยาย แต่ขอยืนยันว่า มันเป็นเรื่องจริงไม่ใช่เรื่องแต่ง แต่เราก็ไม่ได้งมงายกับมันมากหรอกนะ แค่มันไม่ยอมลืมเท่านั้นเอง กับมีหลายครั้ง ที่เหมือนเป็นลางบอกเหตุ.. ว่าถ้าฝันแบบนี้ ก็ให้ระมัดระวังตัวไว้  (ฝันอย่างไร ไว้ค่อยเล่าให้ฟังวันหลัง) 

แล้วก็อยากฟังความฝันของคนอื่นมั่งน่ะค่ะ หรือใครจะเข้ามาถก มาวิเคราะห์ความฝันของกันและกันมั่ง ก็เชิญนะ ด้วยความยินดีค่ะ

หมายเลขบันทึก: 39921เขียนเมื่อ 20 กรกฎาคม 2006 22:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน 2012 01:27 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท