พอผมเป็นคณบดีตอนปลายปี ๒๕๒๔ และเปิดโรงพยาบาลได้ในต้นปี ๒๕๒๕ ทีมอาจารย์ของคณะแพทย์ก็คบคิดกันว่าต้องเริ่มจัดทำวารสารทางการแพทย์ ชื่อว่าสงขลานครินทร์เวชสาร คนผลักดันคือ อ. หมอสุเมธ พีรวุฒิ และมาเกณฑ์ให้ผมเป็นบรรณาธิการ
ผมก็ต้องยอมรับ โดยตอนนั้นผมชักจะเป็นมวยบ้างแล้ว ก็ตกลงโดยมีเงื่อนไขว่า อ. หมอสุเมธ ต้องเป็นบรรณาธิการรอง และเมื่อทำได้ราบรื่นแล้วผมขอลาออกให้ อ. หมอสุเมธ เป็นต่อ
เราใช้สูตรเดิมที่ใช้กับวารสารสงขลานครินทร์ คือรับคนเข้ามาทำงานนี้เต็มเวลา เอามาฝึกจนมีความชำนาญ
การเป็นบรรณาธิการในสมัยนั้นงานหนัก ต้นฉบับที่ส่งมามักเขียนแบบไม่สละสลวย นอกจากส่งไปตรวจความถูกต้องแม่นยำและนวภาพของผลงานวิจัย โดยส่ง reviewer แล้ว บรรณาธิการต้องเป็นผู้แก้ถ้อยคำสำนวนให้สละสลวยราบรื่น บางกรณีต้องเขียนให้ใหม่ทั้งเรื่อง โดยต้องตรวจสอบความหมายกับเจ้าของต้นฉบับ ผมลงทุนทำงานนี้เพื่อฝึก อ. หมอสุเมธ และเจ้าหน้าที่ คือคุณสุภาพรรณ ไปในตัว
เรื่องภาษาในการเขียนบทความรายงานผลการวิจัยนี้ ผมได้ครูดี คือ ศ. พญ. สุภา ณ นคร กับ ศ. นพ. ประเวศ วะสี และผมก็เอามาถ่ายทอดต่อให้ผู้ร่วมงานในภายหลัง
พอสงขลานครินทร์เวชสารออกมาได้ไม่ถึงปี ทางศิริราชจัดงานประชุมเรื่องการทำวารสารวิชาการทางการแพทย์ และยกย่องสงขลานครินทร์เวชสาร ว่าเป็นวารสารทางการแพทย์ที่ใช้ภาษาไทยได้ดีที่สุด ทำให้เรามีชื่อเสียงมาก วารสารนี้ดำเนินการต่อมาอย่างสม่ำเสมอ และผมก็ยังได้รับเชิญเป็นที่ปรึกษาของวารสารทั้งสอง
วิจารณ์ พานิช
๑ กค. ๔๙
พัทยา
ไม่มีความเห็น