เห็นด้วยครับว่า ต้องดูทุนชุมชนทั้งหมด
เราทำวิจัยเรื่องนี้เพื่อ ใช้องค์กรการเงินชุมชนซึ่งเป็นทุนทางสังคม(หรือเป็นกระบวนการที่ใช้ทุนทางสังคมจัดตั้งขึ้น) พัฒนาทุนชุมชนทั้งระบบ
แต่องค์กรการเงินชุมชนจะทำเรื่องนี้ได้ต้องมีประสิทธิภาพหรือมีการบริหารจัดการที่ดี มิฉะนั้นก็เป็นการทำลายทุนทางสังคมในชุมชน เกิดการทะเลาะกันเช่นที่การเลือกตั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต.ซึ่งประชาธิปไตยและการกระจายอำนาจแบบไทยๆ ต้องใช้ทุนทางสังคมแลกมา(ทั้งใช้และทำลาย)
เราใช้การจัดการความรู้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาเพราะเชื่อว่าเป็นตัวสร้างความเป็นองค์กรเรียนรู้ซึ่งหรือทำให้เกิดการบริหารจัดการที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน
แต่งานนี้เป็นงานวิจัย เราจึงสังเกตผลจากปฏิบัติการ ที่เราลงไปร่วมกระทำด้วยมุมมอง"ตาหนอน" โดยใช้มุมมอง"ตานก" สังเกตและวิเคราะห์ปัจจัยแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผมใช้แบบจำลองปลาทูว่ายฝ่ากระแสน้ำเป็นแนวทางอธิบาย
(ชื่อก็บอกแล้วว่าเป็น"แบบจำลอง"จึงไม่ใช่ของจริง ถ้าใครเห็นว่าใช้แบบจำลอง(การเปรียบเทียบ)อธิบายแล้วเห็นภาพ ทำให้เข้าใจง่าย ก็เอาไปใช้ ถ้าดูแล้ว มันดึงปรากฏการณ์เข้าหาแบบนี่หว่า ก็เลิกใช้ )
เพื่อสร้างความเข้าใจในการดำเนินการพัฒนาองค์กรการเงินชุมชนให้ดียิ่งๆขึ้นต่อไป
ประเด็นหลังนี้เกี่ยวข้องกับภาคีที่มีบทบาทหน้าที่ทาบซ้อนอยู่ในการพัฒนาจำนวนมาก ซึ่งมีความสำคัญหรือมีส่วนเกี่ยวข้องลดหลั่นกันไป
เราเป็นนักวิจัย ก็จะพยายามทำบทบาทของเราอย่างมีเกียรติ/ศักดิ์ศรีและมีคุณค่ามากที่สุด
ดีใจมากที่ได้อาจารย์อ้อมและอาจารย์พิมพ์มาเป็นเพื่อนร่วมงาน
มีข้อเสนอว่าถ้าเขาทำกันเองก็คงมีระบบตรวจสอบของเขาเอง เรื่องการเงิน ของๆใครใครก็หวง
ที่ผ่านมาใช้วิธีล่อ คือให้แบบมีเงื่อนไข และการใช้เครือข่ายเสริมแรง แต่ก็อาจพังเพราะเครือข่ายก็ช่วยได้ไม่มาก
สัจจะที่ตราด ใช้เครือข่ายช่วยกันเอง
พช. พอช. สทบ.ก็พยายามใช้แนวทางนี้ เพราะทุ่นแรงที่สุด
มักจะใช้การอบรม และระบบมาตรฐาน เป็นเครื่องมือหลักเพราะลงทุนน้อยที่สุด
การเรียนรู้ด้วยกระบวนการจัดการความรู้ต้องการ พี่เลี้ยงและใช้เงินลงทุนค่อนข้างมาก
ที่น่าสนใจคือเครือข่ายพระสงฆ์ที่ประยุกต์ธรรมกับชีวิตทางโลก
ระบบการศึกษา ทั้งกศน. และโรงเรียน ถ้าเข้ามาเชื่อมโยงการเรียนรู้ในหลักวิชากับการทำงานจริงแบบเนียนเข้าด้วยกันก็จะเป็นกลไกเสริมการจัดการของชุมชนได้อย่างมหาศาล
สรุปคือเป็นงานที่ตรงตามชื่อ ผอ.บวร เลยครับ