ปัญหาการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนในกิ่งอำเภอนิคมพัฒนา
สังกัดสำนักงานพื้นที่การศึกษาจังหวัดระยองเขต 1
ผู้วิจัย : ชำนาญ ท้วมพงษ์
สาขาวิชาการบริหารบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยบูรพา เมษายน 2550
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
Abstract: การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาปัญหาการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนในกิ่งอำเภอนิคมพัฒนา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาระยองเขต 1 และเพื่อเปรียบเทียบปัญหาด้านการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนในกิ่งอำเภอนิคมพัฒนา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาระยองเขต 1 จำแนกตามขนาดโรงเรียนและประเภทของโรงเรียน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ครูผู้สอนโรงเรียนในกิ่งอำเภอนิคมพัฒนา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาระยองเขต 1 จำนวน 131 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .98 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าเฉลี่ย ความเบี่ยงเบนมาตรฐาน ใช้สถิติการวิเคราะห์ ความแปรปรวนทางเดียว และการทดสอบค่าทีผลการวิจัย พบว่า1. ปัญหาการบริหารงานวิชาการ โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า อยู่ในระดับปานกลางทุกด้านเรียงจากมากไปหาน้อย คือ ด้านหลักสูตรและการบริหารหลักสูตร ด้านการจัดการเรียนการสอน ด้านการวิจัยในชั้นเรียน ด้านการประกันคุณภาพการศึกษา ด้านการวัดผลประเมินผลการศึกษาและด้านการนิเทศภายใน ตามลำดับ2. ปัญหาการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนในกิ่งอำเภอนิคมพัฒนา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาระยอง เขต 1 จำแนกตามขนาดโรงเรียน พบว่า ปัญหาการบริหารงานวิชาการ จำแนกตามขนาดโรงเรียน โดยรวม แตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ สำหรับรายด้าน พบว่า ปัญหาการบริหารงานวิชาการ ด้านการประกันคุณภาพการศึกษา แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติส่วนด้านอื่น ๆ แตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ3. ปัญหาการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนในกิ่งอำเภอนิคมพัฒนา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาระยองเขต 1 จำแนกตามประเภทของโรงเรียนพบว่า ปัญหาการบริหารงานวิชาการโดยรวม และรายด้านของโรงเรียนประถมศึกษา โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา และโรงเรียนมัธยมศึกษาแตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญ
ความสำคัญของปัญหา
การศึกษาเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ มีความสำคัญต่อการสร้างและพัฒนาความรู้ ความคิด ความประพฤติ และคุณธรรมของบุคคลเป็นองค์ประกอบที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ เพราะการศึกษาจะช่วยให้มนุษย์มีความรู้ความเข้าใจ มีทักษะและเจตคติที่ถูกต้องในการพัฒนาตนเอง พัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมได้อย่างสอดคล้องต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมในทุกๆ ด้าน ตลอดจนเป็นรากฐานของการพัฒนาทางด้านการเมืองและการปกครองอีกด้วย และเชื่อว่าการศึกษาที่เป็นไปในแนวทางที่ถูกต้องเหมาะสมกับสภาพความต้องการทางเศรษฐกิจ สังคม การเมืองและวัฒนธรรมของประเทศจะสามารถสร้างความเจริญก้าวหน้าให้แก่สังคมไทย
การบริหารงานวิชาการโรงเรียนนักวิชาการและผู้บริหารโรงเรียนต่างก็ยอมรับกันว่าเป็นนงานที่สำคัญที่สุดของการบริหารการศึกษาทุกระดับเนื่องจากการบริหารงานวิชาการเกี่ยวข้องกับกิจกรรมทุกชนิด ในโรงเรียน โดยเฉพาะเกี่ยวข้องกับการปรับปรุงคุณภาพการเรียนการสอน.งเป็นจุดมุ่งหมายหลักของสถานศึกษา ความสามารถของผู้บริหารงานวิชาการจึงเป็นกระบวนการบริหารกิจกรรมทุกอย่างในการปรับปรุงการเรียนการสอนให้ดีขึ้น
จากรายงานคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนอยู่ในระดับปรับปรุง สาเหตุของปัญหาอาจสืบเนื่องมาจาก ครูขาดความรู้ความเข้าใจเรื่องหลักสูตรและองค์ประกอบของหลักสูตรการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน วัสดุประกอบหลักสูตร สื่อการเรียนการสอนการวัดผลประเมินผล การวิจัยในชั้นเรียน การประกันคุณภาพการศึกษาการขาดขวัญกำลังใจในการทำงาน ขาดความจงรักภักดีต่อโรงเรียน เกิดความเบื่อหน่ายและครูลาออกจากโครงการ มีส่วนทำให้คุณภาพการศึกษาต่ำไปด้วย ปัญหาการบริหารงานวิชาการเป็นหน้าที่ของผู้บริหารที่จะต้องบริหารจัดการและให้บริการ สร้างแรงจูงใจ ใช้ภาวะผู้นำให้เกิดความร่วมมือร่วมใจแก่ครูในการพัฒนาหลักสูคร และการนำหลักสูตรไปใช้การวิจัยในชั้นเรียน การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน การใช้สื่อการนนิเทศภายในสถานศึกษา การพัฒนาบุคลากรทางการศึกษา การวัดประเมินผลการเรียนการสอน การประกันคุณภาพ การทำแผนการจัดการเรียนรู้ การช่วยพัฒนาครูให้เกิดความรู้ความเข้าใจในกระบวนการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
จากปัญหาดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าโรงเรียนในกิ่งอำเภอนิคมพัฒนาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาระยอง เขต 1 น่าจะมีปัญหาการบริหารงานวิชาการที่แตกต่างกันผู้วิจัยจึงสนใจทำการศึกษาวิจัยปัญหาการบริหารงานวิชาการของโรงเรียน เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการกำหนดนโยบาย วางแผนและแนวทางในการพัฒนา ปรับปรุงส่งเสริมพัฒนางานวิชาการแก่ผู้บริหารและครูในโรงเรียนให้มีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นการประกันคุณภาพการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพุทธศักราช 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 พ.ศ.2545
ความมุ่งหมายของการศึกษาค้นคว้า
1. เพื่อศึกษาปัญหาการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนในกิ่งอำเภอนิคมพัฒนา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาระยอง เขต 1
2. เพื่อเปรียบเทียบปัญหาการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนในกิ่งอำเภอนิคมพัฒนา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาระยองเขต 1 จำแนกตามขนาดและประเภทของโรงเรียน
ความสำคัญของการศึกษาค้นคว้า
ผลของการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อโรงเรียน ผู้บริหาร ครู นักเรียน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้คือ
1. ใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงส่งเสริมและพัฒนางานวิชาการแก่ผู้บริหารและครูโรงเรียนในกิ่งอำเภอนิคมพัฒนา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาระยอง เขต 1
2. ใช้เป็นเครื่องมือกำหนดนโยบาย วางแผน และบริหารงานทางด้านวิชาการให้มีคุณภาพ เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อันจะส่งผลให้โรงเรียนในกิ่งอำเภอนิคมพัฒนา มีผลสัมฤทธิ์และมาตรฐานทางวิชาการสูงมากยิ่งขึ้น
คำถามในการวิจัย
1. ปัญหาการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนในกิ่งอำเภอนิคมพัฒนา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาระยองเขต 1 อยู่ในระดับใด
2. ปัญหาในการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนในกิ่งอำเภอนิคมพัฒนา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาระยอง เขต 1 จำแนกตามขนาดและประเภทของโรงเรียน แตกต่างกันหรือไม่
สมมติฐานการศึกษาค้นคว้า
1. ปัญหาการบริหารวิชาการของโรงเรียนในกิ่งอำเภอนิคมพัฒนา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาระยอง เขต 1 จำแนกตามขนาดโรงเรียน แตกต่างกัน
2. ปัญหาการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนในกิ่งอำเภอนิคมพัฒนา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาระยอง เขต 1 จำแนกตามประเภทของโรงเรียน แตกต่างกัน
วิธีดำเนินการศึกษาค้นคว้า
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
1. ประชากรที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ ครูผู้สอนโรงเรียนในกิ่งอำเภอนิคมพัฒนา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาระยอง เขต 1 ปีการศึกษา 2549 จำนวน 13 โรงเรียน จำนวนครู 198 คน
2. กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ ครูผู้สอนโรงเรียนในกิ่งอำเภอนิคมพัฒนา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาระยอง เขต 1 ซึ่งได้มาจากการกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างตามตารางของเครจซี และมอร์แกน (Krejcie & Morgan, 1970,pp.607-610) จำนวน 131 คน โดบใช้วิธีการสุ่มแบบแบ่งชั้น (Stratified Random Sampling) ตามขนาดโรงเรียนเทียบสัดส่วนกับจำนวนประชากร กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างของแต่ละโรงเรียน
เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
การบริหารงานวิชาการเป็นหัวใจสำคัญของการบริหารสถานศึกษาและเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารการศึกษา การตรวจสอบว่าสถานศึกษาใด ผู้บริหารให้ความสำคัญต่อการบริหารงานวิชาการสามารถดูได้จากสิ่งต่อไปนี้
ผู้บริหารสถานศึกษาสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
งานวิชาการถือเป็นงานหลักในการจัดการศึกษาในทุกระดับ ดังนั้นผู้บริหารควรใหความสำคัญในด้านการบริหารงานวิชาการเป็นอันดับแรกและให้เวลาในการบริหารงานวิชาการมากกว่าด้านอื่นๆ เพื่อให้การบริหารงานวิชาการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
กรมสามัญศึกษาได้กำหนดขอบข่ายของงานวิชาการไว้ดังนี้
เครื่องมือการวิจัย
เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมเป็นแบบสอบถามปัญหาการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนในกิ่งอำเภอนิคมพัฒนาสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาระยอง เขต 1 แบ่งออกเป็น 2 ตอนดังนี้
ตอนที่ 1 เป็นแบบสอบถามที่เกี่ยวข้องกับสถานภาพส่วนตัวของผู้ตอบแบบสอบถามตรวจสอบรายการของครู
ตอนที่ 2 เป็นแบบสอบถามที่เกี่ยวกับการบริหารงานวิชาการตามหลักศุตรการศึกษาขั้นพื้นบานพุทธศักราช 2544 สอบถามเกี่ยวกับการบริหารงานวิชาการทั้ง 6 ด้าน คือ ด้านการบริหารหลักสูตร ด้านวิจัยในชั้นเรียน ด้านการจัดการเรียนการสอน ด้านการนิเทศภายใน ด้านการวัดและประเมินผลการศึกษาและด้านการประกันคุณภาพการศึกษา
ลักษณะของแบบสอบถาม เป็นแบบมาตรส่วนประมาณค่า 5 ระดับ ดังนี้
5 หมายถึง มีปัญหาการบริหารงานวิชาการอยู่ในระดับ มากที่สุด
4 หมายถึง มีปัญหาการบริหารงานวิชาการอยู่ในระดับ มาก
3 หมายถึง มีปัญหาการบริหารงานวิชาการอยู่ในระดับ ปานกลาง
2 หมายถึง มีปัญหาการบริหารงานวิชาการอยู่ในระดับ น้อย
1 หมายถึง มีปัญหาการบริหารงานวิชาการอยู่ในระดับ น้อยที่สุด
วิธีการสร้างเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล
1. ศึกษาเอกสาร ระเบียบ คำสั่ง คู่มือ และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับปัญหาการบริหารงานวิชาการ
2. ศึกษาวิธีการเขียนแบบสอบถาม เรื่องปัญหาการบริหารงานวิชาการ จากผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
3. นำแบบสอบถามที่สร้างเสร็จแล้วเสนอคณะกรรมการที่ปรึกษาภาคนิพนธ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ พิจารณาตรวจความเหมาะสมและสอดคล้องของข้อคำถาม เพื่อปรับปรุงแก้ไขให้สมบูรณ์
4. การหาค่าอำนาจจำแนก (Discrimination) และความเชื่อมั่น (Reliability) โดยใช้วิธีการหาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างคะแนนรายข้อกับคะแนนรวม (Item-total Correlation) ผลการวิเคราะห์ได้ค่าอำนาจจำแนกของแบบสอบถามอยู่ระหว่าง .53 ถึง .86 และหาความเชื่อมั่นของแบบสอบสอบถามทั้งฉบับโดยวิธีหาค่าสัมประสิทธิ์ อัลฟา (Coefficient Alpha) ของ ครอนบาค (Cronbach,1990,pp.202-204) ผลการคำนวณได้ค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามเท่ากับ .98 ซึ่งแสดงว่าแบบสอบถามเกี่ยวกับปัญหาการบริหารงานวิชาการมีความเชื่อมั่นอยู่ในระดับสูง
ฉบับสมบูรณ์ลการคำนวณได้ค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามเท่ากับ .98 ซึ่งแสดงว่าแบบสอบถามเกี่ยวกับปัญหาการบริหารงานวิชาการมีความเชื่อมั่นอยู่ในระดับสูง
วิธีวิเคราะห์ข้อมูล
ละข้อโดยยึดหลักของไลเคิร์ท (Likert)
น้ำหนักคำตอบของผู้ตอบแบบสอบถามแต่ละข้อโดยใช้เทียบกับจุดตัดของคะแนนเฉลี่ย
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
1. ศึกษาปัญหาการบริหารงานวิชาการเป็นรายข้อ รายด้านและภาพรวม วิเคราะห์โดยใช้สถิติพื้นฐาน คะแนนเฉลี่ย (x) และความเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD)
2. เปรียบเทียบปัญหาการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนในกิ่งอำเภอพัฒนานิคม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาระยอง เขต 1 จำแนกตามตามขนาดของโรงเรียน โดยใช้สถิติ t-test
3. เปรียบเทียบปัญหาการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนในกิ่งอำเภอนิคมพัฒนา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาระยอง เขต 1 จำแนกตามประเภทของโรงเรียน โดยใช้สถิติ F-test
สรุปผล อภิปรายผล ข้อเสนอแนะ
การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อศึกษาปัญหาการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนในกิ่งอำเภอนิคมพัฒนา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาระยองเขต 1และเพื่อเปรียบเทียบปัญหาด้านการบริหารวิชาการของโรงเรียนในก่งอำเภอนิคมพัฒนา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาระยองเขต 1 จำแนกตามขนาดโรงเรียนและประเภทของโรงเรียน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ ครูผู้สอนโรงเรียนในกิ่งอำเภอนิคมพัฒนา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาระยอง เขต 1 จำนวน 131 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .98 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าเฮ,ย ความเบี่ยงเบนมาตรฐานใช้สถิติการวิเคราะห์ ความแปรปรวนทางเดียว และการทดสอบค่าที
สรุปผลการวิเคราะห์ข้อมูล
1. ปัญหาการบริหารงานวิชาการโดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า อยู่ในระดับปานกลางทุกด้าน เรียงจากมากไปหาน้อย คือ ด้านหลักสูตรและการบริหารหลักสูตร ด้านการจัดการเรียนการสอน ด้านการวิจัยในชั้นเรียน ด้านการประกันคุณภาพการศึกษา ด้านการวัดผลประเมินผลการศึกษา และด้านการนิเทศภายในตามลำดับ
2. ปัญหาการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนในกิ่งอำเภอนิคมพัฒนา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาระยอง เขต 1 จำแนกตามขนาดโรงเรียน พบว่า ปัญหาการบริหารงานวิชาการจำแนกตามขนาดโรงเรียนโดยรวมแตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ สำหรับรายด้าน พบว่าปัญหาการบริหารงานวิชาการ ด้านการประกันคุณภาพการศึกษา แตกต่างกันอย่างมนัยสำคัญทางสถิติ ส่วนด้านอื่นๆ แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
การศึกษาระยอง เขต 1 จำแนกตามประเภทของโรงเรียนพบว่า ปัญหาการบริหารงานวิชาการโดยรวม และรายด้านของโรงเรียนประปัญหาการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนในกิ่งอำเภอพัฒนา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาระยอง เขต 1 จำแนกตามประเภทของโรงเรียนพบว่า ปัญหาการบริหารงานวิชาการโดยรวม และรายด้านของโรงเรียนประถมศึกษา โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา และโรงเรียนมัธยมศึกษาแตกต่างกันอย่างมีมีนัยสำคัญ
อภิปรายผล
ความเข้าใจกับการเปลี่ยนแปลง
โรงเรียน
วิชาการ
งานนนี้ ต้องส่ง paper ด้วยนะครับ
ไม่ทราบว่า ส่งหรือ ยัง
แล้วได้เข้าสอบไหมครับ
เอกพรต
ได้ส่ง paper แล้วนะคะ และได้เข้าสอบด้วยค่ะ