มีเหตุการณ์ที่ทำให้ดิฉันไม่สบายใจเกือบจะเรียกว่าสะเทือนอารมณ์ความรู้สึกในคืนที่อยู่เวรปฏิบัติงานผ่าตัดนอกเวลาราชการ
ยามวิกาลของวันที่ 14 ก.ค. 2549 เวลาตีสามกว่า 03.13 น. ทีมเวรผ่าตัดได้รับโทรศัพท์จากห้องคลอดแจ้งผ่าตัดด่วน เนื่องจากหญิงตั้งครรภ์ไม่ครบกำหนด เพียง 34 สัปดาห์ มีอาการเลือดออกมากอาจเนื่องจากรกลอกตัวก่อนกำหนดและทารกในครรภ์เกิดภาวะหัวใจเต้นช้าลง
เมื่อได้รับแจ้งทีมผ่าตัดจึงได้แจ้งให้พนักงานห้องผ่าตัดไปรับผู้ป่วยจากห้องคลอดทันที ทีมวิสัญญีและทีมผ่าตัดก็รีบดำเนินการเตรียมความพร้อมทั้งทางการดมยาสลบและอุปกรณ์เครื่องมือผ่าตัด
ผู้ป่วยมาถึงห้องผ่าตัดเวลา 03.25 ระยะเวลาตั้งแต่รับแจ้งจนมาถึงห้องผ่าตัดใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที การประเมินสภาพผู้ป่วยแรกรับพบว่าผู้ป่วยรู้สึกตัวดี มีภาวะซีด เลือดออกทางช่องคลอดจำนวนมาก อ่อนเพลีย ได้รับออกซิเจน Mask ไว้ ผู้ป่วยมีอาการปวดท้องจากการที่มดลูกบีบรัดตัวมาก ได้รีบนำผู้ป่วยเข้าห้องผ่าตัดทันที
เวลา 03. 35 น. แพทย์ลงมีดผ่าตัด เด็กเกิดเวลา 03.37 น. เด็กแรกเกิดตัวซีดขาวตัวเล็กไม่ครบกำหนด ไม่ร้อง ไม่มีปฏิกิริยาจากการกระตุ้น(no reflex) ไม่มีชีพจรประเมิน Apgar Score 1 นาที = 0 วิสัญญีพยาบาลได้ใส่ท่อช่วยหายใจ Endotrachial tube เบอร์ 2.5 และดิฉันได้ช่วยฟื้นคืนชีพโดยการกระตุ้นหัวใจช่วยด้วยทันที (CPR) เราได้ช่วยทำ CPR ประมาณ 5 นาที ประเมินสภาพเด็กอีกครั้งเด็กยังไม่ร้อง ไม่มีปฏิกิริยาจากการกระตุ้น(no reflex) ไม่มีชีพจรประเมิน Apgar Score 5 นาที = 0 ได้แจ้งแพทย์ทราบสภาพการประเมินให้ทราบแล้วแพทย์จึงให้ยุติการช่วยเหลือฟื้นคนชีพ
ในช่วงเวลาดังกล่าวเมื่อไม่สามารถช่วยเด็กได้นั้นดิฉันรู้สึกว่าใจตนเองห่อเหี่ยว หดหู่และเสียใจอย่างยิ่งที่ไม่สามารถช่วยให้เด็กมีชีวิตได้ นึกสะท้อนใจตนเองว่าทำไมวันนี้ถึงได้พบกับเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยจะดีนัก เป็นการเริ่มต้นของวันที่ไม่สดใสเลย แต่เราจะปล่อยให้อารมณ์ตนเองเป็นเช่นนี้ทั้งวันคงไม่ดี
ถามตนเองและวิเคราะห์ว่า "เราได้ทำอย่างเต็มที่ สุดความสามารถแล้วหรือไม่ ?
"ถ้าคำตอบคือ "..ใช่..!!!"
ก็จงอย่าแบกความทุกข์นั้นไว้ ปล่อยวางซะ
การที่เราแบกก้อนหิน หรือคือความทุกข์ไว้ ใครได้ประโยชน์เล่า ไม่มีเลยมีแต่ความหนักและจิตใจที่หดหู่ซะเปล่า ๆ ดังนั้นจงวางก้อนหินก้อนนั้นดีกว่า
หลังจากที่คิดได้แล้วดิฉันก็เริ่มมีสมาธิมากขึ้น และได้นำเรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ ให้กับสมาชิกใน Morning Talk เช้านั้น และวางแผนจะทบทวนกิจกรรมการดูแลผู้ป่วยโดยใช้สูตร C3THER วิเคราะห์ว่าเรามีความผิดพลาดหรือบกพร่องที่ระบบตรงไหนเพื่อหาแก้ไข ปรัปรุง และพัฒนาคุณภาพ อันเป็นหัวใจของการพัมนาคุณภาพ ซึ่งเราได้ทำการทบทวนแล้วดังรายละเอียดที่ http://gotoknow.org/file/supalukbi/c3ther.doc ประเด็นบันทึกนี้อยู่ที่การที่รู้จักการปล่อยวางความทุกข์ใช้สติในการแก้ไขหาเหตุแห่งทุกข์ ทบทวนระบบการทำงานว่ามีข้อผิดพลาดประการใดและที่ไหนหาหนทางแก้ไข ปรับปรุงและพัฒนางานตลอดเวลาถึงจะสมกับการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้จริง
..จะแบกก้อนหินไว้อยู่ใย?...โยนมันทิ้งไปและใช้ C3THER...
เรื่องมันเศร้า...
แต่ทีมแพทย์ - พยาบาลก็ได้ช่วยเขาถึงที่สุดแล้ว
แม้จะไม่ได้อยู่วงการแพทย์แต่เห็นว่าสูตรนี้สามารถนำไปใช้ได้กับทุกงาน ดิฉันขออนุญาตคุณศุภลักษณ์ นำตารางนี้ไปใช้ด้วยนะคะ
"ก้อนหินก้อนนั้น" ผมชอบเพลงนี้ครับ ฟังทีไรไพเราะและ ได้คิดทุกครั้ง
ให้กำลังใจนะครับ
ขอแสดงความเสียใจแก่เด็กน้อยและเป็นกำลังใจให้ครับ
ขอถามเป็นความรู้หน่อยนะครับที่ว่า
รกลอกตัวนี่เป็นยังไงครับ แบบว่าเป็นผู้ชายและไม่เคยเข้าไปดู
Apgar Score คืออะไรครับ
CPR ในเด็กนี่ใช้ไฟฟ้ากระตุ้นแบบที่เห็นในหนังหรือเปล่าครับ
ช่วยตอบคนขี้สงสัยคนนี้ทีนะครับ
ปล.รู้สึกชื่นชมทีมงานมากครับที่สามารถทำการผ่าตัดได้รวดเร็วมาก
อ่านแล้วได้ความรู้มากมายเลยว่า การทำงานเราควรมีการทำทบทวนบทเรียนการทำงานร่วมกัน เพื่อจะได้หาโอกาสพัฒนาต่อไป จะขออนุญาตนำตัวอย่างการทบทวนC3THER เป็นตัวอย่าง ใช้ในการทบทวนการดูแลผู้ป่วยต่อไป
นับเป็นประสบการณ์ชีวิตที่มีค่า ทำดีที่สุดผลออกมาเป็นอย่างไรก็ต้องยอมรับ ขณะเดียวกันเราก็ต้องฝึกฝนตนเองด้วย ทำอย่างไรให้การช่วยเขาแล้วเราไม่ทุกข์ ก็คือ เราจะต้องไม่ไปนำทุกข์ของเขามาเป็นทุกข์ของเรา เรื่องแบบนี้ต้องอาศัยหลักการ วิธีการ แล้วก็ทำให้พอดี ถ้าทำเกินพอดีก็จะเกิดทุกข์ ต้องใช้หลักทางสายกลางและพรหมวิหาร ๔ (เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา)